ตอนที่ 4 ผู้ชายคนนั้น

1045 Words
ตอนที่ 4 ผู้ชายคนนั้น “คือฉันว่าถ้าเราสองคนต้องแต่งงานกันจริง ๆ ฉันอยากทำงานไปด้วยได้ไหมคะ คุณ...เอ๊ยพี่ภีมม์คิดดูนะคะฉันเพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ ฉันควรจะได้ใช้ความรู้ความสามารถที่อุตส่าห์เรียนมาตั้งหลายปีได้ทำงานก่อน พี่ภีมม์จะโอเคไหมถ้าฉันจะขอทำงานไปด้วยเพราะฉันไม่อยากแต่งงานแล้วอยู่เป็นแค่แม่บ้านเฉย ๆ” “ได้ครับ” “แล้วก็งานแต่งงาน ฉันอยากให้จัดเล็ก ๆ แค่ภายในครอบครัว เพราะบอกตามตรงค่ะว่าฉันยังรู้สึกอายเพื่อน คือพี่ภีมม์ต้องเข้าใจนะว่าฉันเพิ่งอายุแค่ยี่สิบเท่านั้นเอง ฉันว่ามันไวเกินไปที่จะต้องแต่งงานในอายุขนาดนี้ แล้วถ้าคุณ...เอ่อ พี่ภีมม์ตกลงทุกข้อเสนอที่ฉันขอ เราสองคนจะแต่งงานกันก็ได้ค่ะ เพราะต่อให้ฉันหรือพี่ปฏิเสธครั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงจับพี่กับฉันแต่งงานกับคนอื่นอยู่ดี ถ้าเป็นพี่ภีมม์ฉันว่า ฉันไม่ติดอะไร” ใบเฟริน์พูดเป็นฉาก ๆ อย่างไม่ปล่อยช่องว่างให้หายใจ ผมว่าเธอเป็นคนตรงไปตรงมาและดูสดใสมากกว่าที่ผมคิด ที่สำคัญตัวจริงของเธอและดวงตาของเธอสวยกว่าในรูปเป็นไหน ๆ แต่เมื่อกี้เธอว่าไงนะ...เธอเพิ่งพูดว่าไม่ติดอะไรอย่างงั้นเหรอ หมายความว่า เธอกำลังจะบอกว่ายินดีที่จะแต่งงานกับผมโดยไม่ติดอะไรอย่างนั้นเหรอ “ค่ะ...ว่าไงคะ ได้ไหมคะ” เสียงหวาน ๆ ของเธอเรียกสติของผมที่กำลังเผลอเอาแต่จ้องหน้าหวาน ๆ ของเธออยู่ “ได้ครับ” “อีกอย่างเราแค่แต่งงานกันตามคำขอร้องของผู้ใหญ่ มันไม่ได้เกิดจากความรักเพราะอย่างนั้นเราแยกห้องนอนกันด้วยก็ได้ค่ะ” เธอยื่นใบหน้าสวย ๆ ของเธอมองมาที่ผม ดูเธอจริงจังมากกับความคิดของเธอจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้ผมออกความเห็นเลย แต่ก็นะ...ดวงตาเป็นประกายที่จ้องมองผมอยู่ทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธเธอ ถ้าผมบอกว่าไม่...ดวงตาของเธอจะหม่นลงไปไหมนะ “ได้ครับ...ถ้าทำได้” ผมเลยเลือกที่จะตอบเธออ้อม ๆ แบบนี้แหละ แต่ผมว่าทำไม่ได้หรอกถึงทำได้ผมก็ไม่ทำ “เอ...แล้วมีอะไรอีกน้า เฟิร์นนึกไม่ออก เอาไว้นึกออกจะบอกอีกนะคะ แล้วพี่ภีมม์ละ อยากมีข้อยกเว้นอะไรบ้างในการแต่งงานครั้งนี้” “แทนตัวเองว่าเฟิร์นแบบเมื่อกี้...ก็พอ” ผมไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาด้วยซ้ำ คือพอได้ยินเธอเผลอแทนตัวเองว่าเฟิร์นแล้วแบบ ฟังดูแล้วมันก็น่ารักดี Talk เฟริน์ เมื่อกี้ฉันรู้สึกเหมือนหูฝาดที่เขาตกลงทุกข้อที่ฉันขอ ใช่มันง่ายกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก และเมื่อฉันขออะไรเขาก็โอเคหมดไม่มีค้าน อย่างว่าอะเนอะเพราะเขาก็ไม่ได้เต็มใจกับการแต่งงานนี้เลยยอมตกลงกับข้อเสนอของฉันอย่างง่าย ๆ อย่าลืมสิว่าเราสองคนแค่ตกลงยอมแต่งงานเพราะหลีกเลี่ยงสัญญาของพวกผู้ใหญ่ไม่ได้ จากตอนแรกที่ฉันลำบากใจเรื่องแต่งงาน แต่เพราะพี่ภีมม์ดูเป็นคนสุภาพและพูดง่ายกว่าที่คิดไว้ เลยทำให้ฉันรู้สึกโล่งอก โล่งอกที่เขาไม่ได้เป็นคนน่ากลัวอย่างที่ฉันกลัวในตอนแรก ที่สำคัญคือเอ่อ...นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเขาที่มองมา มันทำให้หัวใจของฉันสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่...ฉันคงไม่ได้ตกหลุมรักเขาในครั้งแรกหรอกใช่ไหม หรือบางทีที่ฉันใจสั่นอย่างตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่าเขาดูหล่อมาก ๆ เท่านั้นเอง เมื่อเราสองคนตกลงเรื่องการแต่งงานกันเรียบร้อยก่อนที่จะแยกย้ายไปบอกผู้ใหญ่ของกันและกัน ฉันเลยขอเป็นฝ่ายขอตัวแยกกับเขาก่อน แม้เขาจะอาสามาส่งฉันก็ตามที “เฟิร์นว่าจะแวะไปหาเพื่อนก่อนเข้าบ้านค่ะ” “ให้พี่ไปส่งบ้านเพื่อนไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนเฟิร์นอยู่แค่คอนโดตรงนี้เองไม่ไกลเท่าไหร่” เราเอ่ยปากลากัน ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้มศีรษะให้ฉันเล็กน้อย และฉันเองก็ทำแบบเดียวกันคือก้มศีรษะให้กับเขา แต่ทันทีที่กำลังเงยหน้าขึ้น “อุ้ย กางเกงตรงหัวเข่า” บังเอิญฉันตาดีมองไปเห็นกางเกงตรงหัวเข่าของเขาคล้ายเป็นรอยขาดเล็กน้อย ซึ่งดู ๆ ไปเหมือนคนหกล้มมา แต่เพราะกางเกงสีเทาเข้ม ๆ ทำให้ฉันเพิ่งนึกอะไรออก ช่างเหมือนที่ฉันเห็นผู้ชายที่วิ่งเข้าไปช่วยอุ้มเด็กจนตัวเองไถลไปกับพื้นถนนก่อนหน้านี้ -อย่าบอกนะว่า- “พอดีเมื่อกี้ผมช่วยเด็กกำลังจะโดนรถชน” -นั่นไงว่าแล้วเป็นเขาจริง ๆ ด้วย- ยิ่งพอรู้แบบนี้ฉันเลยยิ่งรู้สึกดีกับเขามากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าประทับใจตั้งแต่เห็นแค่แผ่นหลังตอนที่เขาเข้าไปอุ้มเด็กคนนั้นแล้ว และยิ่งมารู้ในตอนนี้อีกว่าผู้ชายหล่อ ๆ แต่ใจดีคนนี้กำลังจะกลายมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต หัวใจมันก็รู้สึกเหมือนเต้นแรงบอกไม่ถูก “เป็นพี่ภีมม์นี่เอง” ฉันส่งยิ้มให้กับเขา “ขอบคุณสำหรับพลาสเตอร์สีชมพูนี่นะครับ” เขาพูดพลางส่งยิ้มน้อย ๆ กลับมาให้กับฉัน งื้อ...ผู้ชายอะไรไม่รู้เวลายิ้มแล้วน่ารักเป็นบ้า เขาจะรู้ไหมนะว่าเขากำลังทำให้ฉันตกหลุมรัก ถึง...อาจจะเป็นแค่ฉันคนเดียวที่รู้สึกดี ๆ แบบนี้แค่ฝ่ายเดียว โดยที่เขาอาจไม่เต็มใจในการแต่งงานครั้งนี้ก็ตามที เฮ้อ...พอคิดถึงข้อนี้ก็รู้สึกหน่วงในใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD