กลางดึกที่วราลีออกมายืนเหม่อนอกหน้าต่าง เธอมองไปยังเรือนเล็กเจ้าปัญหาที่ทั้งบิดาและผู้เป็นพี่ชายกำลังหน้ามืดตามัวกับการไปที่นั่น
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะละสายตาไป ก็มีเงาของหญิงสาวมาเกาะที่ขอบหน้าต่างห้องหนึ่งที่เปิดไฟอยู่ มองจากระยะไกลแล้วไม่ได้ยินก็พอเดาออกว่าร่างที่สั่นคลอนและมีผู้ชายประกบจากด้านหลังนั้น กำลังทำกิจกรรมอะไรอยู่
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นไปทั่วท้องน้อย อยากก้าวถอยหลังไปแต่ว่าก็ก้าวขาไม่ออกยืนมองภาพพี่ชายของตนร่วมรักกับบ่าวรับใช้ในเรือนด้วยหัวใจที่เต้นแรง
สักพักทั้งสองก็ย้ายที่ไปร่วมรักกันที่อื่น วราลีเอามือสัมผัสที่ระหว่างขา ชั้นในของเธอนั้นเปียกชุ่มไปด้วยสายธารแห่งความกำหนัด
“ไม่ น้องไม่มีวันได้รับการสืบทอดเชื้อมักมากจากคุณพ่ออย่างพี่โอบแน่” เธอพึมพำถึงพี่ชายของตนแล้วถอยกรูดไปนั่งที่เตียงของตน
หญิงสาวใช้นิ้วไปสัมผัสตรงที่มีน้ำใสๆ ซึมออกมา เพื่อที่จะดูว่ากางเกงชั้นในชุ่มแค่ไหน แต่ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสโดนจุดกระสันโดยไม่ตั้งใจเธอจึงกดเข้าไปหนักขึ้นแล้วสูดปากออกมาเบาๆ
“ทำไมมันรู้สึกดีอย่างนี้นะ อ๊า” เธอพึมพำแล้วเร่งใช้นิ้วมือถูกไถบดคลึงจุดกระสันของตนเองผ่านเนื้อผ้าที่เบาบางนั้น
ปลายนิ้วของหญิงสาวเร่งความเร็วขึ้น เธอกัดเม้มริมฝีปากแล้วสักพักก็หายใจหอบถี่เพราะความสุขสมที่ได้รับมันช่างวิเศษเหลือเกิน
“อื้อ ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อื้อ” เธอแหวกชั้นในของตนไปให้พ้นทางแล้วใช้ปลายนิ้วสัมผัสกับจุดกระสันของตนเองโดยตรง
สักพักหญิงสาวก็กระตุกเกร็งสะโพก ปลายนิ้วจิกเกร็งเข้าหากัน แล้วผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อถึงจุดหมายแล้ว
เธอชักมือกลับอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป หน้าแดงเรื่อด้วยความละอายใจและรู้สึกโกรธตัวเองที่เผลอทำอะไรอย่างนี้
วราลีไม่อยากเป็นอย่างบิดา ไม่อยากเป็นอย่างพี่ชาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังลุ่มหลงในรสกามอยู่
น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาด้วยความอัดอั้น คิดกังวลไปว่าเชื้อร่านสวาทที่อยู่ในสายเลือดของเธอมันกำลังจะเผยออกมา หรือว่ามันเป็นเพราะเธอถูกกระตุ้นด้วยภาพร่วมรักจึงขาดสติยั้งคิดแล้วลงมือช่วยเหลือตัวเองเช่นนั้น
“น้องจะไม่มีวันเป็นเหมือนพี่โอบ ลูกจะไม่มีวันเป็นอย่างคุณพ่อ” เธอนอนกอดหมอนร้องไห้ออกมา ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะเผลอไผลไปถึงขั้นนั้น
แต่วราลีก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอรู้สึกดีกับเรื่องนี้จริงๆ มันเป็นความรู้สึกสุขสมที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน
**********************
เหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นที่ลูกๆ ทั้งสองจะเดินทางไปเรียนต่อยังต่างประเทศ ทวยเทพมองลูกๆ ของตนอย่างภาคภูมิใจ เขารักแก้วตาดวงใจทั้งสองยิ่งกว่าชีวิตของตน
“เดือนหน้าก็ต้องไปแล้ว พ่อหวังเหลือเกินว่าลูกๆ จะไม่ลืมในสิ่งที่พ่อเคยสอน ตอนนี้พ่อสบายใจแล้ว ที่ส่งลูกทั้งสองไปมีอนาคตที่ดี” ประมุขกล่าวขึ้นมาบนโต๊ะอาหารเช้า เพื่อแจ้งข่าวบางอย่างให้กับลูกๆ
“คุณพ่อจะบอกอะไรกับพวกเราหรือคะ” วราลีถามอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่ทุกคนเองก็ทำหน้าสงสัย
“พ่อว่าจะหยุดไปที่เรือนหลังเล็กเสียที พ่ออยากหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม ในระหว่างที่พวกลูกไปเรียนต่อ อย่างน้อยกลับมาก็ยังมีชื่อเสียงของพ่อในด้านดี ส่งเสริมหน้าที่การงานของลูกได้บ้าง พ่อรู้ว่าสิ่งที่พ่อทำมันไม่ใช่เรื่องดี แต่ตอนนี้พ่อจะหยุดทุกอย่างเพื่ออนาคตของทั้งคู่”
สิ่งที่ทวยเทพพูดทำให้รัตนากับวรรณาหันหน้ามองกันด้วยความดีใจ วราลีเองก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี ที่บิดาของตนเองคิดได้ ถึงแม้จะช้าไปแต่ก็ยังดีกว่าจะทำเรื่องแบบนี้ไปจนแก่ชรา
ในขณะที่วราธรนั้นถึงกับกลืนข้าวไม่ลง เพราะว่าตนเองนั้นได้เดินตามรอยบิดาไปแล้ว และเขาติดใจเส้นทางนี้จนยากที่จะถอนตัวแล้ว
“ดิฉันกับแม่วรรณาดีใจเหลือเกินค่ะคุณพี่ คุณพี่อายุมากแล้วเพลาๆ เรื่องพวกนี้เอาไว้ รักษาสุขภาพตัวเอง เป็นสิ่งที่ดีกับคุณพี่นะคะ” รัตนาพูดแทนวรรณากับเรื่องที่น่ายินดีนี้
“ตาโอบ อย่าเป็นเหมือนคุณพ่อล่ะ แม่ยิ่งกังวลเรื่องนี้อยู่” เธอหันไปพูดกับลูกชายต่อ
“ครับ คุณแม่” เขารับปากมารดา หัวใจเต้นแรง เกรงว่าสักวันเรื่องที่ตนนอนกับบ่าว จะล่วงรู้ไปถึงหูของมารดา
อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น เขาก็จะไปมีชีวิตที่อิสระที่ต่างประเทศแล้ว คิดว่าคงพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน อดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาในภายหลัง
วราลีได้ยินพี่ชายรับปากรัตนา เธอก็โล่งใจแต่ก็ยังแอบกังวลไม่ได้ เพราะว่าเรื่องความใคร่ มันห้ามกันอยู่เสียเมื่อไหร่กัน
**********************
หม่อมราชวงศ์ส่งสวัสดิ์หรือคุณชายหนึ่ง เขาได้เดินทางมายังบ้านอภิราชส่งกิจสกุลด้วยความไม่เต็มใจนัก เพราะผู้เป็นมารดานั้นอยากให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของบ้านนี้เหลือเกิน
ตระกูลของเขานั้นมีเชื้อสายเจ้าติดตัวมาก็จริง แต่ใครเล่าจะรู้ว่าภายใต้ความร่ำรวยและชื่อสกุลที่บังหน้านั้น แท้จริงมารดาของเขากับบิดาไม่ลงรอยกันเสียเท่าไรเพราะความมักมากของบิดาที่มีคนรับใช้เป็นนางบำเรอ
บ้านอภิราชส่งกิจสกุลที่ก็ไม่ต่างกัน เพราะข่าวลือเรื่องทวยเทพนั้นแพร่ออกไปในวงกว้าง ผิดกับเรื่องในรั้วในวังที่ปิดเงียบรู้กันแค่ภายใน เขาเบื่อหน่ายเหลือเกินที่สังคมของคนร่ำรวยมักจะมีเรื่องผู้หญิงมาเกี่ยวข้อง
เมื่อรถคลาสสิกสีดำของเขาจอดที่หน้าเรือนหลังใหญ่ บ่าวรับใช้ก็ออกมาต้อนรับและถือตะกร้าของฝากเดินตามเข้าไปยังห้องรับแขก
“เชิญคุณชายนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะขึ้นไปเรียนคุณท่านให้” บ่าวรับใช้หรือที่ตอนนี้สมัยใหม่เรียกกันว่าคนรับใช้ได้กล่าวขึ้น
หม่อมราชวงศ์หนุ่มถึงกับถอนหายใจที่บ้านนี้ยังทำอย่างกับคนรับใช้เหล่านี้เป็นบ่าวไพร่เหมือนสมัยหลายสิบปีก่อนอยู่ เพราะขนาดในวังเล็กๆ ของเขาเอง คนเหล่านี้ก็ยังไม่ได้คลานเข่าถึงขนาดนี้และไม่ได้แทนตัวเองว่าบ่าวอย่างบ้านนี้
‘รวย และจองหองสินะ คิดว่าตัวเองมีอำนาจ เลี้ยงดูคนรับใช้ให้เหมือนบ่าวในเรือนอย่างสมัยก่อน นี่มันยุคไหนแล้ว น่ารังเกียจสิ้นดี หากเราต้องแต่งงานกับลูกสาวของเขา คงจะชูคอกว่าเดิมสินะ’ เขาได้แต่คิดอย่างรังเกียจ
วราลีเป็นคนลงมาต้อนรับคู่หมายของตน เป็นครั้งแรกที่สองแล้วที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากันเช่นนี้ แต่เธอก็ยังอดเขินเขาไม่ได้
เธอยกมือไหว้เขาแล้วนั่งลงเก้าอี้รับแขกฝั่งตรงข้าม “คุณชายหนึ่งมาเยี่ยมคุณพ่อหรือคะ” เธอถามเขาด้วยความสุภาพ
“อืม คุณแม่ให้เอาผลไม้จากเมืองจีนมาฝาก เห็นว่าครั้งที่แล้วคุณอาทวยเทพชอบ และคุณอาหญิงทั้งสองก็ชอบเช่นกัน”
“ขอบพระคุณค่ะ” เธอไหว้เขาแล้วทั้งคู่ก็นิ่งไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกัน
“น้องอ้อมว่างหรือเปล่า คุณแม่ให้พี่ชวนไปเที่ยว” เขาอ้างมารดาของเขา ทำให้วราลีรู้ว่าเขาเองก็คงไม่ได้เต็มใจนัก แต่อยู่ที่นี่เธอพูดอะไรไปก็เกรงจะไม่สะดวก จึงเลือกที่จะตอบตกลงไปเที่ยวกับเขา
“ว่างค่ะ ถ้าอย่างนั้นอ้อมขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่นะคะ” เธอยิ้มอย่างสุภาพ แล้วเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดที่สุภาพในการออกไปข้างนอก
คุณชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็คิดว่าเธอเองก็คงอยากหมั้นหมายและแต่งงานกับเขาจนตัวซีดสั่น
เมื่อรถของเขาแล่นผ่านประตูรั้วบ้านอภิราชส่งกิจสกุล วราลีก็เริ่มพูดเปิดประเด็นขึ้นมาทันที
“เราไปจอดคุยกันตรงสวนสาธารณะใกล้ๆ นี้ดีกว่าค่ะ อ้อมมีเรื่องอยากคุยกับคุณชาย”
“อืม ได้สิ” เขารับปาก เพราะตนเองก็คิดไม่ออกเช่นกันว่าควรพาเธอไปที่ไหน
ในสวนของวันธรรมดาเช่นนี้ไม่มีคนมากนัก ทั้งสองลงจากรถแล้วเดินเล่นในสวนไปเรื่อยๆ จนถึงริมสระบัวกลางสวน วราลีก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเธอขึ้นมา
“เรื่องหมั้นหมายของเราในอนาคต อ้อมทราบดีว่าคุณชายเองก็ไม่ได้เต็มใจเสียเท่าไร ดังนั้นในระหว่างที่อ้อมไม่อยู่หากคุณชายเจอคนที่ถูกใจ และเลือกที่จะหมั้นหมายกับคนอื่น อ้อมก็เข้าใจ”
คุณชายส่งสวัสดิ์ได้ยินเช่นนั้นเขาก็นิ่งไป หญิงสาวตรงหน้าเธอตรงไปตรงมาดี เธอเองก็คงไม่เต็มใจถูกจับคลุมถุงชนเช่นกัน
“เอาไว้ถึงวันนั้นก่อนเถิด พี่พูดตามตรงว่าพี่ไม่อยากมีปัญหากับคุณแม่และท่านพ่อ” เขาเรียกสรรพนามของมารดาสามัญชนของเขากับบิดาที่มีเชื้อเจ้าได้ชัดเจน
“ค่ะ งั้นอ้อมจะถือว่าเราสองคนเข้าใจตรงกันแล้ว” เธอเผยยิ้มออกมาเมื่อเขาเองก็เปิดใจพูดตามตรงกับเธอ
“อืม” เขาเองก็ยิ้มออกมา เป็นครั้งแรกที่ยิ้มออกมาจากใจจริงหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกัน
“ดูเหมือนฝนจะตกนะ เรากลับไปขึ้นรถกันดีกว่า” คุณชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อหยดน้ำฝนตกใส่ที่ใบหน้าของตน
แต่ยังไม่ทันขาดคำฝนก็เทลงมาราวกับฟ้ารั่ว
คุณชายหนุ่มพาคู่หมายของตนวิ่งไปหลบฝนที่ศาลากลางน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด ในสวนที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ฝนตกหนักมองไปทางใดก็เบลอไปหมด
วราลียืนตัวสั่นเทา เสื้อสีขาวเปียกชุ่มจนมองเห็นชั้นในลูกไม้ของเธอ คู่หมายหนุ่มจึงถอดเสื้อสูทตัวนอกของตนให้กับเธอ แต่ก็ไม่วายที่จะลอบกลืนน้ำลายกับความงามที่ยั่วยวนสายตาตรงหน้า
วราลีรับเสื้อเขามาคลุมทับแล้วกระชับมันเอาไว้ปิดบังเนินเนื้อที่บัดนี้สายฝนทำให้มันปรากฏแก่สายตาของเขา
คุณชายหนุ่มที่มีสาวสวยล้อมรอบ แน่นอนว่าต้องเคยมีความสัมพันธ์กับหญิงคนรักหลายคน แต่มารดาของเขาที่ไม่ชอบกิริยาและชาติตระกูลของหญิงสาวเหล่านั้นก็จัดการจนพวกหล่อนหนีหายไปหมด พอมาเห็นภาพคู่หมายที่เปียกปอนเช่นนี้ก็รู้สึกถึงความเป็นชายที่ตื่นตัวขึ้น
“น้องอ้อม จะไปเรียนต่อวันไหน”
“อีกสี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ค่ะ” เธอตอบเขาเสียงสั่นด้วยความหนาว
“หนาวเหรอ” เขาถามแต่ไม่ได้รอคำตอบ ขยับไปยืนด้านหลังแล้วโอบกอดเธอเอาไว้
ความเป็นชายดันที่สะโพกของวราลีจนเธอรู้สึกได้ แล้วความปรารถนาก็ก่อตัวขึ้นมา ทั้งๆ ที่พยายามห้ามใจไม่อยากเป็นเหมือนบิดาและพี่ชาย แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เธอก็ขาดสติแล้วความคิดที่อยากยั่วยวนเพื่อลิ้มรสความใคร่ก็ผุดขึ้นมา
เธอขยับสะโพกเล็กน้อยทำให้เขารู้สึกถึงการเสียดสีแล้วเอื้อมมือที่กอดเธอเลื่อนไปเกาะกุมที่หน้าอก
เมื่อวราลีไม่ห้ามปรามเขาก็รู้ทันทีว่าเธอคงไม่ปฏิเสธ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้หากถอดเสื้อผ้าร่วมรักกันมันคงดูไม่ดีนัก
“พี่จะมอบความอบอุ่นให้อ้อม อยู่นิ่งๆ นะ” เขากระซิบบอกเธอข้างใบหู
“ค่ะ” วราลีรับปากแล้วรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นที่ล้วงเข้าไปใต้กระโปรงเธอจากด้านหลัง
กระโปรงด้านหลังถูกถลกขึ้นมา แล้วเธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงออก
ราชนิกุลหนุ่มจับแท่งลำของตนถูไถกางเกงชั้นในลูกไม้จากด้านนอก ในขณะที่มือก็ล้วงเข้าไปในใต้เสื้อของเธอ ลูบคลำหน้าอกแล้วบีบเคล้นเบาๆ โยกสะโพกถูไถจนวราลีเริ่มเกิดอารมณ์กระสัน กางเกงชั้นในเปียกชุ่มจากการเล้าโลมของเขา
“อุ่นดีหรือไม่”
“ยังหนาวอยู่เลยค่ะ อ้อมอยากอุ่นกว่านี้” เธอพูดเสียงเครือปลายเสียงเต็มไปด้วยความกระสัน
เขายกยิ้มอย่างพอใจแล้วจัดการเบี่ยงกางเกงในลูกไม้ออกไปให้พ้นตำแหน่งที่จะสอดใส่โดยไม่ได้ถอดมันออก
ปลายแท่งลำถูไถที่ร่องสวาทจากด้านหลังแล้วถูกกดให้จมเข้าไปครึ่งลำเพราะท่านี้ทำให้เข้าไปได้ไม่สุด วราลีมีสีหน้าบิดเบ้ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ สิ่งที่เธอถูกพร่ำสอนมา ในที่สุดก็ลืมคำพูดมารดา ลืมที่จะรักษาเนื้อรักษาตัวไว้รอคืนแรกของการเข้าหอ
คุณชายส่งสวัสดิ์ดันแท่งลำเข้าออกเป็นจังหวะที่ต่อเนื่องแล้วก้มลงจูบที่ซอกคอด้านหลังสองมือล้วงไปขยำสองเต้างาม ย่อตัวกระแทกตอกอัดอย่างนุ่มนวล
เธอเริ่มครางออกเสียงแข่งกับสายฝน เอี้ยวใบหน้ามามองเขาแล้วเผยอปากขอจูบด้วยความกระสัน เขาโน้มใบหน้าลงไปจูบแลกลิ้นกับหญิงคู่หมาย กระแทกเข้าไปด้วยน้ำหนักสะโพกที่แรงขึ้น
ความตื่นเต้นท่ามกลางสายฝนและครั้งแรกที่ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันทำให้วราลีถึงจุดหมายไปอย่างง่ายดาย คุณชายหนุ่มจึงเร่งความเร็วขึ้นแล้วดันตัวเธอออกจากร่างเดินไปชักรูดปลดปล่อยน้ำรักลงสระบัวไปอย่างน้อยก็ต้องป้องกันเธอเอาไว้ในระดับหนึ่ง
วราลีจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ยืนนิ่งเกาะราวจับในศาลา น้ำตาไหลรินออกมาเมื่อตนเองผ่านเรื่องกามราคะมาแล้ว
คุณชายส่งสวัสดิ์รู้ดีว่าตนเองเป็นคนแรกของเธอ จึงเดินเข้าไปดึงเธอมากอดไว้แนบอก “อย่าร้องไปเลยอ้อม อย่างไรเสียเราก็เป็นคู่หมายกัน พี่รับผิดชอบในตัวอ้อมอยู่ดี”
**********************