ตอนที่ 10 ความสัมพันธ์หลังแต่งงาน
ผ่านมาสองอาทิตย์หลังจากที่ฉันเริ่มงานใหม่ สามารถปรับตัวและเรียนรู้งานใหม่ได้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่ง ฉันได้หัวหน้างานใจดีอย่างพี่แจน และได้คนสอนงานเก่ง ๆ อย่างลีโอ รวมถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ดูเป็นมิตรหมดทุกคน
แต่…เห็นทีจะมีเพียงแต่คนที่บ้านของฉันเท่านั้นแหละ ที่ฉันยังคงปรับตัวไม่ได้เลย เราสองคนคุยกันแทบจะนับคำ ทั้ง ๆ ที่เราสองคนเพิ่งจะแต่งงานกันแต่กลับเหมือนอยู่กันคนละโลก
ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าพี่ภีมม์จะไม่ค่อยพอใจอะไรฉันหรือเปล่า เพราะถ้านับจากวันที่เขาโทรมาในวันที่ฉันเพิ่งทำงานวันแรกวันนั้น เขาก็ดูตึง ๆ ไป
“เราเลิกงานกี่โมง เดี๋ยวเย็นพี่ไปรับ”
“หา…พี่ภีมม์จะมารับเหรอคะ อย่าเลยค่ะเฟิร์นเกรงใจ อีกอย่างคือพอดีมีเพื่อนที่ทำงานของเฟิร์นบอกว่าคอนโดที่เราอยู่เป็นทางผ่านบ้านของเขาพอดี เขาเลยอาสาจะไปส่งเฟิร์นเองค่ะ”
“เพื่อน?”
“ใช่ค่ะ เพื่อนที่ทำงานแผนกเดียวกัน”
พี่ภีมม์เงียบไปนิดนึงเหมือนคิดอะไร ก่อนที่เขาจะตอบประโยคสั้น ๆ ออกมา
“ครับ”
แถมเขายังวางสายใส่ฉันในทันที ส่วนฉันก็ไม่ได้สนใจหรือไม่ได้คิดอะไรมากนักในตอนนั้น แต่ทว่าพอเลิกงานกลับมาฉันเห็นเตรียมอาหารเย็นรอไว้ให้ ก็แอบรู้สึกดีนิดหนึ่งที่เห็นพี่ภีมม์กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในห้องครัวไว้ให้ฉัน
“ทำไมพี่ภีมม์เลิกงานไวละคะ”
“พี่ออกจากบริษัทมาไวครับ”
“อ้าวออกก่อนเวลาได้เหรอค่ะ เจ้านายบริษัทพี่ภีมม์ใจดีจัง”
เขาละจากการทำอาหารก่อนหันมามองฉันแว่บหนึ่ง แต่ไม่ตอบคำถามที่ฉันถาม แต่กลับเปลี่ยนไปพูดประโยคอื่น
“เราไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถอะ กลับมาเหนื่อยอาบน้ำเสร็จอาหารเย็นคงเสร็จพอดี”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” จะว่าไปฉันก็แอบเขินนิดหน่อยที่เห็นผู้ชายหล่อ ๆ ขนาดนี้ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วมายืนทำอาหารให้ฉันกิน แต่ก็ยังมีแอบสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมเขาถึงสามารถออกจากงานก่อนเวลาได้โดยที่บริษัทไม่ว่าอะไรเลย บริษัทที่พี่ภีมม์ทำงานอยู่นี่ใจดีชะมัด
ที่โต๊ะอาหาร
เต็มไปด้วยฝีมือของพี่ภีมม์ ทำให้ฉันรับรู้ได้อีกอย่างว่า นอกจากหน้าตาพี่ภีมม์จะหน้าตาดีมากแล้ว เขายังทำอาหารเก่งระดับน้องๆเชฟอีกด้วย
“มีแต่อาหารน่าทานทั้งนั้นเลย ว่าแต่พี่ภีมม์ไปเรียนทำอาหารมาจากไหนเหรอคะ”
“เมื่อก่อนตอนพี่ไปเรียนที่บอสตันพี่เคยทำร้านอาหาร”
“โห ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยพี่ภีมม์นี่สู้ชีวิตมากเลย”
พี่ภีมม์ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากพยักหน้าบอกให้ฉันรีบทาน คือฉันก็รู้แหละว่าเขาเป็นคนพูดน้อย แต่บางทีฉันก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดีเหมือนกัน เอาแค่พี่ภีมม์เงยหน้ามามองตอนฉันตักข้าวเข้าปากฉันก็แอบรู้สึกเขินพี่ภีมม์ขึ้นมานิด ๆ ผู้ชายอะไรไม่รู้ตาคมเป็นบ้า
“แล้วพรุ่งนี้เราอยากให้พี่ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลีโอบอกว่าเป็นทางผ่านบ้านเขาเขาและจะแวะมารับ”
“ลีโอ?”
“เป็นบัดดี้ที่สอนงานน่ะค่ะ แต่นิสัยดีมาก ๆ เลย นี่เฟิร์นก็ได้ลีโอคอยแนะนำงานให้หลาย ๆ อย่าง เขาอธิบายงานได้ดีมาก ๆ”
“อ่อ...ครับ”
ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนเห็นแววตาพี่ภีมม์เหมือนไม่ค่อยพอใจแว่บหนึ่งก่อนที่เขาจะก้มหน้าก้มตาตักอาหารใส่ปาก โดยไม่ชวนฉันคุยอะไรอีก แถมทานอาหารเสร็จก็ไม่ได้เข้านอนในทันที
หนำซ้ำพี่ภีมม์ยังไปนั่งทำงานต่อในห้องทำงานส่วนตัวของเขาอยู่จนดึก ส่วนฉันก็หลับไปก่อนที่พี่ภีมม์จะกลับมานอน
และเพราะตอนเย็นพี่ภีมม์เป็นฝ่ายทำอาหารเย็นให้ฉันทาน ตอนเช้าฉันเลยรีบตื่นเช้ากว่าปกตินิดหนึ่งเพื่อมาทำอาหารมื้อเช้าให้พี่ภีมม์ทานบ้างอย่างน้อยก็ตอบแทนที่เมื่อวานเขาทำอาหารเย็นรอไว้ให้ฉัน
ซึ่งโชคดีที่อาหารเช้าทำง่ายกว่าอาหารเย็น เพราะเป็นเมนูพื้น ๆ เช่นพวกไข่ดาวไส้กรอกอะไรประมาณนี้ทำให้ฉันไม่ต้องลำบากอะไรนัก
“ทำไมตื่นเช้านักละครับ”
เสียงพี่ภีมม์ที่กำลังตื่นนอนเดินใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวออกมาจากห้องมาที่ห้องครัวแถมยังเดินตรงมาที่ฉัน ให้ตายเถอะฉันไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับสภาพชายหนุ่มหล่อหุ่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆ แบบนี้เลย ฉันเผลอหันไปมองแค่แว่บเดียวก่อนจะหันมาสนใจกับการทำอาหารตรงหน้า
“ทะ...ทำอาหารเช้าให้พี่ภีมม์บ้างไงคะ ก็เมื่อเย็นพี่ภีมม์โชว์ฝีมือทำอาหารให้เฟิร์นบ้างแล้ว คราวนี้เฟิร์นก็เลยตั้งใจว่ามื้อเช้าเฟิร์นจะทำอะไรให้พี่ภีมม์ทานบ้าง”
“ไหนทำอะไร ให้พี่ช่วยไหม”
พี่ภีมม์พูดพลางเดินช้อนเข้ามาจากด้านหลังของฉัน แถมยัง ชะโงกมามองสิ่งที่ฉันทำแบบไม่ทันตั้งตัว ทำเอาฉันตกใจจนเผลอหันไปประจันหน้ากับเขา พอตัวจะเอนตัวหลับ หลังก็เกือบโดนเตาที่มีกระทะร้อน ๆ พี่ภีมม์เลยรั้งเอวฉันเข้ามาจนชิดแนบตัวเขา
ตึก ตึก ตึก
เขาจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันที่เต้นแรงขนาดนี้ไหมเนี้ย
“ขะ ขอบคุณคะ”
สภาพโคตรล่อแหลม เพราะหน้าของฉันอยู่ที่แผงอกเปล่า ๆ ของเขาแค่คืบ แถมพอฉันทำท่าจะผลักออกแต่ก็กลัวแผ่นหลังจะชนกับเตาเลยทำให้ขยับไปไหนไม่ได้ ซ้ำพี่ภีมม์ก็ไม่ยอมขยับตัวออก
“ซุ่มซ่ามเหมือนกันนะเนี่ยเรา”
“พี่ภีมม์นะแหละเดินเข้ามาไม่ให้ซุ้มให้เสียง”
“แต่พี่ก็ทักเราตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วไม่ใช่”
คราวนี้ฉันเถียงไม่ออกเลยเพราะเป็นแบบที่พี่ภีมม์พูดจริง ๆ แต่ก็นั่นละ ฉันทั้งได้ยินทั้งเห็นว่าพี่ภีมม์เดินมา แต่ฉันแค่ไม่คุ้นชินกับกลายเห็นผู้ชายหล่อแบบนี้แล้วทำตัวแบบสบายเกินไปด้วยการใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวเดินไปเดินมาภายในบ้าน มันก็มีบ้างไหมที่วางตัวไม่ถูกนิดนึง
เข้าใจแหละว่าเราต้องปรับตัวเข้าหากันเพราะเราแต่งงานกันแล้ว แต่ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำตัวแบบเป็นตัวของตัวเองมากไปหน่อย
แต่ยังไงแล้ว พี่ภีมม์ผิดก็อยู่ดีเพราะอยู่ ๆ ก็เข้ามาใกล้ชิดฉันขนาดนี้
“ก็เฟิร์นไม่ชินนี่คะ เวลาเห็นผู้ชายใส่แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเดินไปเดินมาแบบนี้” ฉันพูดออกไปตรง ๆ
“เมื่อก่อนตอนพี่อยู่คนเดียวพี่ไม่ใส่อะไรเดินด้วยซ้ำ” เขาพูดพลางโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหูเล่นเอาฉันยิ่งรู้สึกเขินไปกันใหญ่ คือแหมคนเราเพิ่งอยู่ด้วยกันไม่จำเป็นต้องแสดงตัวตนชัดเจนขนาดนี้เลยก็ได้ม้างงงง
“ฟะ เฟิร์นว่าพี่ภีมม์ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไปทำงานสายเจ้านายจะว่าเอา”
“เจ้านายพี่ใจดี”
“เห็นเขาใจดีก็ต้องยิ่งเกรงใจอย่าเอาเปรียบเขาสิค่ะ ไปอาบน้ำเถอะค่ะ เพราะนี่ใกล้เวลาลีโอจะมารับเฟิร์นไปทำงานแล้ว”
อยู่ ๆ ดีพี่ภีมม์ก็ปล่อยฉันจากอ้อมแขน แถมยังทำสีหน้าไม่พอใจเมื่อพูดเสร็จ หรืออาจจะตั้งแต่ฉันพูดชื่อลีโอ
“ที่ไม่อยากให้พี่ไปรับไปส่งเพราะอยากไปกับเพื่อนคนนั้นมากกว่า?”
“เปล่าเลยค่ะ เฟิร์นแค่เกรงใจพี่ภีมม์ กลัวพี่ภีมม์จะไปทำงานสาย ที่สำคัญเพื่อนมารับมาส่งก็ประหยัดดี”
“ทำไมต้องเกรง...”
ครืดดดด
“อุ้ย ลีโอน่าจะโทรมา สงสัยใกล้จะมาถึงแล้วเฟิร์นบอกเขาให้โทรบอกก่อนมาถึงยี่สิบนาที งั้นเดี๋ยวเฟิร์นไปเตรียมตัวก่อนนะคะ” ฉันเลี่ยงไปหยิบมือถือแล้วหันไปรับสายลีโอเพื่อนัดเวลา ก่อนจะวางสายแล้วหันมาตักอาหารใส่จานให้พี่ภีมม์ก่อนเอาไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร
ส่วนพี่ภีมม์ก็ยังยืนมองด้วยสีหน้าที่ฉันเองก็คาดเดาไม่ถูก แต่ในเวลากระชั้นชิดที่ลีโอใกล้จะมาถึงแบบนี้ ทำให้ฉันไม่ทันได้ใส่ใจความรู้สึกของพี่ภีมม์มากนัก ฉันรีบถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะจัดเสื้อผ้าชุดทำงานให้เข้าที่ ดีว่าตั้งแต่ตอนตื่นนอนตอนเช้าฉันอาบน้ำมาแล้ว เลยไม่ค่อยแต่งตัวอะไรมากนักจึงทำเวลาได้ค่อนข้างไว
รู้ตัวอีกทีก็ออกจากห้อง โดยที่ไม่ทันสังเกตสีหน้าและความรู้สึกของพี่ภีมม์อีกเลย
และนับตั้งแต่วันนั้น ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ภีมม์ถึงไม่ได้พัฒนามากขึ้น นอกจากเลิกงานพี่ภีมม์เตรียมอาหารเย็นเอาไว้ให้ ส่วนตอนเช้าฉันเป็นฝ่ายเตรียมให้เขา และนอกจากนั้นเราก็แทบจะไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะพี่ภีมม์มักจะใช้เวลาส่วนตัวอยู่ในห้องทำงานของเขามากกว่า
แต่ก็นะ….ช่างมันเถอะ ความสัมพันธ์ของคนที่ไม่ได้รักกันมาแต่งงานกัน ก็คงจะเป็นเหมือน ๆ กันหมด อย่างนี้สินะที่มีคนบอกไว้ ถ้าเราโชคดีในเรื่องงาน จะโชคไม่ดีเรื่องความรัก