ณ ห้องทำงานของหัวหน้าบรรณาธิการ
ทันทีที่เกรซเข้ามาในห้อง เธอเห็นสีหน้าของหัวหน้าบรรณาธิการเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
มันทำให้เธอรู้สึกไม่ดี เธอพาตัวเองไปที่โต๊ะของหัวหน้าบรรณาธิการ มองมาที่เขาและทักทายด้วยเสียงทุ่มต่ำ "สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการเฉิน"
หัวหน้าบรรณาธิการเฉินเหลือบมองเธอแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ช่วงทดลองงานของคุณได้จบลงแล้ว”
เกรซตัวแข็งเป็นหิน เธอเม้มปากแล้วคลี่ยิ้มออกมา “ผู้อำนวยการเฉิน ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกซักครั้งเถอะนะคะ”
“ผมไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรให้เราได้เลย ดูลิเลียนซิ คุณยังไม่ได้อ่านข่าววันนี้หรอ บริษัทของเรากำลังพึ่งหล่อนด้วยซ้ำ”
เกรซเม้มริมฝีปากของเธอ ดูเหมือนว่าลิเลียนไม่ได้บอกหัวหน้าบรรณาธิการว่าเป็นเกรซคือคนที่ถ่ายรูปไฮนซ์และซินดี้ เธอเริ่มไม่รู้ว่าเธอจะทำงานที่นี่ต่อไปอีกได้หรือไม่
เกรซไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิ้ม “จริงค่ะ คุณรอสส์ เธอเป็นมืออาชีพมาก”
“เรียนรู้จากเธอซะ” เฉินพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
"รับทราบค่ะ" เกรซตอบเขาทันทีโดยไม่ลังเล
จากนั้นหัวหน้าบรรณาธิการเฉินเหลือบมองไปยังเกรซอีกครั้งและเผยรอยยิ้มอย่างมีนัยยะ
“เกรซ ผมจะบอกความจริงให้นะ ผู้หญิงที่สวยนะไม่จำเป็นต้องทำงานเก่ง สิ่งสำคัญคือเธอสามารถใช้ประโยชน์จากความสวยของตัวเองได้ ตราบใดที่สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ตัวเองมีได้ เธอคนนั้นก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้"
เกรซรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติทันทีจากคำพูดของผู้อำนวยการเฉินที่ต้องการจะสื่อ
ผู้อำนวยการเฉินมองไปยังเกรซตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามองตรงมาที่เธอด้วยสายตาหื่นกระหายและเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา
ดวงตาของผู้อำนวยการเฉินมองมาอย่างเปิดเผยชัดเจน ผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าเขามีหน้าตาที่สะสวย หุ่นดี ใบหน้าที่ดูสวยสะอาดตาและที่สำคัญที่สุดคือความอ่อนเยาว์ของเธอ
ในบริษัทมีหญิงสาวทำงานอยู่แค่ไม่กี่คน ซึ่งก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สวยเท่าเกรซ
เกรซรู้สึกรังเกียจกับสายตาที่มองมาของผู้อำนวยการเฉิน
ผู้อำนวยการเฉินเป็นชายแก่ในวัยห้าสิบ เขาหัวล้านและมีเส้นผมบางๆ เหลืออยู่เพียงไม่กี่เส้นบนหัว ซึ่งนั่นทำให้เขาดูแก่กว่าอายุจริงเสียอีก
อย่างไรก็ตามท่าทางที่ผู้อำนวยการเฉินมองไปที่เกรซนั้นเต็มไปด้วยความคิดอกุศล
“ผู้อำนวยการเฉิน ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร” เกรซมองต่ำลง ขนตายาวของเธอสั่นเล็กน้อยเพื่อปกปิดความสะอิดสะเอียนในดวงตาของเธอ
ผู้อำนวยการเฉินสูดหายใจเข้าอย่างแผ่วเบาและพูดอย่างมีเลศนัยว่า “สาวน้อย ผมรู้ว่าคุณเข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อนะ ผมจะไม่พูดจาอ้อมค้อม เห็นได้ชัดว่างานนี้มันไม่เหมาะกับคุณ”
เกรซเม้มริมฝีปากและยิ้ม ในดวงตาที่เป็นประกายของเธอมีความขมขื่นซ่อนอยู่ เธอกำลังจะตกงานหรือไม่?
เกรซรู้ว่าหัวหน้าบรรณาธิการนี้มีเจตนาที่ไม่ดีกับเธอ
เกรซอยากจะแกล้งโง่ไปเลย แต่เธอไม่อยากเล่นกับเงื่อนไขอันซ่อนเร้นของผู้อำนวยการเฉิน
“ผู้อำนวยการเฉิน คุณน่าพูดถูกค่ะ ฉันคงไม่เหมาะกับงานนี้”
ใบหน้าของเฉินแข็งทื่อ เขาตกใจเล็กน้อยกับคำตอบ เขาคาดไม่ถึงว่าเกรซจะพูดอย่างนั้น เขาคลายสีหน้าลงและพูดว่า "ผมจำได้ว่าคุณต้องการทำงานนี้มาก"
"ใช่ค่ะ ฉันต้องการทำงานนี้จริงๆ" เกรซกล่าวว่า “แต่อย่างที่คุณเฉินพูด ฉันอาจไม่เหมาะกับงานนี้ ฉันคิดว่าจะชิงลาออกก่อน เพื่อไม่ให้ยากสำหรับคุณเฉินเมื่อคุณจำเป็นที่จะต้องไล่ฉันออก”
"เกรซ" เฉินกล่าวทันทีว่า “เอาอย่างนี้ได้มั้ย เราไปทานอาหารเย็นด้วยกันคืนนี้และหารือกันว่าคุณควรจะอยู่หรือจะไป ดีมั้ย”
เกรซกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอได้ยินเสียงเคาะประตูเสียก่อน
เธอหันศีรษะไปดูและพบลิเลียนกำลังเดินเข้ามา
ผู้อำนวยการเฉินเหลือบมองลิเลียนและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ลิเลียน มีอะไร?”
“อ้าว เกรซอยู่ที่นี่เอง ดีมาก” ลิเลียนกล่าวว่า "ฉันต้องการแจ้งให้คุณเฉินทราบว่าข่าวใหญ่ของวันนี้ที่เราปล่อยนั้นจริงๆแล้วเกรซเป็นคนถ่ายค่ะ แต่เพราะเธอไม่ใช่พนักงานประจำจึงไม่ได้ใส่ชื่อเธอลงไปในข่าว"
หัวหน้าบรรณาธิการขมวดคิ้วและจากนั้นเขาก็ทำหน้าราวกับว่าเขานึกอะไรได้บางอย่าง เขามองไปที่เกรซและพูดว่า “เกรซ จริงเหรอ?”
เกรซไม่คิดไม่ถึงว่าลิเลียนจะพูดแบบนั้น เธอทำได้เพียงมองดูลิเลียนอย่างทำตัวไม่ถูกต้อง
ลิเลียนส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธอ “เกรซ ที่เราไม่ต้องปิดบังอะไรต่อหน้าผู้อำนวยการเฉินค่ะ”
เกรซจึงต้องพยักหน้า "ใช่ค่ะ ฉันทำข่าวนี้ด้วยกันกับคุณรอสส์"
เมื่อได้ยินคำพูดของเกรซ ริมฝีปากของลิเลียนก็กลายเป็นรอยยิ้ม เกรซเป็นเด็กดีที่รู้วิธีที่จะพูด
"เอ่อ.." ผู้อำนวยการเฉินเหลือบมองไปที่ลิเลียนและพูดว่า “เนื่องจากข่าวนี้เกรซเป็นคนทำ งั้นผมจะขอถอนคำพูดกับสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้ เกรซ คุณไปดำเนินการเปลี่ยนสถานะให้เป็นพนักงานประจำให้เรียบร้อยซะ และวันหลังตั้งใจทำงานกับลิเลียนดีๆนะ”