ตัวภาระจริง ๆ

1855 Words
ระหว่างที่เฉินอ๋องเพิ่งตื่นบรรทม จางเมิ่งลู่ก็มีรับสั่งลงมาตั้งแต่เช้าว่าให้เขาไปอยู่ดูแลเย่ฟางหรูจนกว่านางจะหายเป็นปกติดี และนั่นก็ทำให้คนที่ไม่อยากเจอหน้าสตรีคนนั้นสักเท่าไรหงุดหงิดใจ “นางตื่นแล้วหรือยัง” บุรุษถามขณะที่ล้างหน้าล้างตา บ้วนปากเช็ดเนื้อเช็ดตัว “ตื่นเมื่อสักครู่นี้พ่ะย่ะค่ะ” หลิงหาวรายงาน “ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่” ร่างสูงลุกขึ้นยืนให้พวกนางกำนัลเปลี่ยนชุดให้ใหม่ “กำลังกินอาหารเช้าอยู่พ่ะย่ะค่ะ” หลิงหาวเหลือบตามองท่านอ๋องพลางรายงานต่อ “เช่นนั้นก็ส่งใครสักคนไปอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้นาง” จางหย่งเฉินโบกมือไล่พวกนางกำนัล เมื่อแต่งตัวเสร็จเขาก็ออกไปจวนว่าการทันที “พ่ะย่ะค่ะ” จากจวนว่าการกับจวนเจ้าเมืองนั้นอยู่ห่างไกลกันพอสมควร ร่างสูงขึ้นม้าและค่อย ๆ ออกเดินทางไป ในใจบุรุษว้าวุ่นมากนักเมื่อนึกถึงสตรีคนนั้น ตอนนี้เขาควรสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง คนตระกูลเย่จะต้องพังพินาศ เมืองเนี่ยโจวที่สอดมือยุ่งไม่เข้าเรื่องควรจะต้องถูกสั่งสอนสักหน่อย “สั่งรวมพล ข้าจะเปิดรับสมัครทหารใหม่ เกณฑ์คนเข้ากองทัพให้มากที่สุด” เมื่อมาถึงจวนว่าการแล้ว จางหย่งเฉินก็เรียกแม่ทัพใหญ่เข้ามาพบ ศึกใหญ่ครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงยากเสียแล้ว ฝั่งตระกูลเย่ หลังจากทิ้งเมืองเหลียนโจวไปพึ่งพาเมืองเนี่ยโจวก็ต้องครุ่นคิดกันไม่ตก สาเหตุก็เพราะว่าพวกเขาทำคุณหนูใหญ่หล่นหายไปในระหว่างทางไม่ทันได้รู้ตัว ฮูหยินใหญ่ที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วก็ยิ่งล้มป่วยหนัก เย่เหมยหลินก็พยายามเข้าหาเนี่ยเหวินหลงทุกวิถีทางเพื่อให้เขายอมรับนาง “ท่านอ๋องเพคะ” ร่างบางที่แม้จะมีรูปโฉมไม่เฉิดฉันเท่าผู้เป็นพี่สาวแต่ก็มีเสน่ห์เย้ายวนไม่น้อย “คุณหนูรอง เจ้าไม่ต้องลำบากก็ได้” เนี่ยเหวินหลงยิ้มกริ่ม เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่าเย่เหมยหลินคิดจะทำอะไร แต่ก็ไม่พูดปฏิเสธ เพียงแค่อยากดูว่าสตรีคนนี้จะมาไม้ไหน “หม่อมฉันเต็มใจทำให้ท่านอ๋องเพคะ” ร่างบางเดินเยื้องย่างเข้ามาพร้อมกับกล่องใส่อาหาร ช่วงนี้นางพยายามเอาใจหลงอ๋องสารพัดต้องการให้บุรุษผู้นี้ลืมพี่สาวของนางไปเสีย เนี่ยเหวินหลงไม่พูดอะไรอีกและปล่อยให้เย่เหมยหลินทำในสิ่งที่นางอยากทำ ณ เรือนรับรอง สาวใช้อาวุโสคนหนึ่งเข้ามารายงานข่าวของคุณหนูใหญ่ให้ฮูหยินใหญ่ทราบ ทั้งที่เย่อิงน่าล้มป่วยอยู่แท้ ๆ ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยมีสาวใช้อีกคนช่วยประคองตัว “ฟางหรูถูกเฉินอ๋องจับตัวไปเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ข้าจะต้องนำเรื่องนี้ไปบอกหลงอ๋องให้ได้” เพื่อหาทางช่วยบุตรีตนเอง ฮูหยินใหญ่จึงพร้อมทำทุกวิถีทางเช่นเดียวกัน แต่ทว่านายท่านตระกูลเย่กลับเข้ามาขัดขวางเสียก่อน “เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้” เย่หลันจิ้นรีบห้ามปราม เขาเป็นเจ้าเมืองเหลียนโจวก็จริงแต่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งอ๋อง เนื่องจากไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ที่มีอำนาจทุกวันนี้ก็อาศัยความดีความชอบของบิดาในสมัยก่อน และสืบทอดขึ้นเป็นเจ้าเมืองก็เท่านั้น นับว่าไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นอันใด หลายปีก่อนได้ทำพลาดครั้งใหญ่หลวงก็คือออกอุบายให้จิ่นอ๋องซึ่งเป็นสหายกัน ถูกคนจากแคว้นฉู่เยี่ยยิงธนูอาบพิษใส่ เลยเป็นสาเหตุทำให้ตระกูลจางโกรธแค้นตระกูลเย่จนทุกวันนี้ ความศรัทธาในกองทัพเสื่อมถอยลงไปเรื่อย ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่มีกองทัพไปรบต่อกรกับเฉินอ๋อง จำต้องอับอายมาขอความช่วยเหลือจากหลงอ๋องเช่นนี้ “ทำไมถึงไม่ได้กันเจ้าคะ” เย่อิงน่าตาแดงก่ำ แม้นางจะป่วยอย่างไรแต่เย่ฟางหรูก็คือบุตรี บุตรีตกอยู่ในอันตรายจะให้นางนิ่งเฉยไม่ทำสิ่งใดได้อย่างไรกัน “เจ้าก็รู้ว่าหลงอ๋องยังไม่ทันได้หมั้นหมายกับฟางหรู ตอนนี้ถูกเฉินอ๋องจับตัวไปอีก ไม่รู้ว่าจะถูกทำอะไรไปบ้าง” เย่หลันจิ้นพูดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกฝ่ามือเรียวสวยตบเข้าที่ใบหน้าซีกขวา “คนสารเลว! นั่นลูกของเรานะเจ้าคะ ท่านพูดดูหมิ่นออกมาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” เย่อิงน่าหมดความอดทน เขาจะหลงเย่หย่าหลิงจนลืมนางไปก็ช่างเถิด แต่จะหลงลืมบุตรีที่เป็นดั่งดวงใจไม่ได้ เมื่อความเจ็บปวดแทรกลึกลงในใจของคนทั้งคู่ ระเบิดเวลาที่อดกลั้นมานานก็ปะทุในวันนี้ เย่หลันจิ้นตวัดสายตามองเย่อิงน่า เมื่อก่อนเขารักนางมากที่สุด จนเมื่อหลายปีก่อนช่วงที่หลินหย่าหลิง (แซ่เดิม) ได้เข้ามา วันนั้นความรักที่แน่นแฟ้นก็สั่นคลอน ความลับที่เขาไม่เคยรู้ก็ปรากฏขึ้น “ฟางหรูใช่บุตรีของข้าเสียเมื่อไรกัน” เพียงเย่หลันจิ้นพูดประโยคนี้ เย่อิงน่าก็ตาเบิกโพลงตัวสั่นไปทั้งตัว ราวกับคนที่ถูกจับผิดได้ “ท่านพูดเรื่องอันใดกัน” “คิดว่าข้าไม่รู้จริง ๆ หรือว่าบิดามารดาของเจ้าและก็เจ้าหลอกลวงคนตระกูลเย่” ข้อเท็จจริงนี้เขารู้สึกระแคะระคายเมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจนัก กระทั่งหลินหย่าหลิงหาหลักฐานมาให้รู้สืบทราบแน่ชัด วันนั้นเขาเสียใจมาก แต่ได้นางปลอบใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจรับอนุใหม่เข้ามาและมีบุตรีกับนางคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือเย่เหมยหลิน เพียงความจริงที่เก็บซ่อนมานานถูกเปิดเผย เย่อิงน่าก็พูดสิ่งใดไม่ออกอีกเลย จนเมื่อนั่งครุ่นคิดอยู่ครู่เดียวก็เปลี่ยนมาอ้อนวอนขอร้องผู้เป็นสามีแทน “ท่านพี่เจ้าคะ ความผิดนี้เป็นของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น เรื่องนี้ฟางหรูไม่ได้รับรู้ด้วย ถ้าท่านยังมีความรักอยู่บ้างก็โปรดช่วยนางกลับมาด้วย” เย่อิงน่าร้องไห้อ้อนวอน ภาพนั้นทำให้แต่ละคนรู้สึกเศร้าอยู่ในใจ เย่หลันจิ้นหลับตาลง ทั้งที่เย่ฟางหรูเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตของเขาแท้ ๆ บุตรีที่มีรูปโฉมงดงามคนนั้น เขารักนางเหมือนบุตรจริง ๆ “ข้าก็พยายามหาทางช่วยเหลืออยู่ แต่เจ้าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ถ้าเหมยหลินคว้าหัวใจหลงอ๋องได้ พวกเราก็จะต่อสู้กับตระกูลเย่ได้อย่างไม่ต้องหวาดกลัวใครเช่นนี้” ขณะที่เย่หลันจิ้นเอ่ยประโยคนี้ออกมา เย่หย่าหลิงที่แอบฟังอยู่ข้างกำแพงด้านหนึ่งก็แสยะยิ้มเย็น “คิดจะให้บุตรีข้าต้องเหนื่อยเปล่าหรือ เย่อิงน่า เจ้าคาดหวังเกินไปแล้ว” แล้วอนุเจ้าเมืองเหลียนโจวก็เดินหลบไปอีกทาง มารดาของเย่เหมยหลินไม่มีทางให้บุตรีของนางเป็นรองบุตรกำมะลอนั่นเด็ดขาด “เจ้าปล่อยข่าวเรื่องที่เย่ฟางหรูไม่ใช่ลูกเจ้าเมืองเหลียนโจวออกไป เรื่องนี้คนที่ได้ประโยคสูงสุดควรเป็นเหมยหลินของข้า” ถึงเวลาที่อนุอย่างนางจะได้ขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่สักที “หมดเวลาของเจ้าแล้วเย่อิงน่า ข้ารอคอยวันเวลาเหล่านี้มานานแล้ว” เย่หย่าหลิงแสยะยิ้มร้าย ณ เมืองต้าเยี่ยน ตอนนี้ฟ้ามืดลงแล้ว ร่างสูงที่เพิ่งกลับมาถึงจวนก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นเย่ฟางหรูที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนบุปผาที่ตั้งอยู่หน้าเรือนซีซวน “คุณหนู รีบเข้าเรือนเถิดเจ้าค่ะ” เป็นหลิวหมัวมัวที่ออกมาตามคน ทว่าเย่ฟางหรูที่กำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่นั้นก็รีบเข้าไปหลบหลังพุ่มไม้ สาเหตุก็เพราะว่านางกำลังคิดหาทางติดต่อกับคนตระกูลเย่ แม้เมืองเหลียนโจวจะถูกเฉินอ๋องยึดไปแล้วก็ตาม ทุกการกระทำของสตรีอยู่ในสายตาบุรุษ เย่ฟางหรูที่ออกมาเดินย่อยอาหารช่วงบ่ายบังเอิญช่วยนกพิราบที่ขาหักได้ตัวหนึ่ง นางใช้เวลาทั้งบ่ายเพื่อดูแลรักษามัน แวบหนึ่งก็มีความคิดที่จะเลี้ยงมันให้เป็นนกพิราบสื่อสารในสักวันหนึ่ง แต่ทว่ากลับถูกเฉินอ๋องพบเข้าเสียก่อน “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่านกตัวเดียวจะทำให้รอดจากที่นี่ไปได้” ร่างสูงยืนทำสีหน้าถมึงทึงอยู่ข้างหลังร่างบาง “ทะ ท่านอ๋อง!” เย่ฟางหรูหน้าซีดเผือด “มานี่เลย ให้นอนพักดี ๆ ไม่ชอบใช่ไหม ข้าจะให้เจ้าอยู่ปรนนิบัติทั้งคืนเลยคอยดู” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น คนตระกูลเย่เล่ห์เหลี่ยมมาก เป็นมาตั้งแต่ปู่ยันลูกหลาน “อย่านะ!” โฉมงามหน้าซีดเผือดไป นกพิราบที่ช่วยอย่างยากเย็นหลุดมือไปแล้ว ขณะที่นกตกใจกำลังบินหนีไปนั้น ร่างบางก็ถูกอุ้มขึ้นมา นางได้แต่ดิ้นไปตลอดทาง หลิวหมัวมัวที่หาคุณหนูเย่เจอแล้วก็ไม่กล้าเข้ามาขวางท่านอ๋อง “เงียบ!” จางหย่งเฉินแบกเย่ฟางหรูไว้บนบ่าแล้วก็ตีก้นนางไปด้วย ราวกับว่าสตรีนั้นเป็นเด็กดื้อที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดา “ฮึก ๆ” สตรีได้แต่สะกดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ นางแค่อยากกลับบ้านเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิดมากมายถึงขั้นต้องถูกตีเสียหน่อย เฉินอ๋องแบกสตรีตระกูลเย่มาถึงห้องหนังสือที่นางเคยมาแล้วสั่งให้คนเปิดประตู เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านในก็โยนเด็กดื้อลงกับเบาะรองนั่งตรงบริเวณที่จิบชา “โอ๊ย! โยนลงมาได้ ข้าเจ็บนะ” เย่ฟางหรูไม่อดทนอีกต่อไป แต่ก็ทำสิ่งใดมากไม่ได้ ทำได้เพียงตวัดสายตามองจางหย่งเฉินด้วยความแค้นเคือง เพียงบุรุษเห็นดังนั้นก็ใช้ฝ่ามือกุมที่ปลายคางเล็กนั้นให้เชิดใบหน้าขึ้น แล้วก็โน้มหน้าลงมามองใกล้ ๆ “เจ็บก็ดี! รีบบอกมา คิดจะส่งข่าวให้ใคร บิดาเจ้าหรือว่าหลงอ๋อง” แรงที่กุมปลายคางโฉมงามแรงขึ้นอีกนิด จนทำให้คนที่ถูกทารุณเจ็บจนนิ่วหน้า เย่ฟางหรูรีบเอามือมาดึงมือของเฉินอ๋องออก แต่ทำอย่างไรคนใจร้ายคนนั้นก็ไม่ยอมปล่อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD