“ผู้ชายอะไรหล่อชะมัด” ใบหยก พูดกับตัวเองขึ้นทันทีในระหว่างที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงส่วนของขาก็ตีไปมาบนอากาศ
“เฮ้อ…เขาหล่อแบบนี้แล้วแกจะสมหวังไหมนะใบหยก” ใบหยกพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสายตาของตัวเองที่กำลังมองดูโทรศัพท์
ภาพที่กำลังแสดงบนหน้าจอโทรศัพท์คือภาพของผู้ชายคนที่ใบหยกแอบชอบ เขาทั้งหล่อและเรียนเก่งแถมโปรไฟล์ก็ดีสุดๆไปเลย อีกทั้งยังเป็นถึงว่าที่คุณหมอ
“ไม่เอาๆไม่คิดแล้วดีกว่า” ใบหยกสลัดความคิดเหล่านี้ออกไปจากหัวก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียงเพื่อไม่ให้จิตใจของตัวเองว้าวุ่นไปมากกว่านี้
ใบหยกแอบชอบผู้ชายคนนี้มานานแล้ว ถ้าถามว่าชอบเพราะอะไรนั่นเป็นเพราะมีวันหนึ่งเธอบังเอิญเดินสะดุดล้มในมหาวิทยาลัยและได้ไปทำแผลที่คณะแพทยศาสตร์และคนที่ทำแผลดูแลแผลให้ใบหยกก็เป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก พี่หมอเบนซ์
ความอ่อนโยน คำพูดหวานๆเหมือนเป็นเบ็ดตกปลาตกใบหยกให้ไปไหนไม่ได้เพราะตั้งแต่วันนั้นใบหยกก็แอบชอบพี่หมอเบนซ์มาตลอด ถึงจะไม่เคยพูดคุยกันมากกว่าในตอนนั้นแต่ความชอบที่ใบหยกมีต่อพี่หมอเบนซ์มันกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน
“หรือว่าเราควรจะมีแผลอีก” ถึงจะพยายามสลัดความคิดออกไปจากในหัวมากเท่าไหร่ ใบหยกก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้ในความคิดมันมีแต่วิธีที่จะทำให้ใบหยกได้เจอพี่หมอเบนซ์
“ถ้ามีแผลก็ต้องเจ็บตัวอีก โอ๊ย ! ไม่เอาแล้ว” ใบหยกพูดกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเพราะหวังว่าการอาบน้ำมันจะเอาเรื่องพวกนี้ออกไปจากหัวของเธอได้บ้าง
“แล้วทำไมยังคิดอยู่ล่ะ” ใบหยกบ่นตัวเองเพราะตอนนี้ต่อให้เธออาบน้ำเสร็จแล้วแต่ความคิดในหัวมันก็เอาพี่หมอเบนซ์ออกไปไม่ได้เลย
ถึงเรื่องมันจะผ่านมานานแล้ว ใบหยกก็ยังรู้สึกอินอยู่ในเหตุการณ์ที่พี่หมอเบนซ์ทำแผลให้อยู่เลยเพราะมันดีไปหมด
ในหัวได้แต่คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์การทำแผลที่เธอจำไม่เคยลืม
“ไม่ต้องกลัวนะครับ หมอมือเบา” คุณหมอพูดขึ้นทันทีเพราะตอนนี้ใบหยกนั่งร้องไห้น้ำตาไหลอยู่ในห้องตรวจของคณะแพทยศาสตร์
“มือเบาแน่นะคะเพราะแค่แผลก็เจ็บมากแล้ว” ใบหยกถามขึ้นเพราะเธอเป็นคนกลัวความเจ็บ ยังโชคดีหน่อยที่แผลที่ขามันเป็นแค่แผลถลอกไม่ได้มีเลือดออกมาเยอะ ไม่งั้นใบหยกคงเป็นลมล้มลงตรงนั้น
“หมอมือเบาครับ ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวหมอจะทำแผลให้” คำพูดปลอบประโลมและรอยยิ้มทำใบหยกหัวใจเต้นแรง ถึงจะรู้ว่าสิ่งที่คุณหมอพูดมามันเป็นสิ่งที่เขาพูดกับทุกคนก็เถอะ
“แสบไหม” คุณหมอถามขึ้นอีกครั้ง
“ทนได้ค่ะ” ถึงมันจะแสบแต่ใบหยกก็ทนได้เพราะมันไม่ได้แสบจนทนไม่ได้
“ฮ่าๆ เราน่ารักจัง เหมือนจะร้องไห้แต่กำลีงฮึบอยู่ใช่ไหม” หลังจากทำแผลเสร็จ คุณหมอก็ถามขึ้นอีกครั้ง คำว่าน่ารักที่คุณหมอพูดออกมาทำเอาใบหยกหัวใจเต้นแรงและหน้าแดงขึ้นสีด้วยความเขินอาย
“เอ้า…หน้าแดงเฉยเลย ไม่สบายหรอครับ” คุณหมอถามขึ้นก่อนจะใช้มืออังหน้าผากของใบหยก
รู้ดีว่าการกระทำเหล่านี้มันปกติสำหรับคนไข้กับคนหมอแต่ไม่รู้ทำไมหัวใจไม่รักดีถึงไปหวั่นไหวได้ อาจจะเพราะที่ผ่านมาใบหยกคลุกคลีกับเพื่อนผู้ชายที่มีนิสัยหยาบกระด้าง ไม่เคยเจอผู้ชายในโหมดอ่อนโยน มันเลยทำให้เป็นแบบนี้
“ปะ…เปล่าค่ะ อันนี้ทำแผลเสร็จแล้วใช่ไหมคะ” ใบหยกถามขึ้นอีกครั้งเพราะถ้าหากให้เธออยู่ตรงนี้ต่อ เธอคงรับไม่ไหวกับดาเมจของคุณหมอ
“ทำเสร็จแล้วครับ ไม่มียาให้นะเพราะไม่ได้มีอาการอะไรแทรกซ้อนเพียงแค่ล้างแผลทุกวันก็พอแล้ว” คุณหมอพูดชึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างเพราะมันเป็นแค่แผลถลอกธรรมดา
“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”
“เรียกพี่หมอเบนซ์ก็ได้ครับ” พี่หมอเบนซ์พูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะยกยิ้มให้กับใบหยก
“ค่ะพี่หมอเบนซ์” ส่วนใบหยกก็ยิ้มกว้างเช่นกันเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันดีสุดๆไปเลย
“ใบหยก”
“ใบหยก”
“ใบหยกมึงคิดคิดอะไรอยู่วะ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ใบหยกหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเองก่อนจะให้หน้ามองคนที่อยู่ในห้องของตัวเอง
“สมุทรเข้ามาได้ยังไง” ใบหยกเอ่ยปากเรียกชื่อของ เหนือสมุทร ทันทีและงุนงงไม่น้อยที่ตอนนี้เหนือสมุทรมาอยู่ในห้องพักของเธอ
“กูถามว่ามึงคิดอะไรอยู่ ทำไมมึงถึงยิ้มได้สยองขนาดนั้น” เหนือสมุทรถามขึ้นอีกครั้ง ในหัวเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเพื่อนสนิทคนนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้ไม่รู้ตัวเลยในตอนที่เขาเข้ามา
“แล้วสมุทรเข้ามาได้ยังไง” ใบหยกถามขึ้นเพราะเธอจำได้ว่าเธอล็อคห้องแล้ว มันไม่มีทางแน่ๆที่เหนือสมุทรจะเข้ามาได้
“กูโทรหามึงเป็นร้อยแล้วไม่ติดก็เลยขอกุญแจเจ้าของหอขึ้นมาเพราะกลัวมึงจะเป็นอะไรในห้อง” คำตอบของเหนือสมุทรทำใบหยกพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“แล้วคราวนี้บอกกูได้ยังว่ามึงคิดอะไรอยู่” เหนือสมุทรถามขึ้นด้วยความสงสัยที่มีอยู่เต็มไปหมด
“เราก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยว่าแต่สมุทรมาหาเรามีอะไร” เพราะตอนนี้มันก็ดึกแล้ว การที่เหนือสมุทรมาหาเธอตอนนี้มันก็คงมีเรื่องอะไร
ถ้าถามว่าเหนือสมุทรเป็นอะไรกับใบหยกก็บอกตรงนี้เลยว่าเป็นเพื่อนสนิทกันและใบหยกยังเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มอีกด้วยและเพื่อนอีกสองคนนั่นก็คือครามกับเจมส์
ที่ใบหยกเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนั่นเพราะคณะวิศวกรรมศาสตร์ส่วนใหญ่ก็เอนเอียงไปทางผู้ชายอยู่แล้ว มันทำให้ผู้หญิงมีน้อยมากและความเด๋อด๋าที่ใบหยกมีอยู่ในตัวจึงทำให้จับพลัดจับพลูมาเป็นเพื่อนสนิทกับสามหนุ่มหล่อของคณะวิศวกรรมศาสตร์
“มาขอนอนด้วย” เหนือสมุทรพูดขึ้นทันทีเพราะที่มาก็มีจุดประสงค์เดียวคือการมาขอนอนกับใบหยก
“ดะ…เดี๋ยวๆก่อนสมุทร สมุทรจะมานอนกับเราได้ยังไง” ใบหยกถามขึ้นด้วยท่าทางล่กๆเพราะถ้าหากเป็นแบบนี้มันไม่ดีแน่
“อย่าพูดเหมือนไม่เคยนอนด้วยกัน” เหนือสมุทรสวนกลับทันควันเพราะมันบ่อยเลยที่พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
“แต่เรากับสมุทรไม่เคยนอนด้วยกันแบบสองคนไง” ใบหยกพูดขึ้นอีกครั้งเพราะทุกครั้งที่นอนด้วยกันจะมีครามกับเจมส์อยู่ด้วยเพราะความสนิทที่ยาวนานมาถึงสามปีทำให้ใบหยกไม่ได้คิดอะไรมากในเรื่องนี้แต่เมื่อถึงคราวต้องนอนสองต่อสองก็แอบคิดบ้าง
“จะคิดอะไรเยอะเพื่อนกันทั้งนั้น กูขอนอนด้วยหนึ่งคืนนะใบหยก” เหนือสมุทรพูดขึ้นพร้อมกับมือใบหยกเบาๆ ทำเอาใบหยกคิดหนักเพราะห้องของเธอเล็กไม่ได้สะดวกสบายเหมือนคอนโดเพื่อนคนอื่น
“ห้องเราเล็กนะสมุทร”
“กูนอนได้” คำตอบของเหนือสมุทรทำเอาใบหยกไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้
“งั้นถามก่อนที่มานอนด้วยกันมันเป็นเพราะอะไร” ใบหยกไม่รอช้าที่จะถามขึ้นเพราะเธออยากรู้เหตุผลของเหนือสมุทรในการหามาเธอมืดค่ำแบบนี้เหมือนกัน
“ก็น้องเมย์ตามไปหากูถึงคอนโด กูรำคาญเลยออกมานอนกับมึง”
“สมุทรจะทิ้งน้องเขาแล้วหรอถึงรำคาญ”
“กูบอกไปแล้วนะว่าความสัมพันธ์จะเป็นแบบวันไนท์น้ำแตกก็แยกทางแต่เหมือนน้องมันจะไม่ได้คิดแบบกู เอาแต่ตามจนกูทนไม่ไหวหนีมาหามึงนี่แหละ”
❤️
ฝากเอ็นดูยัยหนูใบหยกกับเหนือสมุทร
ของเราด้วยนะคะทุกคน