"กรี๊ดดดด แก..."
"เจ๊ส้ม! อิงค์บอกให้กลับ!!"
เจ้าแม่ประทับแล้ว เจ๊ส้มจีนเจอของจริงรีบวิ่งไปพะเน้าพะนอเด็กเธอตามเดิม
"ทำไมรีบจังเลยคะน้องอิงค์ ลืมลารุ่นพี่หรือเปล่าเอ่ย" ตอนแรกก็ว่าจะอยู่เฉย ๆ แล้วนะแต่มันหมั่นไส้ในความสตอฯ ของนาง
"..." ยัยอิงค์ค่อย ๆ หันกลับมามองฉันราวกับอยากจะเข้ามาตบหรือทำอะไรที่มันมากกว่านั้น
"จะลืมได้ยังไงคะพี่แยม วันนี้ฉันแพ้ แต่อย่าคิดว่าฉันจะแพ้ทุกครั้งไป สักวันฉันจะขึ้นไปยืนบนหัวพี่ให้ได้ คอยดู!"
ว้าว แรง!! แต่โทษที วันนี้แยมโรลอารมณ์ดี ไม่โกรธค่ะหนู
"พี่ขออวยพรให้มีวันนั้นเร็ว ๆ นะคะ อ้อ อีกอย่าง" ฉันหยุดคำพูดไว้ก่อนจะก้มลงไปหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมมาสะพายข้างแล้วเอ่ยต่อ
"น้องต้องแก้เรื่องมุสาก่อนนะคะ ที่บอกว่าวันนั้นมา น้องน่าจะยอมรับไปตรง ๆ ว่า ว่ายน้ำไม่เป็นถึงจะถูกค่ะ หึ!"
"กะ แก... อีแยมโรล!!"
ฉันไม่สนใจเสียงแว้ด ๆ ที่ดังตามหลังมา เดินเชิดราวนางพญาออกมาจากห้องนั้นอย่างมีความสุข
ต้องขอบคุณวันนั้นเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เข้าวงการมาใหม่ ๆ ฉันบังเอิญไปได้ยินยัยอิงค์คุยกับผู้จัดการคนก่อนว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็นให้ช่วยหาใครมาถ่ายแบบแทนเธอทีโดยให้ค่าจ้างงานนั้นครึ่งต่อครึ่งแต่ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้ฉันจะได้ใช้สิ่งที่แอบได้ยินมาฉีกหน้าของคู่แข่งตัวเองในวันนี้
ถ้าไม่เปิดวอร์ท้าแข่งแล้วคิดเป็นศัตรูกับแยมโรลคนนี้ ป่านนี้ฉันกับยัยอิงค์คงติดท็อปนัมเบอร์วันด้วยกันทั้งคู่แล้วล่ะ
ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง , 06.44 PM.
สุดท้ายฉันก็ได้มาเดินห้างฯ คนเดียวเพราะเจ๊เอมี่มีนัดดินเนอร์กับกิ๊กคนที่เท่าไหร่ไม่รู้
[ทำไมแยมไม่โทรบอกเรา เนี่ยเราทำงานอยู่ใกล้นิดเดียวเอง]
"นายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่ายู แยมอยู่สุขุมวิทนะ ไม่ได้อยู่นครปฐมจะได้อยู่ใกล้กัน" ฉันส่ายหัวไปมาเมื่อฟังสิ่งที่ยูโรบอกในสาย
[ถึงตัวจะไกล แต่ใจเราใกล้แยมนะ]
อึก... ถึงกับหยุดก้าวขาเมื่อเจอเพื่อนหยอด
"เลิกแกล้งแบบนี้ได้แล้วนะยู" เสียงฉันเริ่มจะแผ่วปลาย
[ถ้าจำได้ เราไม่เคยแกล้งอะไรแยมเลยนะ]
"..." ฉันถึงกับไปต่อไม่เป็น
อย่างที่รู้ ๆ กันว่าฉันกับยูโรรู้จักกันตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง และใช่ ยูโรเคยจีบฉันในสมัยนั้น แต่เราเข้ากันไม่ได้ ไม่สิ ต้องบอกว่า ตอนนั้นฉันคิดกับเขาแค่เพื่อนมากกว่า
"แล้วนี่ได้โทรหาหว้าบ้างหรือเปล่า" รีบเปลี่ยนเรื่องดีกว่า ไม่อยากให้บรรยากาศมันมืดมน [ก็คุยบ้าง ทำไมเหรอ?] นั่นสิ ฉันจะบอกว่ายังไงดี
"เปล่า ว่าง ๆ ก็ชวนหว้าไปเที่ยวบ้าง"
[เราอยากให้แยมไปด้วยมากกว่า]
"ยู" ฉันเรียกชื่อเพื่อนก่อนจะกลอกตามองบนด้วยความเหนื่อยใจ
[โอเค ๆ เราจะเลิกคุยแบบนี้ก็ได้] ในน้ำเสียงนั้นปนความหดหู่อยู่เกินครึ่ง
ฉันรู้ว่ายูโรเป็นผู้ชายที่แสนดี หน้าที่การงานตอนนี้เป็นถึงวิศวกรที่ค่าตัวหกหลัก ถ้าใครได้เป็นแฟนสบายทั้งชาติ
แต่เข้าใจฉันใช่ไหม ถ้าคนไม่ใช่ ต่อให้ดีแค่ไหนก็ไปด้วยกันไม่ได้อยู่ดี
[หัวหน้าครับ ช่วยมาดูงานทางนี้ให้หน่อย] ฉันได้ยินเสียงแทรกขึ้นมาจากปลายสายของยูโร "ไปทำงานเถอะ แยมก็จะรีบซื้อของรีบกลับเหมือนกัน"
[ดูแลตัวเองด้วยนะ กระเป๋าสะพายไว้ข้างหน้า เลือกของก็ดูวันหมดอายุด้วย]
"..." ฉันส่ายหน้าไปมาเมื่อเจอคุณพ่อยูโรสอนสั่ง
"ว้าย!!"
[แยม เป็นอะ... ไร]
เคล้ง!!
หมับ...
"ซุ่มซ่าม!"
"นี่นาย!?"
เมื่อกี้ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเหมือนเครื่องเล่นที่ถูกกดเพลย์แบบคูณสามเท่าของความเร็วปกติ ฉันคุยกับยูโรอยู่ดี ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกิมจิหัวไชท้าวยี่ห้อโปรด แต่มันดันอยู่สูงจนฉันที่สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบแถมส้นสูงอีกสี่นิ้วยังต้องเขย่งเอา
แล้วทีนี้มือข้างหนึ่งฉันก็จับโทรศัพท์ที่กดเปิดสปีกเกอร์โฟนไว้แถมยังใช้มันยึดกับรถเข็นเพื่อเป็นการพยุงตัวเอง
ขาที่เขย่งจนลืมไปว่ารถเข็นมันเป็นล้อเลื่อนมันเลยเคลื่อนไปข้างหน้าจนฉันที่ไร้ที่ยึดจับเกือบล้ม โชคดีที่มีคนมาคว้าตัวไว้ได้ทัน แถมมีโชคร้ายสองต่อตามมานั่นคือ มือถือหล่นแตก และคนที่รับร่างฉันไว้ดันเป็น...
"เพลา ๆ บ้างก็ได้ตอนหน้าสิ่วหน้าขวานไม่ต้องโทรจีบกันตลอดเวลาก็ได้มั้ง!"
"ใครโทรจีบใคร ปล่อยฉันเลยนะกิเลน"
ถูกแล้ว ซวยที่สอง...คนที่รับฉันไว้ทันคือไอ้บ้ากิเลนไงล่ะ
"อะไรวะ คนอุตส่าห์ช่วย ดูสิ ได้เลือดอีกต่างหาก"
กิเลนก้มลงดูข้อศอกเขา ตรงนั้นมีแผลขูดยาวและเลือดไหลซึม ๆ น่าจะโดนเหล็กหรือส่วนไหนของรถเข็นที่โผล่มาบาดเอา
"ฉันไม่ได้ขอให้นายมาช่วยสักหน่อย" ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่มือก็ล้วงหา
ปลาสเตอร์ติดแผลที่ชอบพกไว้ในกระเป๋าออกมาหนึ่งอัน
จังหวะที่กำลังจะยื่นให้หมอนี่ไปแปะเองก็มีมือใครสักคนปัดมือฉันทิ้ง
"อ๊ะ!"
"เก็บของ ๆ เธอไว้ใช้เองเถอะ เห็นไหม ทำดีกับคนแบบนี้เฮียกิเลนก็ไม่เคยได้คำขอบคุณจากเธอสักคำ"
"..." ฉันย่นคิ้วหรี่ตามองแม่สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่โผล่มาจากซอกหลืบมุมไหนไม่รู้แล้วมายืนควงแขนกิเลนตรงหน้าฉัน
แต่ที่ฉันสนใจเธอมากเป็นพิเศษไม่ใช่เพราะเธอมาเกาะแกะแขนเพื่อนฉันเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าฉัน
แต่ไม่พอใจที่เธอว่าฉันเมื่อกี้เหมือนพวกไม่รู้บุญคุณคนมากกว่า
"โผล่มาเหมือนผีไม่พอ ปากยังดีอีกนะ กิ๊กนายเนี่ย!" ฉันจิกกัดคนมาใหม่ พร้อมกับหันไปเล่นงานอีกคนที่เป็นต้นเหตุให้ตัวเองโดนด่า
"เจี๊ยบไม่ใช่ผีนะ พี่นั่นแหละอย่ามาปากดี ถ้าไม่ได้แฟนเจี๊ยบช่วยไว้เมื่อกี้ ป่านนี้นางแบบอันดับหนึ่งในเมืองไทยคงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าให้ขายขี้หน้าคนทั้งห้างฯ แล้วล่ะค่ะ"
อ้อ ถึงว่าผีจากที่ไหนโผล่มา ที่แท้ก็ผู้หญิงในสต๊อกกิเลนนี่เอง
"น่าซาบซึ้งน้ำใจแฟนน้องเจี๊ยบเหลือเกินนะคะ ตอนแรกฉันว่าจะขอบใจนายนะ แต่บังเอิญว่าแฟนเด็กคนที่... คนที่เท่าไหร่นะจำไม่ได้ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเพราะแฟนเด็กของนายปากเก่งเกิน ฉันไม่ผิดนะที่ไม่ขอบใจนายเรื่องเมื่อกี้"
ฉันสาธยายยาวเหยียดไปถึงดาวพลูโต แถมทุกคำพูดสายตายังจดจ้องไปยังน้องคนที่ชื่อเจี๊ยบอย่างไม่ชอบขี้หน้า
บรรดากิ๊กกิเลนทุกคนที่หมอนี่พามาให้เจอส่วนมากจะพูดจาดี เหมือนตอแหลให้ฉันช่วยเชียร์พวกหล่อน แต่กลับยัยเด็กเจี๊ยบตรงหน้าดูไม่ถูกชะตาอย่างแรง
เหมือนสายตาเธอมองฉันเป็นศัตรูทั้ง ๆ ที่เพิ่งเคยเจอหน้ากัน
"เลือกของเสร็จแล้ว?" กิเลนไม่ได้สนใจหรือเอาความอะไรจากประโยคประชดยาว ๆ ของฉัน หมอนี่หันไปพูดกับคนข้าง ๆ ที่ยืนเกาะแขนไว้ราวกลัวเขาหาย
"เจี๊ยบลืมรถเข็นไว้ทางนู้น เราไปกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพี่แต้วจะหิวเอา"
หูฉันพึ่งเล็กน้อยเมื่อชื่อ ๆ หนึ่งหลุดออกมา
ถ้าให้เดาชีวิตกิเลน อีกไม่นานหมอนี่ต้องได้ย้ายคอนโดหนีผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ แต่ถ้าไม่ย้าย แสดงว่ายัยเด็กนี่คงเป็นคู่แท้เพื่อนฉันแล้วล่ะ "ฉันขอตัว"
ร่างสูงร้อยแปดสิบกว่าเดินผ่านฉันไปกับกิ๊กคนใหม่เขา ศอกที่ยังมีเลือดซึมออกมาถูกเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่เขาสวมอยู่พับทับมันไว้คงเพื่อใช้ซับเลือด
ฟุบ... ฉันก้มลงไปเก็บโทรศัพท์ที่หล่น เฮ้อ! เครื่องดับไปแล้ว
วันซวยอะไรของแยมโรลเนี่ยต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่อีกแล้ว ถึงแม้จะไม่สะเทือนเงินในบัญชีแต่ฉันไม่อยากเปลี่ยนเครื่องบ่อย ๆ น่ะ ขี้เกียจมานั่งแอดนั่น ล็อกอินนี่ใหม่
"โอ๊ย!" ก้าวขามาได้แค่ก้าวเดียวก็รู้สึกเสียวที่ข้อเท้า พอก้มลงมองถึงได้เห็นว่าตรงข้อเท้าแดงเถือกอีกไม่นานน่าจะกลายเป็นสีม่วงและช้ำ