เวลาต่อมา…
ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ!
“เฮือก… =_=”
ผมสะดุ้งด้วยความสะพรึง เมื่อเสียงเตือนข้อความโทรศัพท์รัวถี่เสียงยิ่งหัวเครื่องปั่นแป้งในร้านเค้กของพี่โจ๊กเสียอีก
นับตั้งแต่ที่เจอข้อความว่า จีบได้ไหม ใจขอสารภาพ จากเบอร์แปลกๆ ผมก็ไม่แตะโทรศัพท์อีกเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เสียงแจ้งเตือนข้อความถึงได้ดังไม่หยุดแบบนี้
“ปิดเสียงสักทีดิ รำคาญ” ไม่ใช่แค่เสียงเตือนข้อความอย่างเดียวหรอก เพราะในขณะเดียวกันก็มีเสียงของเฮีย ‘เกมส์’ พี่ชายผมพูดแทรกขึ้นมาด้วย
วันนี้เฮียเกมส์ไม่ได้นอนหอของมัน แต่เลือกที่จะกลับมานอนบ้านเพราะแม่โทรตาม และบอกเลยว่าถ้าตัดเสียงเตือนข้อความที่น่ารำคาญนั่นออกไป เฮียเกมส์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำลายความสงบสุขในชีวิตผม
ทั้งที่เราทั้งคู่ก็โตจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้วแท้ๆ แต่แม่ยังคงให้ผมกับเฮียนอนร่วมห้องเดียวกันเหมือนตอนเด็กๆ จริงๆ ผมไม่ได้รำคาญเฮียหรอก แต่รำคาญเสียงเกมส์จากเครื่อง PS ที่เฮียกำลังเล่นอยู่ต่างหาก
ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ!
“มึงจะปิดเสียงข้อความได้ยัง เฮียไม่มีสมาธิเล่นเกม” คงเพราะเฮียหมดความอดทนล่ะมั้ง ถึงได้หยุดพักเกมที่กำลังเล่นเอาไว้ แล้วหันมามองค้อนผม
“ถ้าปิด อีกฝ่ายก็รู้อ่ะดิ ว่าผมเปิดอ่านข้อความแล้ว” ใช่! และนี่คือความซวยแบบมหากาฬของผมเอง ที่ดันปิดหน้าจอแชทของคนแปลกหน้าคนนี้ไป
“ทำไม มันเป็นใคร?” เฮียถาม พลางวางจอยเกมในมือลุกเดินเข้ามาหาผมที่นั่งคุดคู้อยู่บนเตียง ด้วยความไวเหนือเสียง เฮียก็ถือวิสาสะฉวยโทรศัพท์มือถือผมไปไว้กับตัวทันที
“เฮียทำไรวะ!?” ผมตะคอกเสียงดัง พยายามจะยื้อโทรศัพท์คืนแต่เหมือนจะไม่ทัน เมื่อคนตัวใหญ่ซึ่งเป็นพี่ชายดันเปิดข้อความแชททั้งหมดขึ้นอ่าน ก่อนกระตุกปากยิ้มเจ้าเล่ห์
วูบหนึ่งที่เฮียเหลือบมอง จนผมเผลอกลืนน้ำลายแบบไม่เข้าใจเหตุผลที่เฮียทำหน้าแบบนั้น จนกระทั่งมันอ่านอะไรบางอย่างออกมา
“รักคุณเสียยิ่งกว่าใคร มอบกล่องดวงใจเอาไว้ที่คุณ…”
=_= ห้ะ…
“หวงคุณเอาเสียยกใหญ่ หึงจนหัวใจว้าวุ่น ไม่อยากให้ใครใกล้คุณ ไม่อยากให้คุณใกล้ใคร...” ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อีกครั้ง เมื่อเฮียเกมส์เงียบไปแล้วตวัดหางตามองผมพร้อมด้วยรอยยิ้มจิตๆ ซึ่งนั่นตามมาด้วยคำถาม “ใครวะ?”
“ไม่รู้”
“โม้”
“จริงๆ” ผมทำเสียงหนักแน่น
เฮียเกมส์ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่สั้นๆ ขณะตาจ้องหน้าจอโทรศัพท์จากนั้นก็พูดออกมา
“อ่านแค่สองข้อความล่าง เฮียก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานการจีบและความเป็นติ่งก็อต จักรพันธ์จากข้อความเขาว่ะ” ท่าทางเฮียดูจริงจังเป็นอย่างมาก เอาจริงๆ ต่อให้เฮียไม่พูดเรื่องพลังงานจีบ ผมก็สัมผัสได้เหมือนกันป่ะวะ ในเมื่อสองข้อความแรกส่งมาถึงขนาดนั้น
“เฮียว่า ต้องตอบเขาสักหน่อยแล้ว”
“เฮ้ยเฮียไม่เอา!” ความขี้สอดของเฮียเกมส์ ไม่เคยเป็นรองใคร ต่อให้ผมจะห้าม แต่เนื้ออยู่กับเสือแล้ว อะไรๆ ก็คงไม่ทัน
เฮียเกมส์ทำมือยุกยิกอยู่กับโทรศัพท์ผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงเตือนข้อความดังขึ้นหลังจากนั้นไม่ถึง 5 วินาที
“เก้า…” วลีสั้นๆ ที่หลุดจากปากของเฮียเกมส์ ทำใจผมกระตุกวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม แถมมันยังย้ำทวนให้ผมเสียวสันหลังอีก “เจ้าของข้อความพวกนี้ชื่อเก้าว่ะ”
ผมไม่ตอบอะไร เพราะไม่อยากที่จะพูดถึง ขืนบอกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายมีหวังเฮียต้องล้อแน่ๆ แต่
“กุ๊ก คนชื่อเก้าอะไรนี่กำลังจีบมึงอยู่อ่อ?”
“จีบบ้าไรวะเฮีย!” ผมแย้งออกไปเสียงดัง และอดคิดตามไม่ได้ว่า ไอ้ผู้ชาย 3 คนที่ผมบังเอิญเจอระหว่างทางกลับบ้านคืนนี้อาจจะเป็นพวกลูกน้องหรือคนรู้จักของพี่นพเก้าก็ได้
อีกอย่างพี่เก้าก็เคยพูดเองว่าไม่ใช่เกย์ ต่อให้พี่เขาจะชอบแกล้งอะไรแรงๆ ก็เหอะ จีบห่าอะไร ไม่ใช่แล้ว!
ปึก!
“โอ๊ยยยย!” ผมร้องลั่นเมื่อเฮียเกมส์โยนโทรศัพท์ใส่ผมอย่างแรง พอเหลือบตามองก็พบว่าพี่ชายตัวดีกำลังยืนกอดอกในท่าทางเหมือนผู้บรรลุ และในตอนที่ผมจะอ้าปากพูดออกไปอยู่นั้น เฮียเกมส์ดันแทรกออกมาก่อน
“มีคนมาชอบมันก็ดีแล้วนี่ ดีกว่าต้องทนแอบชอบใครสักคนที่มึงไม่รู้ว่าเขาจะรักเราหรือเปล่า” เฮียกำลังเริ่มดราม่าเรื่องตัวเอง ผมสัมผัสได้!
“แล้วมันยังไงอ่ะ เป็นเฮีย เฮียก็ชอบกลับไม่ลงหรอก!” ผมเถียง
“เพราะ?”
“ก็เพราะ!” เสียงผมหายไปในช่วงท้ายประโยค เมื่อนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป อาจทำให้เป็นประเด็นจนเฮียล้อยันลูกบวชแน่
“เพราะอะไร?” ลูกตื้อของเฮียคือสิ่งที่ทุกคนกล่าวขาน คำถามแค่เพียงสั้นๆ ทำผมกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อถูกสายตาของพี่ชายตัวดีจ้องมองมาพร้อมกับคำถาม “ตอบสิ…”
ว่าจะไม่พูดถึงแล้วแท้ๆ สุดท้ายก็ต้องบอก เอาวะ! จะได้จบๆ เผื่อเฮียจะได้เข้าใจอะไรๆ มากขึ้น
“เพราะเก้าอะไรนั่นเป็นผู้ชายไง” ผมตอบนิ่งๆ และเลือกที่จะมองหน้าเฮียกลับไปตรงๆ พอพูดจบบรรยากาศภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
เชื่อได้เลยว่าเฮียเกมส์คงกำลังช็อก ทว่า
“นี่น้องกู… จะมีผัวแล้ว…”
“ไอ้เฮีย!”
“กะผู้ชายด้วยกัน ลองดูไม่เสียหายนะ เบิกประสบการณ์ใหม่ลงดันเจี้ยนไง” มันพูดเหมือนไม่ได้แคร์ความรู้สึกน้อง แถมยังหันไปสนใจจอยเกมที่วางทิ้งไว้มากกว่าความรู้สึกของน้องชายแท้ๆ แบบผมเสียอีก
เวรเอ้ย! เบิกประสบการณ์ใหม่ห่าอะไร!
พอคิดแล้วมันก็อดก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองในมือไม่ได้ ก่อนพบว่ามีข้อความหนึ่งเปิดค้างเอาไว้
0xx000xxxx :: ฝันดี พรุ่งนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัย
วันต่อมา…
@มหาวิทยาลัยเอกชน K
ตั้งแต่ไหนแต่ไรผมเป็นคนไม่ค่อยกลัวใครหรอกนะ แค่ตอนเกิดมาเทวดาใส่ความขี้เกรงใจมาให้มากไปหน่อยเท่านั้นเอง ผมเหมือนคนอ่อนแอ และไม่ค่อยสู้คน เพราะเกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิตแม่สอนมาว่า ไม่ควรเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเรื่องอันตรายไร้สาระ แต่ว่านี่นะ…
“กุ๊ก…” ผมสะดุ้งดีดตัวลุกจากม้านั่งด้วยความตกใจ และนั่นทำให้เจ้าของเสียงหวานๆ ย่นคิ้วชิดกันทันทีพร้อมด้วยคำถามต่อมา “เป็นบ้าอะไร ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย!?”
“ปะ เปล่า…”
เธอคนนี้มีชื่อว่า ‘ดาว’ เป็นดาวประจำคณะคหกรรมฯ ที่ผมกำลังเรียนอยู่ อาจเพราะคณะเราไม่ค่อยเป็นที่สนใจ เลยทำให้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันมากนัก แต่ถึงอย่างงั้น เธอก็สวยเทียบเท่ากับดาวคณะอื่นๆ ได้เลยเหมือนกันนะ
“เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ ขอบตาดำเชียว” ดาวถามผมตามประสาคนสนิทกัน ส่วนผมก็พยักหน้าตอบกลับไป และกล่าวเสริมแก้ต่างออกไปว่า
“เมื่อคืนพี่กลับมานอนบ้าน มันเลยเล่นเกมทั้งคืน” ถึงปากจะตอบออกไปแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงเมื่อคนผมนอนตาค้างทั้งคืนเพราอีข้อความที่บอกว่าจะเจอกันที่มหาวิทยาลัยนี่แหละ
“งั้นเหรอ ไปนอนสักงีบไหม ช่วงบ่ายเข้าห้องปฏิบัตินะ”
“อืม งั้นขอนอนสักงีบนะ จะเข้าแล้วปลุกด้วย” ว่าแล้วผมก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะม้าหินทันที ผมไม่ได้กะจะหลับหรอก แต่กำลังคิดทบทวนเรื่องอะไรบางอย่างในหัว
เรื่องแรกเลยก็คงไม่พ้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ถามโถมเข้ามาติดกันจนเกือบตั้งตัวรับไม่ทัน เรื่องแรกก็คงไม่พ้นเรื่องของโกกิที่ยืนคุยกับผู้ชายแปลกหน้าในซอยตอนนั้น ส่วนเรื่องที่สองก็คงไม่พ้น…
“พี่เก้าสวัสดีค่ะ!”
พรึ่บ!
O_O ผมเงยหน้าฟึ่บทันทีที่เสียงของดาวเอ่ยปากทักทายใครคนหนึ่ง พอหันหลังขวับไปมอง ผมก็ต้องช็อก เมื่อร่างสูงของใครคนหนึ่งที่ทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะข้อความปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ที่น่าแปลกก็คือวันนี้พี่แกมาคนเดียว ไม่มีลูกสมุนมาเหมือนทุกที!
“พี่เก้ามาทำไรที่ตึกคหกรรมฯ เหรอคะ?” หูผมได้ยินเสียงของดาว แต่ตานี่ดิ ค้างอยู่ที่คนตัวใหญ่ตรงหน้า
‘คนชื่อเก้าอะไรนี่กำลังจีบมึงอยู่อ่อ?’ เวรเอ้ย! อย่าเพิ่งไปนึกถงคำพูดไอ้เฮียให้ฟ้าผ่าเล่นๆ สิวะไอ้กุ๊ก บางทีพี่แกอาจจะมาลากคอไปใช้งานเหมือนเมื่อวานก็ได้ …
“วะ ว่าไงพี่ มาเดินเลยอ่อ~” ผมแสร้งทำเสียงสดใส ปั้นหน้าแป้นแล้นยิ้มทักทายพี่นพเก้าตามมารยาท ดูเหมือนว่าพี่เก้าจะไม่ได้ตอบคำถามทั้งผมและดาว แต่เลือกที่จะเดินขึ้นบันไดตึกคณะมาหยุดเท้าลงที่ข้างโต๊ะ วูบหนึ่งที่พี่แกมองหน้าดาวนิ่งๆ ก่อนกลอกสายตามามองหน้าผม สลับกันไปมาแล้วพูดขึ้น
“ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
“กับผมเหรอ?” อีกครั้งที่ผมแสร้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย เก็บงำความสะพรึ่งเอาไว้ในอก แต่ดูเหมือนว่าผมคงจะเก็บมันต่อไปไม่ไหว เมื่ออีกฝ่ายกระแทกเสียงตอบกลับมา
“เออ!” ผมกลืนน้ำลายลงคอแบบทำตัวไม่ถูก พอเหลือบมองหน้าดาว เธอก็แสร้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ข้ายืมตัวไอ้เด็กนี่หน่อยนะ” พี่เก้าหันไปพูดกับดาว ส่วนบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนก็
“ตามสบายเลยค่า!” เปิดทางให้อย่างดิบดี เวรฉิบ!
พี่เก้าฉวยมือดึงแขนผมให้ลุกจากม้านั่งโดยไม่พูดอะไรต่อ ส่วนผมเองก็ยังไม่ทันได้คิดว่าควรจะทำอะไรต่อหลังจากนั้นเช่นกัน รู้แค่ว่าถ้าไม่ตามไปแต่โดยดี พี่เขาอาจจะพาพวกมารุมทึ้งเหมือนเมื่อวานอีกก็ได้
เกือบๆ 10 นาทีเห็นจะได้ที่ผมถูกพี่เก้าดึงแขนเดินไปตามทางเดินในมหาวิทยาลัย โดยมีสายตาของคนในมหาวิทยาลัยมองมาด้วยความสนใจ ผมไม่เคยรู้เลยว่าการที่ต้องตกเป็นจุดสนใจของคนหมู่มากแบบนี้มันเป็นยังไง จนกระทั่งวันนี้นี่แหละ
“โดนกระทืบแน่ๆ เลย พี่เก้าเลนมาลากตัวด้วยตัวเองแบบนี้อ่ะ” เสียงซุบซิบแบบไร้ซึ่งการให้กำลังใจดังขึ้นตลอดทางที่ผมถูกลากตัวมา จนอดไม่ได้ต้องเอ่ยปากถามคนตัวสูงกว่านิดหน่อยออกไป
“พี่จะทำห่าไรเนี่ย”
“ตามมาเถอะ เดี๋ยวเอ็งก็รู้”