ตอนที่ 11 ผู้หญิงคนนั้น
ในขณะที่ผ่านไปเกือบสองอาทิตย์งานของฉันเริ่มลงตัวขึ้นเรื่อย ๆ
อยู่ ๆ พี่แจนก็บอกว่าแผนกเรากำลังจะมีพนักงานใหม่เพิ่มเข้ามาอีกคน และคล้ายเธอจะเป็นเด็กฝากของผู้จัดการฝ่ายการเงินฝากมา
เธอชื่อเอมี่จบจากมหาวิทยาลัยเอกชน ดูเป็นลูกคุณหนูใสๆ ไม่มีพิษมีภัย ตอนแรกเข้ามาเธอก็ดูนอบน้อมน่ารักแถมยังยิ้มหวานให้กับฉัน แต่พอรู้ว่าฉันเองก็เป็นพนักงานใหม่และเพิ่งมาทำงานก่อนเธอสองอาทิตย์เธอก็ดูเชิดใส่ฉันขึ้นมาซะงั้น ซึ่งข้อนี้ฉันไม่รู้ว่าทำไม เอาเป็นว่านอกจากมองเธอเป็นเพื่อนร่วมงานไม่ได้มองเป็นคู่แข่งเพื่อสร้างงานผลงานอะไรทั้งนั้น และฉันก็ไม่ได้ใส่ใจด้วยฉันสนใจแค่งานที่ได้รับมอบหมายมากกว่า
ด้วยความที่ฉันผ่านการเทรนงานมาถึงสองอาทิตย์ ทำให้ในตอนนี้ฉันเริ่มสามารถออกหาลูกค้าเองได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับงานแรก ฉันยังต้องมีลีโอออกไปเป็นเพื่อนด้วยเพราะฉันยังใหม่มาก
“ตื่นเต้นไหมครับใบเฟิร์นที่จะต้องพบลูกค้ารายแรก”
“ถามได้ ตื่นเต้นสิเฟิร์นกลัวจะพรีเซนต์ติด ๆ ขัด ๆ มากเลย”
ทั้งที่เตรียมตัวมาดีมากแล้วนะ แต่เมื่อมันเป็นงานแรกที่ฉันต้องพบลูกค้า และเป็นงานที่จะต้องรับผิดชอบโดยตรง เลยอดที่จะประหม่าไม่ได้
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวถ้าติดตรงไหนเราช่วยเสริม”
ลีโอยิ้มอ่อนโยนมาให้ เขาใจดีกับฉันเสมอตั้งแต่วันแรกที่เข้างานเลยก็ว่าได้
เราสองคนมาที่บริษัท JK จิเวอรี่ เพราะเร็ว ๆ นี้ทางบริษัทกำลังจะเปิดสาขาใหม่ให้กับลูกสาวคนเดียวที่เพิ่งกลับมาจากอิตาลี ว่ากันว่าเธอเป็นลูกคุณหนูที่สวยมาก ชื่อ จณิสิตา เห็นม่ะ แค่ฟังชื่อก็สวยแล้ว แถมออฟฟิศของเธอก็ดูอลังการมาก เรียกว่าค่าตกแต่งภายในแบบนี้น่าจะหลายสิบล้าน รวมไปถึงถ้าฉันได้งานโปรเจคงานเปิดตัวสาขาจิเวอรี่ของเธอคงจะต้องเน้นความหรูหราและอลังการไม่เบา
ไม่ช้าเราสองคนก็พากันมาถึงที่หน้าห้องทำงานของเธอ โดยมีพนักงานจากด้านล่างตึกมาพาอีกที
“สวัสดีครับ เราสองคนมาพบคุณจณิสิตาที่นัดไว้”
ลีโอบอกกับเลขาสาวหน้าตาน่ารักที่นั่งอยู่หน้าห้อง ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มหวาน ๆ กลับมาให้
“อ่อ ได้ค่ะคุณเจนนี่แจ้งเอาไว้แล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
เลขาสาวลุกขึ้นผายมือชวนพวกเราสองคน แต่ที่ฉันเอะใจนิดหน่อยคือชื่อที่เรียกว่า “เจนนี่” มันช่างเหมือนชื่อผู้หญิงคนนั้นที่เคยโทรหาพี่ภีมม์เจ้าบ่าวของฉันเลย
เฮ้อ…ทำไมถึงหนีชื่อนี้ไปไม่พ้นเลยนะ
และทันทีที่ประตูห้องเปิดขึ้น ภาพผู้หญิงในชุดสูทอามานี่สีขาวราวกับเจ้าหญิงผู้สง่างามหันมาส่งยิ้มให้กับฉันและลีโอ ฉันถึงกับตกตะลึง คือนอกจากความสวยมาก ๆ ของผู้หญิงตรงหน้าแล้ว คือผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่ฉันเห็นปรากฏรูปในหน้าจอมือถือของพี่ภีมม์
“สวัสดีครับคุณจณิสิตา พวกเราสองคนมากจากบริษัทเดอะวันออแกไนเซอร์ ผมธีรดลส่วนนี่ศนิชาเป็นตัวแทนจากบริษัทครับ” ลีโอเป็นฝ่ายแนะนำตัวแทนฉันที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่ ส่วนเขาก็แค่กำลังแก้สถานการณ์ให้ฉัน
“ยินดีค่ะ เชิญนั่งสิคะ”
เธอเอ่ยเชิญพวกเรานั่ง ส่วนฉันก็ได้แต่พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติยิ้มตอบรับแล้วพากันนั่งลง ขนาดเสียงของเธอยังหวานมาก ๆ หวานสมกับหน้าตาหวาน ๆ ของเธอเลย
พวกเราคุยแนะนำตัวให้เธอฟังพอประมาณ ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องงานโปรเจคที่นำเสนอ ฉันพยายามตัดเรื่องที่คุณเจนนี่กับพี่ภีมม์ว่าเป็นอะไรกันออกแล้วมีสมาธิให้กับงานมากที่สุด ที่สำคัญดูเหมือนพี่ภีมม์คงจะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับฉันเลยว่าเราสองคนแต่งงานให้ผู้หญิงคนนี้ฟัง เพราะเธอเหมือนจะเพิ่งรู้จักฉันครั้งนี้เป็นครั้งแรก ส่วนฉันก็ได้แต่ตามน้ำแล้วมุ่งประเด็นให้อยู่แต่เรื่องงานอย่างเดียว
พอเรานำเสมอโปรเจคงานเปิดตัวสาขาใหม่ให้เธอเสร็จ ดูเธอจะพอใจกับงานที่ฉันนำเสนอมาก ก่อนที่เธอแจ้งว่าจะติดต่อนัดหมายเพื่อคุยเรื่องการจัดสถานที่อีกครั้ง เท่านั้นหัวใจฉันก็พองโตเหมือนว่าตัวเองเริ่มประสบความสำเร็จไปอีกขั้น จนลืมใส่ใจเรื่องที่เธอเป็นอะไรกับพี่ภีมม์จนเกือบหมด
ถ้าไม่ติดว่า...ก่อนที่ฉันกับลีโอจะขอตัวและลุกออกมา สายจากมือถือของเธอก็ดังขึ้นมาก่อน และเพราะมือถือของเธอวางอยู่บนโต๊ะทำให้ฉันเห็นเป็นชื่อพี่ภีมม์และรูปของเขาที่คุณเจนนี่ตั้งเอาไว้บนหน้าจอ
“ขอเสียมารยาทรับโทรศัพท์สักครู่นะคะ” เธอหันมาบอกพวกเรายิ้ม ๆ ส่วนฉันในตอนนี้คือทำหน้าไม่ถูกแล้ว
เสียงสนทนาของเธอตอนคุยกับพี่ภีมม์ดังขึ้น ส่วนฉันก็ได้ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของที่นำมาพรีเซ้นต์ใส่กระเป๋า
“พอดีเจนนี่คุยงานอยู่ค่ะ แต่ว่าจะเสร็จแล้ว”
...
“ใช่ ภีมม์ต้องมางานเปิดตัวเจนนี่ด้วยนะคะ นี่ว่าจะนัดเจอภีมม์เอางานไปให้ช่วยดูว่าโอเคไหม ภีมม์ช่วยเจนนี่คิดด้วยนะว่าจะเอาอะไรเพิ่มดี”
...
“อื้อ น่ารักที่สุดคนดีของเจนนี่ ไว้ภีมม์ว่างเมื่อไหร่เราค่อยนัดเจอกันนะคะ เจนนี่รอฟังเรื่องเซอร์ไพรส์ของภีมม์อยู่”
...
“บายค่ะ แล้วเจอกัน”
คุณเจนนี่ดูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อคุยกับพี่ภีมม์ ก่อนเธอจะหันมาขอโทษฉันกับลีโออีกครั้ง
“เจนนี่ต้องขอโทษที่เสียมารยาทมาก ๆ นะคะ พอดีคนสำคัญของเจนนี่โทรมา จะไม่ได้รับก็ไม่ได้เดี๋ยวเขาน้อยใจ”
คำพูดของคุณเจนนี่ทำให้ฉันรู้สึกจุกขึ้นมาเฉยๆ นี่ถ้าคุณเจนนี่รู้ว่าฉันคือเจ้าสาวของพี่ภีมม์เธอจะรู้สึกและทำหน้ายังไงนะ แต่ที่แน่ ๆ ฉันเดาว่าตอนนี้เธอคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันแม้แต่น้อย มันน่าน้อยใจชะมัดที่พี่ภีมม์ไม่พูดเรื่องของฉันให้คุณเจนนี่ฟังเลย
ฉันรู้ว่าพี่ภีมม์ไม่ได้คิดอะไรกับฉัน แต่มันก็อดรู้สึกไม่ดีไม่ได้ที่พี่ภีมม์มีผู้หญิงคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เราสองคนแต่งงานกันแล้ว
ที่สำคัญฐานะหน้าที่การงานของคุณเจนนี่ดูเหนือกว่าฉันมาก รวมไปถึงความสวยของเธอฉันเทียบไม่ติดเลยจริง ๆ