6 ล่อลวง

1504 Words
หญิงสาวที่ตกใจจึงรีบลุกขึ้น แต่ไม่ลืมดึงผ้าห่มมาปกปิดทรวงอกใหญ่ขาวเนียนที่ใครมองก็ต้องเคลิ้มด้วยความเสน่หา แต่ชายหนุ่มที่มือไวกว่าคว้าไหล่บางกลมมนของหญิงสาวให้ลงนอนกับเตียงกว้าง รีบพลิกกายแกร่งทาบทับร่างบางและใช้ฝ่ามือหนากำลำแขนเรียวบางไว้เหนือหัว “ว้าย องค์ชาย อื้อ!” เจียวอวี่ตกใจกับการกระทำที่แสนรวดเร็วของชายหนุ่ม ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกร่างสูงที่แสนเอาแต่ใจสูบพรากลมหายใจไปเกือบเสียหมดสิ้น ริมฝีปากร้อนแตะลงบนริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนรุนแรง กลิ่นคาวเลือดคลุ้งในปาก ชายไม่อาจจะหยุดความร้อนแรงในกายสาวได้เลย ร่างบางรู้สึกโหวงในช่องท้อง เลือดลมในกายไหลเวียนเร็วขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว “อือ อื้อ! อื้อ!” เจียวอวี่พยายามประท้วงร่างสูงที่กดริมฝีปากลงมาชิมน้ำหวานในโพรงปากอิ่ม โดยไม่ยอมเว้นช่วงจังหวะให้หญิงสาวได้หายใจ จู่ ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบเข้าที่โพรงปากสาว องค์ชายปีศาจแสนเจ้าเล่ห์ร่ายเวทพันธนาการขั้นสูงสุดให้แก่เทพธิดาดูแลพืชพรรณที่นอนอยู่ใต้ร่าง หญิงสาวที่พยายามขัดขืนอยากจะใช้กำปั้นน้อย ๆ ทุบตีที่อกแกร่งของชาย เมื่อรู้ว่าถูกชายหนุ่มล่อลวงให้ถูกสาปด้วยมนตราขั้นสูงสุดที่ไม่สามารถแก้คำสาปได้ ถ้าหากผู้ร่ายเวทไม่ได้เป็นคนแก้ให้ ผ่านไปนานราวหนึ่งเค่อ เขาจึงถอนริมฝีปากร้อนออก จ้องมองหญิงสาวที่กำลังอ่อนแรงเพราะถูกจูบพรากวิญญาณมาอย่างยาวนาน “อย่าได้คิดหนีไปจากข้า เจ้าเป็นของข้า ไม่มีวันที่จะได้อยู่ห่างจากกายข้าได้ และข้าร่ายคำสาปพันธนาการผูกพันจิตวิญญาณของเจ้าไว้ที่ข้า เมื่อใดที่เจ้าอยู่ห่างจากข้าเกินสามสิบก้าว ร่างกายของข้าจะร้อน ในอกดั่งมีเปลวเพลิงปีศาจแผดเผา และเจ้าเองก็เช่นกัน จะรู้สึกเหน็บหนาวกายแทบขาดใจ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงจ้องมองหญิงสาวใต้ร่างจนแทบชิด ห่างกันเพียงลมหายใจกั้น “ท่านทำแบบนี้ทำไมเจ้าคะ ไหนท่านบอกว่าเกลียดข้า เกลียดสตรีไม่ใช่หรืออย่างไรกัน แล้วทำไมถึงต้องทำกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าไปทำอะไรให้ท่านแค้นเคืองหนักหนา” เจียวอวี่ตะโกนใส่ร่างสูงที่คร่อมกายอยู่ด้านบนอย่างอึดอัดใจ น้อยใจ และเสียใจที่ถูกสาปไว้เช่นนี้ แล้วแบบนี้นางจะหนีไปจากที่นี่ได้อย่างไรกัน “ข้าไม่เคยบอกว่าเกลียดเจ้า แล้วก็ไม่เคยคิดว่าเป็นสตรี เพราะเจ้าเป็นคนของข้า เหตุใดข้าจะทำเช่นนี้กับเจ้าไม่ได้” จิ่นเหิงกล่าวจบก็ล้มตัวลงกอดหญิงสาวใต้ร่างแน่น “ปล่อยข้านะ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากอยู่กับท่าน ฮือ อื้อ อ่อยอ้านะ (ปล่อยข้านะ) ฮือ” หญิงสาวดิ้นรนขัดขืนกายอย่างรุนแรงเพราะรับไม่ได้ที่ถูกองค์ชายปีศาจสาปเวทพันธนาการ ชายหนุ่มพยายามปราบพยศหญิงสาวใต้ร่างด้วยการขบเม้มริมฝีปากอิ่ม ไล่ลงเรื่อยมาจนถึงทรวงอกเต่งตึงที่เบียดบดอกชายแน่น ยอดปทุมถันชี้ตั้งแข็งขืน กายแกร่งจึงใช้ริมฝีปากร้อนเข้าดูดงับวนเวียนอยู่ที่ยอดผลอิงเถานั่นอย่างดูดดื่ม “อะ อา อือ อ้า” หญิงสาวใต้ร่างที่ถูกจู่โจมกะทันหันบิดกายสยิวด้วยความเสียวซ่าน เมื่อชายหนุ่มเห็นหญิงสาวเริ่มโอนอ่อนไปตามแรงปรารถนาก็เริ่มรุกเร้า เร่งรัดความหรรษานี้ให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น “ทะ ท่านพี่ ข้าเสียวเจ้าค่ะ” เจียวอวี่ลืมสิ้นทุกอย่าง พลั้งปากเรียกชายหนุ่มด้วยความอ่อนระทวย “ปลดปล่อยออกมาอวี่เอ๋อร์ พี่จะช่วยเจ้าเอง” จิ่นเหิงใช้สองมือใหญ่บีบเคล้นเต้าตึงจับเต็มไม้เต็มมือ “ข้าต้องการเจ้าค่ะ ท่านพี่ช่วยข้าด้วย อา อ้า” เจียวอวี่บิดกายเข้าหากายแกร่ง ใช้สองแขนโอบรัดคอหนาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า ชายหนุ่มใช้มือหนาสอดประสานไปที่ใจกลางสาว สร้างความหรรษาให้กับหญิงสาวจนถึงขอบประตูสวรรค์ “เจียวอวี่ อยากขี่ม้าหรือไม่” จิ่นเหิงพลิกกายแกร่งนอนลงแล้วจับหญิงสาวให้พลิกขึ้นมาอยู่ด้านบน “ขี่ม้า? ท่านจะพาข้าไปเที่ยวหรือเจ้าคะ” หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาร้องถามขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตั้งแต่นางถือกำเนิดขึ้นมายังไม่เคยได้ขี่ม้าจริงจังอย่างหลิ่งจี สหายรักเลยสักเพียงครั้ง นางเคยแต่นั่งซ้อนไปกับหลิ่งจีหนเดียวเท่านั้นที่ลงไปเยือนโลกมนุษย์ “เจ้าไม่เคยขี่ม้ามาก่อนอย่างนั้นหรือ” จิ่นเหิงหรี่ตาถามร่างบางที่นั่งคร่อมร่างชายอยู่ด้านบนด้วยความสงสัย นางอายุก็ไม่ใช่น้อยทำไมถึงไม่เคยขี่ม้ามาก่อน “ข้าไม่เคยขี่ด้วยตัวเองเจ้าค่ะ มีแต่หลิ่งจีเคยพาข้านั่งบนหลังม้าขี่ไปด้วยกัน แต่ตอนนั้นข้ามัวแต่หวาดกลัวก็เลยจำความรู้สึกนั้นไม่ค่อยได้” สตรีนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นแล้วยิ้มกว้าง แสดงออกถึงความสุขอย่างยิ่ง “หลิ่งจีมันเป็นผู้ใด คนรักของเจ้าเช่นนั้นหรือ” จิ่นเหิงไม่พอใจอย่างมากเมื่อหญิงสาวกล่าวถึงบุคคลอื่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขเช่นนั้น “จะว่าเช่นนั้นก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเจ้าค่ะ หลิ่งจีเป็นคนสนิทที่ข้ารู้สึกดีด้วยมากที่สุด” เจียวอวี่ยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อนึกถึงสหายรักที่มีรูปลักษณ์ภายนอกดูไม่ค่อยเหมือนสตรีที่เรียบร้อยเท่าใดนัก “นี่เจ้ากล้าพูดถึงชายอื่นที่ไม่ใช่สามีของเจ้าต่อหน้าข้า และยังกล้าทำสีหน้าอาลัยอาวรณ์ถึงมันเพียงนี้ จะหยามข้ามากเกินไปเสียแล้ว” จิ่นเหิงเข้าใจผิดคิดไปเองว่าหลิ่งจีเป็นชายคนรักของเจียวอวี่ จึงยกร่างบางของหญิงสาวลอยขึ้นแล้วสอดประสานแท่งร้อนสู่ใจกลางสาวอย่างรวดเร็ว “อะ อา ข้าเจ็บนะเจ้าคะ! ท่านพี่เป็นอะไร ท่านจะโมโหข้าไปทำไมในเมื่อหลิ่งจีเป็น อะ อือ อา อ้า” ชายหนุ่มที่นอนอยู่ด้านล่างไม่สนใจคำอธิบายของหญิงสาว เขาสาดส่ายเอวสอบพุ่งทะยานเข้าสู่ใจกลางสาวอย่างรวดเร็วรุนแรง หญิงสาวไม่สามารถพูดให้จบประโยค ได้แต่กัดริมฝีปากบาง รู้สึกสยิวเสียวซ่านกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ชายหนุ่มได้มอบให้ “ของเจ้ามันตอดรัดของข้า อวี่เอ๋อร์ เจ้าชอบขี่ม้าเช่นนี้หรือไม่” ชายหนุ่มโยกย้ายสะโพกสอบรัวเร็วใส่หญิงสาวด้านบนแบบไม่ยั้งแรง “อะ อา ท่านพี่ อื้อ อา อะ อะ อ้า” เจียวอวี่ตัวโยกจนสั่นสะท้านไปทั้งลำตัว บิดกายบางรับความเสียวซ่านอย่างสุขสม เมื่อหญิงสาวใกล้แตะขอบประตูสวรรค์ ชายหนุ่มใต้ร่างกลับหยุดการกระทำลงกลางคัน หญิงสาวที่เกือบจะถึงจุดสุขสมกลับถูกทิ้งให้เคว้งคว้างกลางอากาศ “อวี่เอ๋อร์ทำเองสิ พี่จะสอนเจ้าขี่ม้าด้วยตัวเจ้าเอง” จิ่นเหิงส่งแววตาท้าทายไปให้หญิงสาวด้านบน พร้อมกลับใช้ฝ่ามือใหญ่รวบสะโพกบางของหญิงสาวให้ขยับขึ้นลงจนหญิงสาวสามารถขยับตามได้เอง ชายหนุ่มถึงได้หยุดใช้มือหนานำทาง “เช่นนั้น อา อวี่เอ๋อร์ อา อ้า เร็วขึ้นอีก” ชายหนุ่มเผลอร้องครางด้วยความสุขสม ความรู้สึกที่เป็นผู้ตามมันดีเช่นนี้เอง แม้หญิงสาวจะควบขี่แท่งรักด้วยความเงอะงะ แต่ก็สร้างความหรรษาให้แก่ทั้งสองได้เป็นอย่างดี “อะ อื้อ ท่านพี่ ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” เจียวอวี่ขยับขึ้นลงบนตัวหนุ่มด้วยความถนัดถนี่ พร้อมกับเร่งจังหวะรักด้วยความรวดเร็วจนร่างสาวกระตุกเกร็งค้างอยู่บนลำตัวชายหนุ่ม “รอพี่ด้วย อา อ้า เช่นนั้น” จิ่นเหิงไม่รอช้า รีบช่วยหญิงสาวเร่งสาวทะยานพุ่งไปสู่จุดสุดสูงของพลังปราณ ฉีดพ่นน้ำรักเชื้อพันธุ์ของความยิ่งใหญ่เข้าไปในตัวหญิงสาวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อจบสิ้นสมรภูมิรัก สองชายหญิงก็กอดเกี่ยวกันในท่าเดิม หญิงสาวล้มตัวนอนกอดอยู่บนตัวชายหนุ่ม ความรู้สึกเกลียดเริ่มเหือดหายไป ความรู้สึกรักเริ่มเข้ามาแทนที่ แม้จะเริ่มต้นความผูกพันด้วยกาย แต่ใจบอบบางดวงนี้กลับหวั่นไหวไปไม่น้อยเมื่อชายหนุ่มเริ่มให้ความสำคัญ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD