ด้านต้าเหว่ยเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ได้แต่นิ่งไปคล้ายกำลังคิดตาม ถึงน้องรองของเขามันจะเกลียดขี้หน้าพ่อแท้ๆที่ลำเอียง แต่มันรักน้องสาวของมันมาก เหมือนกับที่เขารัก
พ่อแม่อาจรักลูกไม่เท่ากันแต่เขารักน้องเท่ากันทุกคน ไม่ว่าจะลูกแม่เดียวกันหรือลูกเมียน้อยพ่อ ทุกคนต่างเป็นน้องของเขาทั้งสิ้น พี่น้องตระกูลหวงจะมาทิ้งกันไม่ได้
“เออๆ รู้แล้วน่า เฮียก็ว่าแต่อั๊วะเนอะ ตัวเองก็หิ้วผู้หญิงกลับมาเหมือนกันนั่นแหละ คนนั้นใครนะ เห็นว่าเป็นดาราด้วยใช่ไหม” ด้านต้าเหว่ยแม้จะยอมพี่ชายแทบทุกอย่างแต่ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยคนดื้อ ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมของโรงแรมเดินไปนั่งตรงข้ามกัน
มือยกแก้วกาแฟที่เพิ่งมาเสิร์ฟขึ้นดื่มเร็วๆก่อนจะสะดุ้งพ่นออกมาเล็กน้อยเมื่อโดนกาแฟร้อนลวกปาก ด้านไท่หรงมองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า หยิบเอาผ้าเช็ดปากที่วางอยู่ไม่ไกลปาใส่มันให้หายรำคาญ
“มึงไม่ต้องมาแซว กูไม่ได้พากลับมาเหมือนที่มึงพากลับก็แล้วกัน นี่คงเสียงด่งจนเลขานอนไม่ได้เลยสิท่า” ไม่พูดเปล่า เขายังซัดสายตาไปยังเลขาฟ่งซึ่งยังยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น ไม่รู้ว่าวิญญาณหลุดไปแล้วหรือยัง
“แล้วพากลับมาทำไมไม่ทราบ เอามานอนกอดเหรอ”
“ไม่ใช่ เขานอนอยู่อีกห้อง” ทันทีที่เขาตอบ มือหนาที่กำลังยกแก้วน้ำเย็นขึ้นดื่มอยู่ก็พลันชะงัก ต้าเหว่ยมองเขากลับมาเหมือนไม่อยากเชื่อหู แต่แค่สองวินาทีก็พยักหน้าเหมือนเข้าใจ
“เออๆ อั๊วลืมว่าเฮียตายด้านไปแล้ว”
“ปากมึงนี่มันวอนตีนกูจริงๆ”
“แล้วสรุปเฮียพามาทำไมถ้าไม่ได้ทำอะไร เดี๋ยวนะ เมื่อคืนเฮียบอกว่าไอ้สส.นั่นมันอยากพาไปรับรอง อย่าบอกว่าไปเอาผู้หญิงของมันมา”
“ไม่ใช่ผู้หญิงของมัน ตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ของใครทั้งนั้น แต่หลังจากช่วยเสร็จแล้วก็จะกลายเป็นของกู”
“ช่วยใคร? ช่วยเรื่องอะไรวะเฮีย อั๊วงงไปหมดแล้วเนี่ย” ต้าเหว่ยขมวดคิ้วแน่นที่พี่ชายพูดจางงๆรู้เรื่องอยู่คนเดียวใส่เขาตั้งแต่เช้า คนก็ยังตื่นไม่ทันจะตื่นเต็มตาทำไมต้องมาพูดอะไรเข้าใจยากนักก็ไม่รู้
“เดี่ยวมึงก็เข้าใจเองแหละ”
“เอ้า แต่…”
“นายน้อยไท่ครับ คุณจันทร์เจ้าขากลับมาแล้ว เห็นบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับนายน้อยครับ” ทว่าในยามที่กำลังจะถามต่อ ประตูด้านหน้าก็พลันเปิดออก แทนที่ด้วยลูกน้องคนสนิทคนเดิมที่เข้ามาแทรกกลางบทสนทนา
ด้านไท่หรงที่ได้ยินอย่างนั้นก็พลันยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจ เขาพยักหน้าแล้วบอกฝ่ายนั้นไป ว่าให้จันทร์เจ้าขาไปรอที่ห้องของตัวเอง เดี๋ยวเขาจะเป็นฝ่ายไปหา
สั่งเสร็จแล้วก็หันกลับมาเจอกับสายตาจับผิดของน้องชายคนเดิมทว่าเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ปล่อยให้งงต่อไปนั่นแหละ น้องชายเขามันเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เดี๋ยวอะไรๆเข้าที่แล้วมันก็เข้าใจเอง
“มีเรื่องอยากคุยเยอะจริงๆแม่คนนี้”
เมื่อเห็นว่าเขากำลังมีแขกจันทร์เจ้าขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร เธอเดินกลับมาที่ห้องซึ่งนอนมาทั้งคืนอย่างว่าง่าย พลางคิดว่าต้องถามเขาให้รู้เรื่องเสียแล้วว่าต้องอยู่แบบนี้อีกนานเท่าไหร่ เธอต้องกลับไปเอาของ อีกทั้งยังต้องไปทำงานในวันพรุ่งนี้อีก
ไหนจะเรื่องนั้นที่ต้องบอกให้เขารอ มีหลายเรื่องเหลือเกินที่ต้องคุย แต่ในเมื่อเขาบอกว่าจะมาหาเธอจึงคิดว่าเขาน่าจะพร้อมรับฟังอยู่ในระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคนอย่างเขาคงไม่คิดเสียเวลามาคุยกับคนอย่างเธอหรอก
รอไม่นานประตูก็ถูกเคาะจากด้านนอก เมื่อไปเปิดก็พบว่าเขายื่นรออยู่ข้างหน้าแล้ว เห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงเชื้อเชิญให้เข้ามาด้านใน
“เชิญค่ะคุณไท่หรง”
“เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน จะคุยเรื่องอะไร” เขาเอ่ยถามเข้าประเด็นในทันทีที่ก้าวเข้ามาด้านใน ร่างสูงเดินไปนั่งที่ชุดเก้าอี้ที่อยู่มุมห้องก่อนจะมองมาทางเธอเป็นเชิงว่าให้รีบพูด
“คือ…ก็มีหลายเรื่องค่ะ อย่างแรกคือฉันอยากรู้ว่าต้องมาอยู่กับคุณแบบนี้กี่วัน”
“รอบนี้ฉันมาสิบวัน แต่รอบอื่นยังไม่รู้”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันหมายถึงก่อนที่คุณจะให้เรื่องที่ฉันขอ”
“เธอไม่ต้องรอถึงสิบวันหรอก มีเรื่องอะไรที่อยากคุยอีก” เมื่อเขาพูดแบบนั้นหญิงสาวจึงไม่กล้าตั้งคำถามเรื่องเดิมอีกเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นการไปดูถูกจนทำให้เขาโมโหเข้า
“ฉันยังต้องไปถ่ายละคร พรุ่งนี้ก็มีคิวถ่ายจนมืดคุณให้ไปได้ไหมคะ”
“ก็ไปสิ มันอาชีพเธอนี่ แค่กลับมานอนที่นี่อย่าให้ฉันต้องตามหาก็พอ” เขาตอบกลับมาแบบไม่ได้ใส่ใจอย่างนั้นจันทร์เจ้าขาก็พาลโล่งอก คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนคุยได้ตราบใดที่เธอยังไม่ตุกติก
เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงใจกล้ามากขึ้น ถึงขั้นเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะโชว์ท้องแขนที่ยังแปะพลาสเตอร์ให้เขาดู
“คือ…ฉันเพิ่งไปฝังยาคุมมา” เขามองแผลฝังยาคุมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วมองเธออย่างตั้งคำถาม ดวงตาคมกริบแลดูดุดันแต่ไม่ได้มีแววโกรธขึ้ง ทำให้จันทร์เจ้าขามีความกล้าที่จะพูดต่อ
“ฉันแค่จะบอกว่า…ฉันไม่รู้ว่าคุณจะให้สิ่งที่ฉันร้องขอวันไหน แต่การฝังยาคุมต้องรอเจ็ดวันตัวยาถึงจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ฉันแค่…อยากถามว่าคุณรอได้ไหม ว้าย!”
ทว่าเมื่อถามไปแล้วก็พลันต้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อโดนรั้งตัวเข้าไปยืนแนบชิดกับเขากะทันหัน มือหนาล้วงเข้าไปใต้ประโปรงสัมผัสกับเรียวขาเปลือยที่ด้านใต้
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ล่ะ”
เธอไม่เข้าใจเลยว่าเขาเป็นอะไรกับการล้วงกระโปรงนัก เมื่อคืนก็ล้วง นี่ก็ยังมาล้วงอีก ซื้อชุดกระโปรงมาให้เปลี่ยนเพราะการนี้หรือไง หรือนี่จะเป็นคำตอบของเขาว่ารอไม่ไหวแล้วต้องได้เอาเลย???
“ถ้าไม่ได้ คุณก็ต้องใช้ถุงยางนะคะ”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่อยากใช้ล่ะ เธอจะว่ายังไง”
“ใช้เถอะนะคะคุณไท่หรง ฉันไม่ได้จะหนีคุณไปไหน แค่อยากมั่นใจว่าจะไม่ท้องทำให้ทั้งตัวเองและคุณต้องเดือดร้อน ฉันโตเกินกว่าจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นแล้ว คิดว่าคุณเองก็คงไม่อยากให้มีเรื่องหยุมหยิมกวนใจใช่ไหมล่ะคะ”
ถึงจะพูดยาวเป็นต่อยหอยอย่างนั้น ทว่าหญิงสาวก็ยังไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด แถมเพิ่มเติมไปด้วยการยกมือขึ้นลูบไหล่ทั้งสองข้างให้เขาใจเย็นไปด้วย
ด้านไท่หรงเองเมื่อได้ยินสิ่งที่อยากได้ยินก็นิ่งไปเล็กน้อย ไม่นานมุมปากก็วาดขึ้นอย่างถูกใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นแบบที่เขาไม่เคยเจอจากที่ไหน ปกติถ้ากลัวก็จะหงอไปเลย ไม่มีมาใจกล้าสั่นสู้แบบนี้หรอก
ฉลาดเอาตัวรอดดี พูดเก่งๆแบบนี้แหละที่เขาชอบ
“เธอนี่ฉลาดพูดดีนะ”
“แล้วคุณจะว่ายังไงล่ะคะ” เขาไม่ได้ตอบเธอในทันทีแต่กลับเลื่อนมือผ่านหลังเข่าขึ้นไปที่ต้นขาเนียนก่อนจะดึงมือออกมา แล้วคว้าเอวของหญิงสาวรั้งให้นั่งลงบนตักของตัวเอง
ปลายจมูกโด่งซุกเข้าไปในซอกคอสวย ทว่าทำเพียงดอมดมไม่ได้ทำมากไปกว่านั้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอที่ยังนั่งตัวแข็งอยู่ในระยะประชิด ฝ่ามือร้อนลูบต้นขานุ่มผ่านเนื้อผ้าขณะที่ใบหน้าดุดันโน้มเข้าไปใกล้ใบหูขาว
“เอาเป็นว่าฉันจะรอ เธอเองก็อย่าผิดคำพูดแล้วกัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่เอาเธอไว้แน่”
“ค่ะ ฉันจะไม่ผิดคำพูด”
“ดี ลุกขึ้นได้แล้ว เดี๋ยวฉันอดใจไม่ไหวขึ้นมาเธอจะโทษฉันไม่ได้นะ” สิ้นคำพูดนั้นหญิงสาวก็ดีดตัวผึงขึ้นจากตักของเขาจนศีรษะเกือบกระแทกกับคางคม โชคดีที่เขาหลบได้ทันจันทร์เจ้าขาจึงไม่เจ็บตัว และไม่ต้องเสียวไส้ว่าจะทำให้เขาโมโห
ดวงตาสวยมองร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินยิ้มออกจากห้องไป กว่าจะกล้ากลับมาหายใจเป็นปกติอีกครั้งก็เป็นตอนที่ประตูปิดสนิทแล้ว
มือเรียวยกขึ้นมาจับตรงตำแหน่งหัวใจที่กำลังเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่นของตัวเอง นึกถึงการกระทำอันแสนคุกคามเมื่อครู่แล้วขนอ่อนหลังคอลุกชันไปหมด นี่ไท่หรงตั้งใจแค่หยอกเย้าเธอเฉยๆยังดุดันน่ากลัวขนาดนี้
ไม่อยากจะคิดถึงตอนที่ต้องมีอะไรกันเลยจริงๆ
“ตายแน่ๆเลยฉัน”