พิมพกานต์ถือถาดใส่อาหารคาวหวานออกไปวางไว้หน้าโลงศพของผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงเดินไปเคาะที่โลงสามครั้ง แต่ไม่ได้เรียกให้กินข้าวตามที่ถูกสั่งมา เพราะต่อให้เคาะจนมือหักเรียกจนเสียงแหบเสียงแห้ง หรือร้องไห้จนน้ำตากลายเป็นสายเลือด คนที่นอนอยู่ในโลงก็คงไม่ลุกขึ้นมากินอาหารในถาดนั่นได้หรอก ฉับพลันน้ำตาก็ไหลอาบใบหน้า เมื่อนึกถึงร่างที่นอนปราศจากลมหายใจของคนในโลง แม่จ๋า...แม่ “น้องแพง น้องแพง” เสียงเรียกของนางแน่งน้อยที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็วแล้วหันไปมอง “มีอะไรหรือจ๊ะป้าน้อย” นางแน่งน้อยมองคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนแก้มของลูกสาวเพื่อนสนิทอย่างสงสาร “แอบมาร้องไห้อีกแล้วสิ รู้ไหมว่าตามความเชื่อของคนโบราณ น้ำตาสื่อสารกับวิญญาณได้ ถ้าน้ำตาเราถูกหีบศพจะทำให้วิญญาณของคนตายรับรู้และเกิดความสงสาร หลังจากนั้นก็จะเป็นห่วงเราจนไม่ยอมไปผุดไปเกิด ซึ่งทำให้เราบาปไปด้วย”