เมียดาราของคุณไท่หรง 1.2

1425 Words
"อิพี่สนนี่ก็ยังหน้าม่อไม่เปลี่ยน ทำไมมันไม่ยอมเลิกยุ่งสักทีวะ หาเรื่องแต๊ะอั๋งอยู่ได้" ‘เฟื่องรัตน์’ บ่นอุบอิบยามที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าเต็นท์แต่งตัว มือของเพื่อนสาวตัวเล็กในชุดทะมัดทะแมงยังคงไม่ปล่อยข้อมือของจันทร์เจ้าขาให้เป็นอิสระ อีกทั้งยังเอาตัวมาบังให้เธอเดินเข้าไปในเต็นท์พร้อมกับหันไปสำรวจเบื้องหลังราวกับกลัวว่าสนธิจะตามมาอีก "ขอบคุณแกมากนะที่ช่วยฉันเมื่อกี้ ไม่ได้แกก็ไม่มีใครคิดช่วยเลย” มือขาวลูบมือเพื่อนเป็นเชิงให้ใจเย็นลง จันทร์เจ้าขารู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่เฟื่องเข้ามาช่วยให้หลุดจากสถานการณ์น่าอึดอัดตรงนั้นมาได้ โล่งใจทั้งที่ไม่ต้องโดนลวนลามตอ โล่งใจทั้งเรื่องที่ตัวเองไม่หมดความอดทนไปเสียก่อนด้วย ไม่งั้นคงมีเรื่องใหญ่ตามมาแน่ "จะไม่ช่วยได้ไง อีนังทีมงานพวกนั้นมันนินทาแกจะตายอยู่แล้วว่าเอาตัวเข้าแลกกับผู้กำกับ ขืนปล่อยให้อิพี่สนมันทำรุ่มร่ามกับไปมากกว่านี้ อีพวกนั้นคงได้นินทากันตาย" เพื่อนตัวเล็กยังคงเดือดจัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมปล่อยมือให้จันทร์เจ้าขาได้เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนตนเองหันไปจัดแจงอุปกรณ์ลบเครื่องสำอาง ก่อนจะมากระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม ใบหน้าหมวยออกแนวเต้าหู้ที่ยังน่ารักไม่ต่างไปจากวันแรกที่เจอกันนั้นบูดบึ้งไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งกับภาพที่เห็น แต่มือก็ยังคงใช้สำลีกดปั๊มคลีนซิ่งทำหน้าที่ของตัวเองไม่หยุดหย่อน “น่าโมโหจริงๆ ไหนจะแม่นางเอกนั่นอีก แหมทำเป็นยิ้มหวานขานเพราะแต่ไหงพูดให้คนอื่นเข้าใจแกผิด ตัวเองก็ดังขนาดนั้นยังจะใช้พริวิลเลจของตัวเองมารังแกคนอื่น ตอหลดตอแหล" "ช่างมันเถอะเฟื่อง ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันเก่งจะตายแกก็รู้" จันทร์เจ้าขาใช้มือตบลงบนต้นขาเพื่อนสนิทเบาๆ ขณะที่หลับตาลงเพื่อให้เฟื่องล้างเครื่องสำอางออกได้อย่างสะดวก ถึงเรื่องที่อีกฝ่ายพูดจะจริงทุกอย่าง และตัวเธอเองก็โกรธอู่เหมือนกัน แต่เก็บมาโกรธหรือบั่นทอนตัวเองไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี ยังไงก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหากเธอยังอยู่ทีมนี้ อีกอย่าง ถึงในกองถ่ายนี้จะไม่ได้อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาเพราะเหตุผลความเป็นส่วนตัวของนักแสดง แต่หน้าต่างมีหูประตูมีตา ยิ่งมีพวกของลลิตามากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งไม่อยากเสี่ยง เป็นไปได้สูงว่าอาจจะมีใครมาได้ยินแล้วเอาไปฟ้องสนธิ เรื่องนี้อาจสร้างปัญหาได้ เธอเองไม่ได้อยากมีปัญหากับพวกมีเส้นสายในวงการ และไม่อยากให้ช่างแต่งหน้าอย่างเฟื่องมีปัญหาด้วยเหมือนกัน ยิ่งเขาเองก็แสดงออกว่าสนใจในตัวเธอ หากไปมีปัญหาด้วยใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรได้บ้าง มันไม่คุ้มกันที่จะเสี่ยงให้เรื่องไร้สาระแบบนั้นเกิดขึ้น "คนตรงนั้นจะคิดยังไงฉันไม่สนใจหรอก แค่มีแกอยู่เคียงข้างฉันก็พอแล้ว" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นพาให้คนฟังพลอยใจเย็นลงตามไปด้วย "เออๆฉันไม่พูดแล้ว มารีบลบเมคอัพกันดีกว่า อย่าลืมว่าวันนี้ฉันกับแกเรามีนัดกินข้าวกัน แถมแกก็ไม่ได้มีคิวงานต่อจะมาเทฉันไม่ได้เด็ดขาดนะ แม่ฉันเขาก็รอทานข้าวกับแกมาหลายวันแล้ว" หญิงสาวหน้าเต้าหู้ยอมเปลี่ยนเรื่องก่อนจะหันไปโยนสำลีใช้แล้วทิ้งลงถังขยะและหยิบแผ่นใหม่ขึ้นมาใช้งาน เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ "อืมมม ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า คิดถึงคุณแม่อยู่เหมือนกัน" และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะพูดอะไรต่อจันทร์เจ้าขาจึงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ ขณะที่หลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยให้เพื่อนเช็ดเครื่องสำอางจากใบหน้าจนหมดจด ทิ้งคราบหม่อมเจ้าแสนดี นางร้ายปากแดงผู้เป็นที่น่าหมั่นไส้ของแฟนละครออกไป เหลือเพียง ‘จันทร์เจ้าขา ฉัตรธนันธ์’ นักแสดงสาวที่ไม่ค่อยมีพื้นที่ในสื่อมากนัก หากจะมีก็เป็นแค่มุมเล็กๆมุมหนึ่งของคอลัมน์บันเทิงเท่านั้น ทว่าขณะที่กำลังเตรียมตัวเดินทางไปบ้านของเฟื่องเพื่อรับประทานอาหาร จู่ๆสมาร์ตโฟนของเธอก็สั่นครืด รายชื่อผู้ติดต่อที่คุ้นเคยเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ พร้อมรายการแจ้งเตือนว่าอีกฝ่ายส่งข้อความบางอย่างมาให้ เธอกดเข้าไปดูเพราะฝ่ายนั้นเป็นผู้จัดการที่คอยจัดคิวงานแสดงให้มานานหลายปีแล้ว และทันทีที่อ่านข้อความที่ส่งมาจบลางสังหรณ์บางอย่างก็พาลให้หวิวแปลกๆขึ้นมา ทั้งที่ข้อความนั้นก็ไม่ได้มีอะไรที่ชี้นำไปในเรื่องที่ไม่ดี "มีอะไรเหรอแก" ด้านเฟื่องเองเมื่อเห็นว่าเพื่อนคนสวยเงียบไปจึงเอ่ยถามขึ้น จันทร์เจ้าขามองข้อความนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก “ฉันคงต้องเบี้ยวนัดแกกับคุณแม่จริงๆแล้วว่ะเฟื่อง” “อ้าว ทำไมล่ะ” “พี่ติณห์ทักมาบอกว่าพี่อ้อเขาอยากคุยกับฉัน แต่ฉันต้องเข้าบริษัทไปตอนนี้เลย” “พี่อ้อผู้จัดอ่ะเหรอ เขาบอกไหมว่าทำไมถึงด่วนขนาดนั้น” “เห็นบอกว่ามีบทสำคัญที่จะให้ฉันเล่น” คำว่าละครเรื่องใหม่และคำว่าบทสำคัญทำให้เฟื่องถึงกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่อยากเชื่อหู “พี่อ้อเนี่ยนะจะให้แกเล่นบทสำคัญ ไปผีเข้ามาจากไหน” จริงอยู่ที่เรื่องมันฟังดูน่ายินดีแต่เฟื่องก็อดแปลกใจไม่ได้ หญิงสาวร่างเล็กเดินเข้ามาดึงโทรศัพท์ในมือจันทร์เจ้าขาไปอ่านเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก ปกติผู้จัดละครคนนี้เคยชายตามองจันทร์เจ้าขาที่ไหนกัน มีอะไรก็ลลิตาๆตลอด ส่วนกับเพื่อนเธอโยนมาให้แต่บทอะไรก็ไม่รู้ ขนาดบทนางร้ายนี่ยังดูไม่อยากให้เล่นเลย สกัดดาวรุ่งสุดฤทธิ์ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะเฟื่อง” “มันแปลกๆนะเจ้าขา” อยู่ๆจะมาหยิบยื่นบทดีๆให้ลูกเมียน้อยอย่างจันทร์เจ้าขามันจะประหลาดเกินไปหรือเปล่า หรือว่าลูกรักอย่างแม่ลลิตานั่นไม่มีคิวให้ลง?? “แต่ว่า…ไม่แน่ครั้งนี้ฉันอาจได้รับบทที่ดีกว่าเดิมก็ได้นะเฟื่อง บางทีเขาอาจจะมองเห็นความสามารถของฉันขึ้นมาแล้วก็ได้” แต่แม้ว่าเรื่องนี้จะฟังดูไม่น่าเชื่อ ทว่าจันทร์เจ้าขากลับรู้สึกมีความหวังขึ้นมา อย่างที่บอกว่าเธอรักอาชีพการเป็นนักแสดง ตั้งใจทุกเรื่องทุกบทบาทที่ได้เล่น แม้จะโดนเมินและขัดแข้งขัดขามาตลอดแต่ก็ยังไม่ลืมฝันที่จะได้ดังเปรี้ยงไปเป็นดาวบนท้องฟ้าอย่างคนอื่นๆเขา และการจะไปถึงตรงนั้นได้เธอก็ต้องได้รับโอกาสได้เล่นบทที่เด่นพอจะมีคนมองเห็นด้วย บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่ว่านั่น “ฉันก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ สังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ว่ะ งั้นเข้าบริษัทไปแกก็ระวังตัวด้วยแล้วกันนะเข้าใจไหม เรื่องกินข้าวเดี๋ยวฉันบอกแม่ให้ว่าแกติดธุระสำคัญจริงๆ มีอะไรก็บอกฉันนะ” “อืม ขอโทษนะแก” “ไม่เป็นไร แกไปเถอะ ขอให้โชคดีได้บทปังๆนะ” “ขอบใจ” จันทร์เจ้าขายิ้มรับคำอวยพรของเพื่อนสาวขณะที่หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่ ในใจหวังเอาไว้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมทั้งที่กำลังจะได้รับข่าวดีแบบนี้ เธอกลับใจหวิวๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อย่างกับจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD