จันยาวีร์จึงเดินหาตู้เซฟที่ตัวเองต้องการ จนกระทั่งเธอมาหยุดยืนตรงหน้าตู้ขนาดสูงเท่าเอว เมื่อกี้นี้เธอไม่ได้เปิดประตูตู้นี้ออก มือเล็กจึงเปิดประตูตู้นั้นออกกว้าง และก็พบสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“เจอแล้ว” เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม แต่ก็ติดปัญหาอยู่ที่ว่าเธอจะเปิดมันออกไปได้อย่างไร รหัสก็ไม่รู้ กุญแจก็ไม่มี อาจจะเป็นโชคของจันยาวีร์ก็เป็นได้ ระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีเปิดตู้เซฟ ดวงตาสาวสะดุดกับช่องเล็กๆ ที่อยู่หัวมุม รอยยิ้มกว้างเกิดขึ้นอีกรอบ เมื่อรู้ว่าตู้เซฟไม่ได้ปิด
“สุดยอด” พอเธอเปิดตู้เซฟออกมาเท่านั้น ดวงตาสาวตื่นตะลึงและเบิกกว้าง เพราะในตู้เซฟบรรจุกล่องใส่พระเครื่องไว้ถึงสามกล่อง แล้วยังมีสร้อยคอทองคำเส้นใหญ่หนึ่งเส้น สร้อยคอเส้นนั้นมีพระเครื่องห้อยไว้อยู่ห้าองค์ แล้วเธอก็มั่นใจว่าพระเครื่องที่ห้อยอยู่นั้นคือ ชุดเบญจภาคี เพื่อความแน่ใจเธอจึงหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมาจากตู้เซฟ ใช้กล้องส่องพระตรวจสอบว่าใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการหรือไม่
“ได้แล้ว กลับบ้านได้ซะที”
เธอพูดกับตัวเองด้วยความดีใจ ภารกิจครั้งแรกที่ลงมือทำสำเร็จไปได้ด้วยดี รอยยิ้มสวยเกลื่อนบนใบหน้า สวมสร้อยคอเส้นนั้นเข้าไปในคอ หมุนตัวกลับหลังหันเพื่อเดินออกไปจากห้องนอนของรัฐภูมิ
...ตุ้บ...
เสียงนี้คือเสียงหัวใจของจันยาวีร์ที่หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ม่านตาสาวขยายกว้าง แววตาตื่นตระหนก หายใจแรงราวกับคนที่หวาดกลัวสิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า ขาทั้งสองข้างสั่นและชาดิก ขยับก้าวเท้าไม่ได้เลย มือทั้งสองข้างชื้นเหงื่อ
เขามายืนอยู่ตรงประตูห้องนอนได้อย่างไร ในเมื่อประภาพรรณบอกกับเธอเองว่า ฤทธิ์ของยานอนหลับจะอยู่นานถึงสามชั่วโมง นี่มันเพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย และดูท่าทางเจ้าของห้องจะโกรธสุดๆ ด้วย สังเกตได้จากดวงตาที่เป็นพื้นสีขาวมีเส้นเลือดสีแดงแทรกขึ้นมาจนเต็มมองไม่เห็นตาขาว นัยน์ตาสีดำคมเข้มเจิดจ้าร้อนแรงดั่งมีไฟบรรลัยกัลป์สุมอยู่ ใบหน้าของรัฐภูมิกระด้างและเรียบตึงบ่งบอกถึงสภาวะทางอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี
โอ้...เขาเหมือนอสุรกายที่ผุดขึ้นมาจากนรกจริงๆ
รัฐภูมิมองร่างของจันยาวีร์ที่ยืนตัวแข็งเป็นหินนิ่งงัน ความโกรธเกรี้ยวโกรธามีมากมายจนแทบจะระเบิด วินาทีแรกที่รู้ตัวว่าถูกป้ายยานอนหลับเขารู้สึกแค้นหญิงสาวตรงหน้ามากที่สุดในชีวิต แต่พอเขาได้สติในอีกประมาณยี่สิบนาทีต่อมา เขารีบพาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงไปยังห้องครัว เปิดตู้เย็นแล้วหยิบกลูโคสที่เขาชงเอาไว้ตั้งแต่เดินทางมาถึงห้องพัก
เขากะว่าจะดื่มกลูโคสแช่เย็นตอนที่เขานวดตัวเสร็จ ซึ่งก็ทำอย่างนี้ประจำทุกครั้งที่กลับมาจากเดินทางไกลๆ พอหยิบแก้วที่กลูโคสออกมาจากตู้เย็น เขาก็รีบดื่มรวดเดียวหมดแก้ว กลูโคสจะทำให้พลังงานในร่างกายของเขามีพละกำลังดีขึ้น หายจากอาการอ่อนเพลียและยังช่วยขับยานอนหลับให้ออกไปจากร่างกายอีกด้วย แต่จะให้ได้ผลดี เขาหยิบขวดน้ำเย็นมาราดศีรษะจนน้ำที่แช่ไว้ในตู้เย็นหมดตู้ ร่างกายที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว ผิวกายที่กระทบกับความเย็นเฉียบของน้ำ ทำให้อาการทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น พอเริ่มมีแรง มีสติ เขาก็รีบเดินหาตัวคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ทันที และแล้วก็พบหมอนวดสาวในห้องนอนของเขา ดวงตาของเขาโชติช่วงมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นสร้อยคอทองคำที่ห้อยพระเครื่องเบญจภาคีของจริงคล้องอยู่ในคอของเธอ ที่เขารู้ว่าสร้อยคอเส้นนั้นเป็นของจริง เนื่องจากของปลอมมันนอนอยู่บนโซฟาด้านนอก
“เธอกล้ามากนะที่ทำกับฉันแบบนี้...กล้ามาก”
เขาเน้นเสียงทุกถ้อยคำกัดฟันพูด ขบกรามแน่นจนเส้นเลือดสีเขียวขึ้นตรงสันแก้ม เดินเข้ามาหาร่างสาวที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ทุกคนมี สมองจึงสั่งการขาที่แข็งประดุจหินและหนักอึ้งราวกับมีภูเขามากดทับให้ก้าวแล้ววิ่งออกไปจากห้องนี้
ใช่...เธอทำมันได้จริงๆ จันยาวีร์ก้าวเท้าออกไปได้ตามที่สมองคิด
ทว่า...มันแค่สามก้าวเท่านั้น...สามก้าวก่อนจะถูกลำแขนใหญ่ของเขาคว้าเอวเล็กเอาไว้มั่น แล้วออกแรงเพียงน้อยนิดยกร่างสาวขึ้นสูง โยนเธอลงไปบนเตียงอย่างไม่ปรานีปราศัย ไม่นำพาว่ากระดูกของเธอจะหักกี่ท่อน ร่างกายสาวจะร้าวระบมหรือไม่...
ไม่...ไม่มีความปรานีอีกต่อไปแล้ว เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับรัฐภูมิ อัครธนากุล เล่นกับคนแรงก็ต้องเจอความแรงกลับไปหลายร้อยเท่าพันเท่า หมื่นทวี
“โอ๊ย!!!” เสียงหวานโอดครวญ เจ็บก้นกบจนพูดไม่ออก จุกไปถึงท้องน้อย
“กล้ามาล้วงถ้ำเสือถึงที่เลยนะ เก่งนี่ ดูพระเป็นด้วย ว่าสร้อยเส้นไหนห้อยพระจริงสร้อยเส้นไหนห้อยพระปลอม”
เขาเดินมาหยุดยืนริมเตียง เมื่อเดินไปหยิบเนคไทที่แขวนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้ามาสองเส้น สาวร่างสวยที่นอนจุกขยับไปไหนไม่ค่อยถนัด กริ่งเกรงกับของที่อยู่ในมือหนา มองหน้าที่เต็มไปด้วยความดุร้ายและโหดเหี้ยมอย่างหวาดกลัว มองซ้ายมองขวาหาทางเอาตัวรอด ทางเดียวเท่านั้นที่จะเอาตัวรอดได้คือ ต้องวิ่งไปที่ประตู แต่จะวิ่งไปได้อย่างไรเล่า แค่ขยับตัวลุกขึ้นนั่งเธอยังทำไม่ได้เลย สะโพกมันเคล็ดจากแรงกระแทกเมื่อครู่ การวิงวอนร้องขอชีวิตจึงเป็นทางเดียวสำหรับเธอตอนนี้
“อย่า...อย่าทำอะไรฉันเลย เอาสร้อยกับพระของคุณคืนไปก็ได้ ฉันไม่อยากได้แล้ว อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
“ฉันเอาของของฉันคืนแน่เธอไม่ต้องห่วง แล้วยังจะให้บทเรียนกับเธอกลับไปบ้านด้วยว่า อย่าได้คิดจะมาขโมยของของฉัน โดยเฉพาะสร้อยพระเครื่องชุดนี้ อย่าได้หวังว่าเธอจะได้ไป”
เขาพูดขณะที่ถอดสร้อยออกจากลำคอของเธอ แล้วนำสร้อยไปวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง จากนั้นก็ขยับร่างมานั่งคร่อมร่างเล็กเอาไว้ ล็อกไม่ให้เธอดิ้นหรือขยับร่างไปไหนได้เลย
“คุณ...คุณจะทำอะไร อย่านะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฮือ”