9 หวงมาก

1532 Words
“ท่านพี่” เจียวอวี่ตกใจตั้งรับมนตราเคลื่อนย้ายไม่ทัน ร่างบางจึงหงายหลังล้มลงบนเตียงกว้าง ร่างสูงที่นอนหลับตาอยู่รีบเคลื่อนย้ายกายแกร่งจากที่นอนอยู่บนเตียงไปที่หน้าประตูทางออกแทน “อย่าได้คิดจะก้าวขาออกจากห้องนี้เด็ดขาด ถ้าข้ากลับมาแล้วไม่เจอเจ้า คงรู้นะว่าคืนนี้จะโดนอะไรบ้าง” จิ่นเหิงก้าวขาออกจากประตูห้องบรรทมไปพร้อมกับประตูที่ปิดเองอย่างแรง ‘ปัง!’ เจียวอวี่ที่นอนหงายอยู่บนเตียงทอดถอนลมหายใจอย่างอ่อนใจ “เหตุใดท่านพี่ถึงได้มีนิสัยใจร้อนรุนแรงเช่นนี้ ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง” สตรีลุกขึ้นนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงกว้างพลางคิดหาทางออกไปจากที่นี่ “ทำอย่างไรดี ที่นี่ถูกร่ายด้วยมนตรากักขังขั้นสูงสุด แล้วข้ายังจะถูกสาปด้วยเวทพันธนาการ แต่น่าประหลาดใจ เมื่อเช้าตัวข้าอยู่ห่างจากท่านพี่เกินสามสิบก้าวก็ไม่เห็นจะมีอาการหนาวในอกอย่างที่ท่านพี่กล่าว...หรือว่า” เจียวอวี่ที่นั่งครุ่นคิดอยู่ก็เกิดเอะใจเรื่องที่ถูกองค์ชายปีศาจข่มขู่เรื่องเวทพันธนาการ นางจึงไม่รอช้า รีบหายตัวกลับไปยังห้องรับรองของตนที่อยู่ห่างจากห้องบรรทมของชายหนุ่มไปเพียงหนึ่งช่วงห้องกั้น หญิงสาวรีบอาบน้ำแล้วแต่งตัวใหม่ด้วยชุดที่รัดกุม แต่ไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนัก นางแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีขาวมิดชิดแล้วเดินไปที่โต๊ะกลางห้อง ใช้พลังปราณธาตุน้ำขั้นสูงร่ายมนตราวารีล่องหนที่มีลักษณะเป็นหยดน้ำเพียงหนึ่งหยดที่มีมวลมหาศาล ให้แทรกซึมไปทั่วทุกอณูในวังเป่ยเปียนโดยไม่ทิ้งร่องรอยมนตราให้ตามจับได้ เพื่อสืบข่าวและหาช่องทางออกไปจากวังเป่ยเปียนในดินแดนปีศาจ ตัดภาพมาที่องค์ชายรัชทายาทที่รีบร้อนออกมาจากห้องบรรทม ทิ้งหญิงสาวไว้ที่ห้องเพียงลำพังเพียงเพราะได้รับคลื่นพลังปราณสายใยจากราชาปีศาจเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน จิ่นเหิงจึงรีบเดินทางมายังวังเฉียนเมี่ยนโดยฉับพลัน ปรากฏกายที่หน้าพระพักตร์องค์ราชาปีศาจที่กำลังนั่งอยู่บนราชบัลลังก์เพียงพระองค์เดียว “ท่านพ่อเรียกลูกมาทำไมกันพ่ะย่ะค่ะ” จิ่นเหิงเงยหน้ามองชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาที่มีความคล้ายคลึงกันหกในสิบส่วน จะต่างกันก็ตรงที่องค์ชายรัชทายาทมีใบหน้าที่หวานกว่าราชาปีศาจเพียงเล็กน้อยเพราะคล้ายท่านแม่ผู้ล่วงลับกว่าสี่ในสิบส่วนที่เหลือ “ไยลูกถึงพูดกับพ่อเย็นชาเช่นนั้น” องค์ราชาปีศาจหัวเราะ แต่นัยน์ตายังคงความดุดันน่ากลัวไว้เช่นเดียวกัน “ถ้าท่านพ่อไม่ได้มีเรื่องสำคัญ ลูกจะกลับวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จู่ ๆ จิ่นเหิงก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา กลัวว่าเจียวอวี่จะออกไปเดินเล่นข้างนอกวังแล้วจะสร้างเรื่องปวดหัวให้ชายหนุ่มตามไปจัดการพวกมดปลวกนั่นอีก “ใจร้อนเสียจริงลูกคนนี้ พ่อจะถามเจ้าว่าเจ็ดวันที่แต่งงานกับเจียวอวี่ไปเป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดไม่พานางมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อและญาติของเรา” องค์ราชาปีศาจมองสบตาลูกชายคนโตจอมเย็นชาหัวแข็ง แถมเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งด้วยแววตาขบขันอยู่ในทีเมื่อพูดจาลองใจเจ้าลูกชายที่ขึ้นชื่อว่าเกลียดสตรีเป็นนักหนา “เจียวอวี่...นางไม่ชอบออกมาพบปะผู้ใด ลูกเกรงว่าจะเป็นการไม่สะดวก ไว้คราวหน้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จิ่นเหิงตอบองค์ราชาปีศาจด้วยสายตาจริงจัง ไม่มีแววตาล้อเล่น “นางไม่อยากพบผู้ใด หรือท่านพี่จิ่นเหิงไม่อยากให้พบกันแน่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงประกาศดังก้องของชายหนุ่มร่างสูงที่มาใหม่เอ่ยถามขึ้น “จิ่นไฉ่ ถ้าเจ้าไม่อยากให้วังหนานเปียนของเจ้าหายไปครึ่งหนึ่งก็อย่าพูดเช่นนี้อีก” จิ่นเหิงหันหลังไปสบตาชายหนุ่มที่ก้าวเดินเข้ามาในห้องท้องพระโรงด้วยแววตาดุดัน นัยน์ตาสีแดงเพลิงมีประกายเปลวเพลิงก่อเกิดขึ้นเพียงบางเบาแต่น่ากลัวยิ่ง “ท่านพี่จิ่นเหิง น้องแค่หยอกล้อท่านเล็กน้อย ไยต้องโมโหถึงเพียงนี้ เป็นเช่นนี้แล้วน้องอยากเห็นหน้าพี่สะใภ้ขึ้นมาทันทีว่าจะงดงามโฉมสะคราญปานล่มสามภพจริงหรือไม่ เพราะในช่วงสองสามวันมานี้ข้าได้ยินข่าวลือเรื่องสวนบุปผาท้ายวังเป่ยเปียนว่ากลับมางดงามราวกับสวนบุปผาบนสวรรค์ชั้นฟ้า มิหนำซ้ำยังมีเทพธิดาสาวนามว่าจ้านเจียวอวี่คอยดูแลอยู่ ไม่ว่าปีศาจน้อยใหญ่ สัตว์อสูร หรือแม้แต่มารจากโลกมนุษย์ยังต้องแวะเวียนไปแอบลอบมอง แต่ช่วงหลังมานี้ข้ากลับได้ยินข่าวลือหนาหูว่าใครก็ตามที่ไปแอบลอบมองอยู่ที่สวนท้ายวังจะไม่ได้กลับออกมาอีกเลย ท่านพ่อให้ข้าตามสืบเรื่องนี้อยู่พอดี ท่านพี่พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดปีศาจและสัตว์อสูรหลายตนถึงหายตัวไป” จิ่นไฉ่ บุตรชายคนรองของราชาปีศาจกล่าวจบก็สบนัยน์ตาสีแดงเพลิงขององค์ชายรัชทายาทตาไม่กะพริบด้วยสีหน้าท้าทาย “เจ้าอยากรู้เช่นนั้นหรือ ก็ลองไปแอบลอบมองที่สวนบุปผาท้ายวังของข้าสิ แล้วเจ้าจะรู้ว่าจะได้กลับออกมาหรือไม่” จิ่นเหิงหันหลังกลับไปเผชิญหน้าองค์ราชาปีศาจที่นั่งลอบยิ้มอยู่ เมื่อฟังเจ้าลูกทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องลูกสะใภ้ ชายหนุ่มที่ถูกยั่วโมโหสบตาองค์ราชาตาไม่กะพริบ พร้อมกับเอ่ยประโยคเชิงข่มขู่เป็นนัยว่า “ท่านพ่อ ถ้าไม่อยากให้น้องรองหรือน้องสามอายุสั้น ก็อย่าส่งเจ้าพวกนี้มาสอดเรื่องในวังของข้า และอย่ายุ่งกับเจียวอวี่ ถ้าท่านพ่อไม่ฟัง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” จิ่นเหิงพูดจบก็สะบัดชายเสื้อคลุมแล้วหายตัวกลับวังเป่ยเปียนไป โดยที่ไม่รอให้องค์ราชาเอ่ยอะไรได้เลยสักเพียงครึ่งคำ “ท่านพ่อ ดูท่านพี่จิ่นเหิงสิพ่ะย่ะค่ะ กล้าเอ่ยวาจาสามหาวเช่นนี้ต่อหน้าพระพักตร์ ไหนว่าเกลียดสตรีหนักหนา แต่แต่งงานไปได้เพียงเจ็ดวันก็เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้” จิ่นไฉ่องค์ชายรองฟ้ององค์ราชาปีศาจถึงการกระทำสามหาวขององค์รัชทายาทที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายคนโต “เจ้าก็อย่าไปถือสาคนตกอยู่ในภวังค์แห่งรักเลย พ่อดีใจเสียอีกที่พี่ชายของเจ้าเจอคู่ปรับที่สูสีเช่นนี้ เทพธิดาจ้านเจียวอวี่คงจะเปลี่ยนนิสัยใจร้อนหยาบกระด้างของจิ่นเหิงให้หายไปได้บ้าง เร็ว ๆ นี้พ่อและพวกเจ้าอาจจะได้อุ้มหลานเป็นแน่ ฮ่า ๆ” องค์ราชาปีศาจหัวเราะด้วยความสบายอารมณ์ที่สามารถปราบพยศลูกชายจอมหยิ่งนี้ได้บ้าง “ไม่เสียแรงที่ข้าขอร้ององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ให้ส่งเทพธิดาจ้านมา แม้ว่าจะฝืนใจนางก็เถอะ แต่สิ่งที่ข้าทำในวันนี้จะเป็นการเปลี่ยนชะตาทั้งสามภพไปตลอดกาล” องค์ราชาปีศาจมองไปทางทิศที่วังเป่ยเปียนตั้งอยู่ด้วยแววตามุ่งมั่น ณ วังเป่ยเปียน เจียวอวี่ที่ดื้อดึงเดินกลับมาที่สวนบุปผาท้ายวัง ให้บ่าวรับใช้นำอาหารไปอุ่นแล้วตั้งสำรับขึ้นใหม่ที่ศาลาไม้ที่รายล้อมไปด้วยบุปผาสีชมพูอ่อนซึ่งเป็นสีโปรดปรานของเทพธิดาสาวที่กำลังนั่งทานอาหารเพียงลำพังด้วยท่าทางเศร้าซึม “หลิ่งจี ซือเซียน เยว่ผิง พวกเจ้าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ข้าคิดถึงพวกเจ้า” เจียวอวี่ใช้มือซ้ายถือตะเกียบคีบอาหารหยุดนิ่งค้างเมื่อนึกถึงบรรดาสหายที่อยู่ร่วมกันมาหลายพันปีที่วังบุปผา “คิดถึงมันมากใช่หรือไม่ หลิ่งจีอะไรนั่น เจ้าคงรักมันมากสินะถึงกล้าขัดคำสั่งมานั่งยั่วยวนให้พวกมดปลวกมันดอมดม” จิ่นเหิงเพิ่งกลับมาจากวังเฉียนเมี่ยน เมื่อไม่เจอหญิงสาวที่ห้องบรรทมจึงตามกลิ่นบุปผาเฉพาะตัวของร่างบางมาที่นี่ “ท่านอย่ามาพูดถึงสหายข้าด้วยถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้นะเจ้าคะ ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว ขอตัวเจ้าค่ะ” เจียวอวี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบเดินออกจากศาลาไม้ทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล กลับยิ่งยั่วโทสะชายหนุ่มให้โมโหมากยิ่งขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD