คนที่นลินวิภานึกถึงอยู่นั้นกำลังอยู่กับกองเอกสารเต็มโต๊ะทำงาน บริษัทเกี่ยวกับการศึกษาด้านภาษาที่ทินเป็นเจ้าของนั้นกำลังเตรียมตัวเข้าสู่การเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งออสเตรเลีย (ASX) เพื่อระดมทุนมาขยายกิจการสำหรับการเปิดสาขาที่เมืองอื่นและขยายตลาดโรงเรียนการสอนเกี่ยวกับภาษาอื่นเพิ่มเติมขึ้น อันที่จริงงานจะไม่มากเท่านี้หากสองเดือนก่อนเขาไม่แบ่งเวลาไปจัดการเรื่องส่วนตัวมากกว่าแบ่งเวลาให้งาน แต่หากย้อนไปได้เขาก็ยังทำเช่นนั้นอยู่ดี เขาก็ไม่เสียดายเวลาเพราะคิดว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สูญเปล่า...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูหน้าห้อง พร้อมกับ นิค เลขาชาวออสเตรเลียที่เปิดประตูให้มือขวาของเขาที่เป็นคนไทยเมื่อเจ็ดปีก่อนทินย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่นี่พร้อมกับครอบครัวอุปถัมภ์ แต่เมื่อพวกท่านประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทินก็ยังอยู่ที่นี่ต่อแล้วก็เรียนด้านบริหารธุรกิจจนมีบริษัทเป็นของตัวเอง โดยมี ภพ เพื่อนคนไทยที่รู้จักคนแรกๆ ตอนมาอยู่ที่นี่ก็กลายเป็นมือขวาของเขา
"ผมเอาข้อมูลที่ให้ตามมาให้ครับ" ภพยื่นซองเอกสารให้เขา
การติดต่อมาของนลินวิภาครั้งล่าสุดที่มีเสียงบอกว่าเป็นพี่ชายของเอวิตาทำให้ทินสะดุดหูกับเรื่องนี้อยู่ แม้ว่าต่อมานลินวิภาจะบอกว่าเธอปลอดภัยแล้วและหนีมาได้ ห้ามติดต่อไปอีกจนกว่าจะติดต่อมา ทินก็ทำตามเป็นอย่างดี
แม้จะวางใจแล้วแต่ที่ทินสงสัยก็คือพี่ชายของเอวิตาโผล่มาจากไหน เขาเข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนตัวคนเดียวพ่อแม่เสียไปแล้ว อยู่กับพี่ก้อยพี่เลี้ยงที่เคยดูแลมาตั้งแต่เด็กและเธอจ้างให้เป็นแม่บ้านดูแลที่เพนธ์เฮาส์ของครอบครัวเพียงแค่สองคนเสียอีก พอรู้เรื่องนี้เขาเลยสั่งให้คนหาข้อมูลครอบครัวของเอวิตามาให้
เอกสารที่นักสืบเอกชนหามาให้เขานั้นยืนยันเรื่องครอบครัวของเอวิตาที่ซับซ้อนเล็กน้อย เธอมีพี่ชายแท้ๆ ชื่ออาคิน ตั้งแต่ตอนที่ยังเด็กพ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตทั้งคู่จากอุบัติเหตุเลยต้องไปอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อมามีครอบครัวรับพวกเขาไปอุปถัมภ์
รูปถ่ายหลายใบมีอาคินและเอวิตาร่วมเฟรมนอกนั้นก็มีผู้ชายอีกสองคนอยู่ด้วย นักสืบให้ข้อมูลมาว่ามีคนหนึ่งชื่อ ศิวามีอาชีพเป็นหมอ อีกคนหนึ่งชื่อวิษุวัตเป็นลูกแท้ๆ ของครอบครัวที่รับเลี้ยงอาคินและเอวิตา
ที่ผ่านมาเขาไม่รู้ข้อมูลลึกๆ นี้ของเอวิตาเลย ก่อนที่จะพุ่งเป้าไปหาเธอเขาเพียงรู้จักชื่อ และเข้าถึงเธอโดยไม่สนประวัติอะไร พอตอนนี้ที่เขาไม่คิดว่าจะสนใจเธออีก กลับต้องย้อนกลับไปหาประวัติของเธอมาดูเสียอย่างนั้น
ทินมองรูปผู้หญิงท่ามกลางผู้ชายที่ดูดีมากๆ สามคนที่รายล้อมเจ้าตัวอยู่ เอวิตาเหมือนเจ้าหญิงผู้เลอโฉมที่มีอัศวินพิทักษ์ ดูจากในภาพแล้วพวกพี่ๆ ของเธอคงรักและสนิทสนมกับเธอมาก แต่ช่วงที่เขาเข้าไปในชีวิตของเธอเพื่อทำลาย ทินไม่เคยเห็นหญิงสาวพูดถึงหรือบอกถึงการมีอยู่ของเหล่าอัศวินของเธอเลย คาดว่าพวกเขาคงทำงานและไม่ได้เจอกันทุกวันสิ่งนั้นเป็นช่องว่างทำให้เขาลงมือทำในสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จและจากมาโดยที่ไม่มีใครช่วยเหลือเอวิตาได้เลยในตอนนั้น
ทินเก็บทุกอย่างเข้าซองในตอนที่รู้คำตอบสำหรับคำถาม เขาโยนซองนั้นทิ้งถังขยะอย่างไม่สนราคาค่างวดที่จ้างนักสืบไปสืบข่าวแบบเร่งด่วนมาเลยสักนิด จากนั้นแล้วเขาก็หันมาสนใจงานของเขาต่อเพราะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
แม้ว่าจะเหนื่อยเพราะเมื่อวานเป็นวันที่เขาต้องเข้าไปดูแลงานช่วงกลางคืนสลับกับหุ้นส่วนแล้วยังต้องแวะเข้าไปดูตัวประกันที่จับมาขังไว้ คนที่ไม่เคยสัมผัสคำว่าเหนื่อยอย่างอาคินรู้สึกถึงความต้องการอยากพักผ่อนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แต่กระนั้นสิ่งที่เขาต้องทำก็ยังไม่จบเนื่องจากยังต้องไปเยี่ยมน้องสาวที่ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่
ในตอนที่อาคินเข้าไปถึงโรงพยาบาลเอวิตายังคงนอนพักผ่อนอยู่เขาจึงทำได้เพียงสั่งขนมและอาหารอร่อยๆ ไว้ให้ในตอนที่เธอตื่น...
แม้ว่าเมื่อเช้าศิวาจะบอกว่าเธอดีขึ้นแล้วแต่เขาก็ยังอยากมาดูด้วยตัวเองให้แน่ใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องสาวทำให้เขารู้สึกผิดที่ให้เอวิตาใช้ชีวิตเอง ที่ผ่านมาเขาเคยเข้าใจว่านั่นคืออิสระเสรีที่ศิลปินอย่างเอวิตาต้องการแต่เมื่อเกิดเรื่องเขากลับคิดว่ามันเป็นการละเลยของเขาต่างหากที่มัวแต่ยุ่งเรื่องตัวเองจนเกินไป ถ้าสังเกตน้องสาวสักนิดหรือว่าไปเจอกันบ้าง ไม่ใช่แค่ส่งข้อความหรือโทรหาเพียงอย่างเดียว เขาก็คงรับรู้บ้างว่ามีอะไรในชีวิตเอวิตาที่เปลี่ยนไป
ตอนนี้เขาจะไม่ยอมให้ทุกอย่างมันซ้ำรอย อาคินจะไม่ละเลยเอวิตาอีก แม้ว่าเรื่องของตัวเองก็ยังยุ่งเหยิงแค่ไหนก็ตามที
หลังจากที่แวะไปดูน้องสาวแล้วอาคินก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลมุ่งหน้าไปยังคอนโดมีเนียมย่านชานเมืองซึ่งอยู่ใกล้สถานบันเทิงที่เขาเป็นเจ้าของทำให้เขาพักที่คอนโดมีเนียมแห่งนี้มาตลอด