เมื่อนางพิศเขาให้นานขึ้นอีกนิด ลั่วฟางเซียนจึงได้ยินเสียงการหายใจดังรัวแรง คล้ายกับว่าอีกไม่กี่อึดใจต่อจากนี้ เขาคงปลดปล่อยความต้องการของบุรุษออกจากแก่นกายอันแข็งแรง และงดงามราวกับรูปแกะสลักนั่น
แต่เขาจะปลดปล่อยความขุ่นข้นได้อย่างไร ในเมื่อมือสองของเขาถูกพันธนาการเอาไว้!
ดวงตากลมโตพิศบุรุษผู้นั้นด้วยความฉงน สองมือของบุรุษผิวขาวละเอียดอมชมพู ยามนี้อยู่เหนือศีรษะ มีโซ่ตรวนยึดเชื่อมกันไว้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา
เขาเป็นนักโทษของคฤหาสน์แห่งนี้หรือ?
คำถามดังกล่าวผุดขึ้นในใจของลั่วฟางเซียน กระนั้นก็มีสิ่งโต้แย้งตามมา นักโทษอย่างเขา ช่างน่าหลงใหล อีกทั้งมีไฟแห่งราคะลุกท่วมเรือนกายสูงใหญ่ จนนางเผลอไผลก้าวเข้าไปหา นอกจากนั้นความรู้สึกดำมืดพลันเกิดขึ้น อีกทั้งข้อมือมีโซ่ตรวน ข้อเท้าข้างหนึ่งถูกโซ่ล่ามไว้กับลูกเหล็กขนาดใหญ่
ลั่วฟางเซียนแลบเลียลิ้นเรียวสีชมพูกับริมฝีปากอิ่มเอม วาบนั้นความคิดนางเพริศแพร้ว นางอยากทรมานบุรุษผู้นี้ อย่างน้อยที่สุดคือได้รู้สึกถึงการกดขี่บุรุษเพศ สั่งสอนให้พวกเขารับรู้ถึงรสชาติการถูกข่มเหงเสียบ้าง โดยเฉพาะหากคนผู้นี้มีเลือดของสกุลถาน นางยิ่งจะลงโทษเขาให้สาสม
เมื่อในหัวเกิดภาพชั่วร้าย นางจึงไม่รอช้า หญิงสาวใช้เท้าข้างหนึ่งเขี่ยความแข็งแกร่งของเขา
ยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ เขายิ่งบิดกายแกร่งราวกับเกิดความซ่านเสียวหนัก
ขณะเดียวกัน สายตานางก็อ่านชื่อของเรือนนี้
‘เรือนอักษร’
“มิน่าถึงได้มีบุรุษขี้เกียจ เอาแต่นอนฝันถึงภาพลามก” นางเอ่ยจบก็ออกแรงกดฝ่าเท้าลงบนแก่นกายที่แข็งขันจัดซ้ำไปมา
ยามนั้นความรู้สึกสาแก่ใจบังเกิดขึ้น มันช่างเหลวไหลนัก นางกลายเป็นคนที่มีสติวิปลาสตั้งแต่เมื่อใด
“ข้าจะช่วยท่านให้หลั่งออกมาดีหรือไม่”
นางเอ่ยจบแทนที่จะได้ยินเสียงตอบ เขากลับครางเสียงทุ้มๆ ราวกับเป็นการขอร้อง
“ดีๆ ข้าจะทำให้ท่านปลดปล่อยจนสุขสมใจ”
เท้าข้างนั้นยังออกแรงกดแก่นกายปลายหัวหยักที่บานเบ่งและมันวามวาว ก่อนที่อีกมือจะคว้าเอาพู่กันที่มีด้ามยาวราวสองศอกมาถือไว้ ปลายของมันข้างหนึ่งใช้เขียนตัวอักษร อีกด้านฝังเหล็กเอาไว้ มันไม่ได้มีความคม หากคือตราเหล็กแกะสลักเป็นตัวอักษร อ่านได้ว่า ‘สิบสอง’ สือเอ้อร์
ลั่วฟางเซียนเลือกใช้ปลายพู่กันที่เป็นขนจิ้กจอกเขี่ยยอดหน้าอกแข็งเป็นไตของชายหนุ่ม ผู้ที่นางจะเรียกเขาว่าคุณชายสิบสอง
“อยากสำราญหรือไม่ ขอร้องข้าสิ สิบสอง ท่านครางให้ข้าฟังดังๆ”
คำพูดนางได้การตอบรับจากอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
เสียงที่เขาเปล่งจากลำคอ มันชวนสยิว ทั้งทำให้กลีบงามของนางในร่มผ้าแฉะชื้น
“อ๊ะ...ข้าจะทำให้ท่านคลั่ง กลายเป็นคุณชายผู้ที่กลั้นน้ำคาวเข้มข้นสีขุ่นเอาไว้ไม่ไหว”
นางเอ่ยราวกับเป็นหญิงร่านสวาท จากนั้นจึงเขี่ยยอดหน้าอกตั้งชันของสิบสองแรงขึ้น จนเขาสะดุ้ง
“หึ ๆ ๆ ท่านสมควรเป็นทาสราคะของข้า”
ลั่วฟางเซียนเอ่ยจบ จึงลงไปนั่งทับร่างชายหนุ่ม นางบดบั้นท้ายงอนงามชิดกับแก่นกายเขาที่ผงกหัวอย่างท้าทาย ส่วนมือข้างหนึ่งบีบบี้ยอดหน้าอกเขา เมื่อเห็นผิวกายขาวละเอียดมีสีชมพูระเรื่อจนน่าตื่นเต้น นางจึงได้ใจ
“ข้าจะทำให้คุณชายสิบสอง ตายอย่างสุขสมทั้งที่หลับฝัน”
นางกล่าวและบีบยอดหน้าอกเขาอย่างไม่ผ่อนปรน พอเขาครางติดๆ กันไม่หยุด ความรัญจวนต่อร่างกายสูงใหญ่พันทวีความรุนแรง
จากนั้น เรียวลิ้นของลั่วฟางเซียนแลบเลียที่ยอดหน้าอกแข็งเป็นไต พอลงลิ้นรัวๆ หัวคิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน
“ท่านช่างเป็นบุรุษแสนเกียจคร้าน แม้แต่การร่วมรักกับสตรี ยังเอาแต่นอนขี้เซา รอให้ฝ่ายหญิงเป็นผู้ลงมือ”
สิบสองไม่ได้ตอบ หากริมฝีปากบางสีสดของเขาอ้าออกน้อย ๆ ราวกับคล้ายจะเอ่ยถ้อยคำ อาการเช่นนี้ นางคุ้นเคยว่าเขาคงละเมออยู่ในฝันที่ทั้งสัปดน และน่ารังเกียจ
ลั่วฟางเซียนพิศดูท่าทางเขาแล้ว ก็หมั่นไส้ และอยากรู้ว่าเขาจะเอ่ยสิ่งใด นางจึงค่อยๆ โน้มตัวลงไปใกล้เขา ตั้งใจฟังเสียงพูดอันแผ่วเบา
“พูดอีกทีสิบคุณชายสิบสอง”
ยามนั้นริมฝีปากบางสีสดขยับไหวช้าๆ ก่อนที่หัวใจของลั่วฟางเซียนแทบหยุดการเคลื่อนไหว เมื่อนางได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม
“ข้าจะเอาเจ้าเหมือนสุนัขตัวเมีย ผูกเจ้าไว้กับเสาของเรือนอักษร แม้เจ้าท้องแก่ ข้าก็จะเย่อไม่หยุด!”
มันไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ เสียงที่ลั่วฟางเซียนได้ยินช่างชั่วช้า และหยาบคาย
ฝ่ามือเรียวตบลงบนแก้มของอีกฝ่าย ตบคราแรกนางยังไม่หายขุ่นเคือง นางตบไปอีกสองหนติดๆ กันจนใบหน้าของชายหนุ่มมีรอยฝ่ามือชัดเจน และมุมปากเขามีเลือดซึม
“ตื่น ข้าสั่งให้เจ้าตื่นคุณชายสิบสอง!”
ทั้งที่เขาถูกนางกระทำราวกับคนบ้า หากดวงตาเขายังปิดสนิทเช่นเดิม
“อยากลองดีนักใช่หรือไม่ ได้...อนุเหยียนผู้นี้ จะลงโทษบุรุษทุกคนในสกุลถานด้วยมือของข้าเอง”
ดวงตากลมโตมองไปยังเทียนเล่มใหญ่ที่ถูกจุดเอาไว้รอบๆ เรือนโลงแห่งนี้ จากนั้นนางจึงใช้ป้ายพู่กันที่เป็นเหล็กแกะสลักลนไฟจนร้อนจี๋ ตั้งใจนำมันมานาบกับผิวละเอียดสีขาวอมชมพูของชายหนุ่ม
“ข้าจะทำให้ท่านไหม้ไปทั้งตัว” นางเอ่ย พร้อมหัวเราะราวกับสตรีอมหิต
ในขณะที่นางกำลังจะนาบปลายพู่กันกับเนื้อตัวของสิบสอง ลิ่วฟางเซียนต้องรีบกลั้นลมหายใจ
ฉับพลัน เกิดหมอกประหลาดผุดขึ้นจากสระดอกบัว มันโอบคลุมเรือนโล่งอย่างรวดเร็ว ลั่วฟางเซียนเตรียมหลบหนีจากที่นั่น แต่กลายเป็นว่ามีอาวุธลับพุ่งมาเข้าใส่ร่างนางจากทุกทิศทาง
อาวุธดังกล่าวเป็นกลีบดอกบัวสีแดงโลหิต มันบาดเข้าที่แขนนาง และต้นคอ
“บัดซบ! ใครใช้วิธีสกปรกกับข้า” นางเอ่ยจบจึงทรุดฮวบลงพื้น
แต่ลั่วฟางเซียนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นางต้องหนีจากที่นี่ให้ได้ นางคลานสะปะสะปะราวกับคนตาบอด กระทั่งมือสัมผัสได้กับร่างอุ่นๆ ของสิบสอง ลั่วฟางเซียนพลันกรีดร้องอย่างเสียขวัญ
ยามนั้น ดวงตาของเขาลืมตื่น และมันเปล่งแสงแผดจ้าท่ามกลางควันประหลาดนี้