ตอนที่ 5 การแต่งงาน
หลังจากที่เราสองคนตกลงกันและผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับทราบ ก็ตามมาด้วยการแต่งงานอย่างง่าย ๆ ในเดือนถัดมา ซึ่งก่อนหน้างานแต่งงานไม่กี่สัปดาห์งานที่ฉันแอบไปสมัครเอาไว้ก็เพิ่งได้รับการตอบรับ ทำให้ในใบสมัครงานของฉันยังคงสถานะโสด...ผิดกับในเวลานี้ที่ฉันกลายเป็นเจ้าสาวในวัยแค่ยี่สิบ
พวกเราทำพิธีเล็ก ๆ อย่างเรียบง่าย ซึ่งดูพวกผู้ใหญ่จะมีความสุขมากกว่าเราทั้งสองคนอีก พวกท่านมาส่งเราสองคนที่หอ และเชื่อไหมเราสองคนต้องทำเป็นแสดงว่าเข้ากันได้ดีมาก ถึงจะออกฝืน ๆ ก็ตามทีเถอะ
ห้องหอของเราคือคอนโดสุดหรูกลางเมืองมีขนาดเกือบร้อยตารางเมตรเป็นแบบสองห้องนอน ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู ทำเอาฉันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยว่าพี่ภีมม์เป็นแค่เซลล์ขายรถธรรมดาทำไมถึงสามารถซื้อคอนโดหรูย่านกลางเมืองราคาสิบล้านกว่าแบบนี้ได้ แต่อาจจะเป็นสมบัติของพ่อกับแม่เขา ไม่งั้นลำพังเซลล์ธรรมดาซื้อคอนโดหรูแบบนี้ไม่ได้แน่
“ว่าแต่อีกห้องคือห้องนอนของเฟิร์นใช่ไหมคะ”
ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่ส่งผู้ใหญ่กลับกันไปหมดแล้ว
“งั้น...เดี๋ยวพรุ่งนี้เฟิร์นจะได้เอาของเข้ามาไว้ที่ห้องโน้น” ฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนจากเตียงนอนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีขาวเป็นรูปหัวใจ เพราะรู้สึกเขินแปลก ๆ เวลามองพี่ภีมม์ในชุดสูทเจ้าบ่าวสีขาว หัวใจของฉันมันเต้นแรงซะจนแทบหลุดออกมากองอยู่ข้างนอก
“อีกห้องเป็นห้องทำงานของพี่ครับ ที่คอนโดนี้มีแค่ห้องเดียว”
“ไหนว่าเราจะแยกห้องนอนกันไงคะ”
“พี่บอกเราวันนั้นว่าถ้าทำได้...”
“ใช่ค่ะ พี่ภีมม์บอกเฟิร์นว่าถ้าทำได้ไงคะ”
“ถ้าทำได้ แต่…มันทำไม่ได้ไงครับ พอดีงานพี่ค่อนข้างเยอะและอาจจะมีบางทีที่ต้องเคลียร์งานยันเช้า เกรงว่าจะรบกวนเวลานอนของเรา” เป็นเหตุผลที่พี่ภีมม์บอกกับฉัน แต่ฟังดูไม่เข้าท่ามากที่สุด เซลล์ขายรถที่ไหนต้องนั่งทำงานยันเช้า
“งั้นหมายความว่าเราสองคนต้องนอนด้วยกันงั้นหรือคะ แน่ใจนะว่าพี่ภีมม์จะไม่ทำอะไรเฟิร์น”
“ครับ...ถ้าเป็นไปได้”
เอาอีกแล้วพี่ภีมม์เล่นตอบกำกวมแบบนี้อีกแล้ว ฉันหน้างอออกมาไม่รู้ตัวแต่มันคงไม่มีทางเลือกแหละ จะออกไปนอนโซฟาเองก็ใช่ที่ หรือจะไล่พี่ภีมม์ออกไปนนอนที่โซฟาก็ใช่เรื่อง
ไหน ๆ เราสองคนก็แต่งงานกันแล้ว แต่ไม่ได้เกิดจากความรัก เพราะงั้นเรื่องอันตรายอะไรคงไม่มีทางเกิดขึ้น (หรอกมั้งนะ) ฉันพยายามบอกตัวเองไม่ก็กำลังหลอกตัวเองอยู่นั่นแหละ
เอาแค่ตอนนี้ พี่ภีมม์ถอดเสื้อสูทแล้วแขวนไว้ที่แขน ตามด้วยปลดกระดุมแขนเสื้อออกที่ละเม็ด เท่านี้ฉันก็เริ่มหายใจติดขัดแล้ว คนอะไรไม่รู้ขนาดท่าปลดกระดุมยังเท่ห์
“เราอาบน้ำก่อนไหมเดี๋ยวพี่ค่อยอาบก็ได้” เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างกับรู้ตัวว่าฉันกำลังนั่งแอบมองการกระทำของเขาอยู่
“พี่ภีมม์อาบก่อนเลย เฟิร์นรอได้ เฟิร์นอาบน้ำนาน”
“พี่ก็อาบน้ำนาน หรือเราจะอาบพร้อมกันเลย”
“หา...” ฉันถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินที่พี่ภีมม์พูดออกมา ส่วนเขาก็ยกยิ้มออกมาน้อย ๆ เหมือนพูดแกล้งยั่วให้ฉันกลัว
“ว่าไงครับ จะอาบพร้อมกันหรือเราจะอาบก่อนพี่” พอเขายื่นข้อเสนอมาอีก คราวนี้ฉันไม่กล้าลีลาเลยรีบตอบตกลงทันที ขึ้นไม่รีบฉันกลัวต้องอาบน้ำด้วยกันอย่างที่พี่ภีมม์ว่า
แต่...อื้อ ชุดแต่งงานทำไมมันถอดยากแบบนี้นะ ฉันเอื้อมแขนหมายจะรูดซิปที่อยู่ตรงแผ่นหลังออก แต่รูดมาได้ครึ่งเดียวมือก็เอื้อมไม่ถึงแล้ว ก็ตอนแต่งตัวมีช่างแต่งหน้าแต่งตัวมาให้นี่นา ใครจะไปรู้ว่าชุดแต่งงานถอดกันยากแบบนี้
“มานี่ หันหลังมา พี่ถอดให้”
“ตะ แต่...”
“หรือเราจะแต่งตัวนอนทั้งแบบนี้?”
“ก็ได้ค่ะ” ฉันหน้างอเล็กน้อย จำต้องลุกขึ้นยืนหันหลังให้ภีมม์อย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก ส่วนพี่ภีมม์ก็ทำท่าเขยิบเข้ามาใกล้แผ่นหลังของฉัน ชนิดที่ใกล้มาก ๆ ใกล้จนเหมือนสัมผัสลมหายใจที่พ่นอยู่แถว ๆ หู
ซิปถูกเลื่อนลงช้า ๆ ตามด้วยปลายนิ้วที่ไล้ลงแผ่นหลังอย่างแผ่วเบา จนทำให้ฉันขนลุก รู้ตัวอีกทีซิปก็เลื่อนไปอยู่ตรงเกือบ ๆ แถวก้น จนฉันรู้สึกวูบวาบตรงปลายนิ้วที่เขาเลื่อนต่ำลงมา เพราะสัมผัสแปลก ๆ ทำให้ฉันหมุนตัวกลับไปประจันหน้ากับคนที่รูดซิปช้ามาก ช้าแบบตั้งใจอย่างไงไม่รู้
“พะ พอแล้วค่ะ ที่เหลือเฟริน์ถอดชุดเองได้ ขอบคุณนะคะ”
สายตาพี่ภีมม์ก้มมองต่ำลงมาอยู่แวบหนึ่ง ทำให้ฉันรู้ตัวเองว่าพลาดที่หันกลับมา เพราะทันทีที่ซิปถูกรูดลงมาจนถึงสะโพก เกาะอกมันก็หลุดลงมาจนเห็นหน้าอกของฉันที่แปะด้วยซิลิโคน
“กะ กรี๊ดดดด” ฉันรีบคว้าชุดแต่งงานที่กำลังจะหลุดไม่หลุดแหล่ โกยขึ้นมาปิดมาไว้ที่อก
“มะ ไม่เห็น ไม่เห็นใช่ไหมคะ”
“ครับ พี่มองแค่แป๊บเดียว”
โอ๊ยยยยย...ตอบแบบนี้ก็คือเห็นแล้วเหอะ งื้อ...น่าอายชะมัด
ฉันรีบหอบชุดแต่งงานยกขึ้นมาทั้งแบบนั้น ตั้งใจจะวิ่งหนีความอายตรงไปที่ห้องน้ำ แต่แม่เจ้า! เพราะชุดแต่งงานยาว ๆ แบบนี้ทำให้ฉันเผลอเหยียบมันเต็มเท้า และก็นั่นแหละ....ตามที่คิดเลย
ในขณะที่ท้าวเหยียบชายชุดแต่งงานจนถลาไปข้างหน้า ชุดมันก็เลยกองไปอยู่ที่ปลายเท้า และโชคดีที่ฉันไม่ทันล้มลงไปกองที่พื้นตามชุดเพราะท่อนแขนของพี่ภีมม์รั้งตัวฉันเอาไว้ทันก่อนจะล้มลงไป
แต่..
งื้อ...หน้าอกฉันที่แปะแค่ซิลิโคน ดันอยู่ตรงแขนของพี่ภีมม์พอดีเลย
“กรี๊ดดดดดดดดดดด”