สามวันผ่านไป...
ร่างบางที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงเก่าๆ สภาพมอมแมมหน้าตาดูอิดโรยเหมือนคนใกล้หมดแรงเต็มที เพราะเธอถูกขังอยู่ในห้องมืดนี่มานานแล้วไม่มีแม้แต่ข้าวให้กิน อย่าว่าแต่ข้าวเลยขนาดน้ำยังไม่มีแม้แต่หยดเดียว เขาจงใจขังเธอให้ตายอยู่ในห้องมืดๆ นี่!
"ลุงจ๋าที่รักจะไม่ไหวแล้ว อึก จะไม่ไหวแล้วจริงๆ อึก" เสียงเบาแสนเบาปนสะอื้นที่เปล่งออกมาดูสิ้นหวังในชีวิต เธอไม่คิดว่าจะต้องมานอนตายอยู่ในห้องมืดๆ นี่เลย ไม่เคยคิด
ทำไมชีวิตเธอช่างน่าอนาจแบบนี้ พ่อแม่ก็ทิ้ง ต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำกับลุง ถ้าเปรียบแล้วเธอกับลุงก็ไม่ใช่ลุงกับหลานทางสายเลือดจริงๆ แต่ลุงก็รักเธอมาก รักเหมือนลูกหลานแท้ๆ ต่างจากพ่อแม่ของเธอที่ทิ้งขว้างเธอไว้ข้างถนนอย่างไม่คิดเหลียวแล แต่แล้วชีวิตของเธอก็คงต้องจบลงอย่างโดดเดี่ยวเหมือนครั้งแรกที่เธอลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้สินะ
"ถ้าหนูตายจริงๆ ชาติหน้าขอให้หนูเกิดมาเป็นลูกแท้ๆ ของลุงนะคะ อึก ผักหวานแล้วเราจะกลับมาเป็นเพื่อนรักกันอีกนะ ที่รักคิดถึงผักหวานเสมอนะ..." เธอพยายามฝืนเปลือกตาที่หนักอึ้งแต่ก็ต้านทานความเหนื่อยล้าไม่ไหวสุดท้ายตากลมโตก็ค่อยๆ หลับลงไปท่ามกลางความมืดมิดและอากาศที่ดูหดหู่ภายในห้องแห่งนี้
'ชาติหน้าขอให้หนูโชคดีอย่างคนอื่นเขาบ้างนะคะ อย่าได้มาเจอคนใจคอโหดเหี้ยมอย่างผู้ชายคนนี้อีกเลย'
กาสิโนมาร์ริค
ผู้ชายหล่อเหลาสามคนกำลังนั่งคุยกันอย่างสบายอารมณ์เพราะนานๆ ทีพวกเขาถึงจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับแบบนี้ เพราะพวกเขาแต่ละคนมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
"ดูมึงอารมณ์ดีนะไอ้มาร์ริค" คามินเอ่ยทักเมื่อดูแล้วเพื่อนของเขาดูรื่นเริงกว่าปกติ เหมือนมีของถูกอกถูกใจ หรือว่าเขาคิดไปเอง
"กูนะหรอ" มาร์ริคเลิกคิ้วสูงพร้อมกับยิ้มมุมปาก
"มันคงเรียกชื่อกูมั้งเมื่อกี้นะ" เรียวอดกระแนะกระแหนเพื่อนไม่ได้ ดูมันเถอะขนาดคามินเอ่ยชื่อมันขนาดนี้มันยังมีหน้ามาถามอีก เขาก็สงสัยไม่ต่างกันกับคามินหรอกแต่พอคามินถามเขาก็พลอยต้องอยากรู้ไปด้วยว่าอะไรทำให้ไอ้เพื่อนตัวดีมันอารมณ์ดีได้ขนาดนี้
"ได้อะไรดีมาว่ะ ท่าทางแบบนี้ หึหึ" เขาจ้องเพื่อนเพราะพวกเขารู้ดีว่าถ้าใครสักคนแสดงอาการแบบนี้มันต้องมีอะไรสักอย่าง ซึตอนนี้มาร์ริคกำลังเป็นอยู่
"ไว้กูจะบอกพวกมึงเองเมื่อถึงเวลา หึหึ" หยักคิ้วให้เพื่อนแล้วหัวเราะ
"เล่นตัวว่ะ" เรียวเบะปากใส่เพื่อน
"ไม่ใช่มาบอกอีกทีลูกเต็มบ้านเลยนะมึง หึหึ" คามินประชดทีเล่นทีจริง
"กูว่าไอ้ที่จะลูกเต็มบ้านก่อนนะ นู้นไอ้เรียวนู้น"
"เกี่ยวอะไรกับกูด้วยว่ะ" เรียวทำฟน้าแปลกใจกับสิ่งที่เพื่อนพูด เขายังไม่มีเมียจะมีลูกได้ยังไง อ่อ ไม่สิ เมียนะมีแล้วแต่เมียหนียังหาไม่เจอนี่สิปัญหาสำหรับเขา
"อ้าว ก็ได้ข่าวฟันผู้หญิงจนเขาหนีไม่ใช่หรอวะ ฮ่าๆ ๆ ๆ " มาร์ริคพูดจบก็หัวเราะเสียงดังเมื่อเพื่อนทำหน้าแปลกๆ คามินหันมองเรียวอย่างต้องการคำอธิบาย เรียวถอนหายใจพรืดใหญ่
"อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นไอ้คามิน"
"จะให้กูถามหรือมึงจะเล่า? " คามินจ้องเรียวเขม็ง
"ไม่เลือกได้ไหมวะ"
"งั้นกูสืบเอง"
"เอ่อๆ พวกมนี่แม่ง" เขาจนต่อสายตาเพื่อนๆ ต้องเล่าเรื่องราวของเขาให้พวกมันฟัง
"อ่อ โดนผู้หญิงหลอกฟันแล้วหนีนี่เอง แล้วยังไงว่ะรู้สึกยังไงบ้าง ฮ่าๆ ๆ "
"พวกมึงอย่าสอดรู้สอดเห็นเป็นผู้หญิงไปหน่อยเลยว่ะ" เรียวกล่าวเสียงหงุดหงิดเมื่อพวกมันดูจะจับผิดเขาเกินไป
"แล้วมึงจะกลับดูไบตอนไหน" คามินยกยิ้มก่อนจะยกบรั่นดีชั้นดีขึ้นดื่มก่อนจะตอบเพื่อน
"พรุ่งนี้วะ"
"รอบนี้มาแปบเดียวมึงจะรีบกลับไปกกสาวที่ไหน" มาร์ริคสงสัยพร้อมกับเหน็บไปในทีเดียว เพราะเขารู้ว่าคามินมันร้ายไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ใครที่กล้าแหยมกับคามมินส่วนใหญ่จะซะตาขาดทุกราย
"ไม่มีวะ กลับไปเครียร์งานก่อนพักยาว หึหึ" เขาจะได้พักผ่อนแบบยาวๆ แบบไม่ต้องบินไปบินมาให้เหนื่อยอย่างตอนนี้ ถ้าเครียร์งานหมดเขาก็มีเวลาหาสาวๆ มานอนกอดเล่นวันละเป็นสิบก็ยังได้
"กูไม่เชื่อ" เรียวส่งยิ้มเจ้าเล่ห์คามินหัวเราะเบาๆ ในคอที่เพื่อนรู้ทันเขาตลอดสมกับเป็นเพื่อนรักกับเขาจริงๆ
"นั่นสิ แล้วผู้หญิงที่กล้าแหยมมึงละ จัดการหรือยัง" มาร์ริคถามเพราะเห็นรอนบอกว่าคนของคามินจับตัวแมวขโมยที่ล้วงกระเป๋าของคามินได้แล้วแถมยังเป็นผู้หญิงซะด้วย เขารู้สึกตะหงิดในใจว่าเด็กสาวที่รอนพูดถึงจะเป็นเพื่อนกับยัยเด็กน้อยนมโตของเขาหรือเปล่าถ้มใช่แล้วยัยเด็กนั่นรู้เขาไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ เด็กคนนั้นไม่รู้ว่าเป็นตายอย่างไรบ้างตอนนี้ซักจะเป็นห่วงแทนเด็กน้อยของเขาจริงเชียว
"ซิบหาย! " คามินถลึงตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ใจหายวูบอย่างไม่เคยเป็นจนเรียวกับมาร์ริคแปลกใจ
'อะไรที่ทำให้คามินตกใจได้ถึงขนาดนี้'
"มีอะไรรึเปล่าวะ" มาร์ริคเอ่ยถาม เมื่อทั้งนายและลูกน้องมีท่าทีไม่ต่างกันเลยคือนิ่งไปเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ว่าแต่มันคืออะไรละเขาก็อยากรู้
"กูต้องรีบกลับ" พูดจบคามินก็เดินเร็วออกไปจากห้องพร้อมกับเบนจามินสมุนมือซ้ายของเขาทันที
"เป็นอะไรของมัน" สองเสียงของหนุ่มหล่อผู้ที่ถูกทิ้งให้ยืนงงอยู่ในห้องดังประสานกันก่อนที่จะหันมองหน้ากันแล้วเกาหัวแกรกๆ อย่างไม่เข้าใจในความรีบร้อนของเพื่อน
บนรถ
"ขับให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไงว่ะ" เสียงห้าวที่ดังมาจากข้างหลังทำเอาสารถีหนุ่มถึงกับสะดุ้งโหยง
"เหยียบเกือบมิดแล้วนะครับนายมิดกว่านี้พ่อเมื่อไทยได้กวักเรียกแน่นอนนาย" เขาเอ่ยตอบเพราะดูท่านายของเขาจะรีบร้อนของจริง เขาละแปลกใจจริงๆ ไหนบอกจะฆ่าให้ตายยังไงกันละ กับแค่ขังไว้แล้วลืมไปสามวันต้องเดือดร้อนขนาดนี้ไหม
"เอาให้มิด" คามินสั่งเสียงแข็งเพราะอะไรก็ไม่ทราบเหมือนกันที่ทำให้เขารู้สึกอยากกลับไปเปิดประตูให้ยัยเด็กสิบแปดมงกุฎนั้นออกมาทั้งที่เขาก็เคยสั่งฆ่าเธอมาแล้วครั้งหนึ่งไม่เห็นจะรู้สึกอะไร แต่ครั้งนี้ทำไมเขาไม่ปล่อยให้เธอตายไปซะทำไมต้องรู้สึกวูบแปลกๆ ในอกแบบนี้ด้วยนะ
'อย่าใจเสาะตายไปซะก่อนละยัยเด็กบ้า'
--------------------------