“คุณเมฆินทร์ครับ ผมเอาเอกสารใบสมัครงานมาให้พิจารณาครับ” วิศาลวางซองสีน้ำตาล ไว้ที่โต๊ะทำงาน และถอยออกไปยืนรออย่างสำรวมเงียบๆ ที่ประตู
“ขอบใจนะคุณวิศาล กลับไปได้เลย ผมขอเวลาดูรายละเอียดสักหน่อย แล้วยังไงผมจะแจ้งไป”
“ครับคุณเมฆินทร์ ผมลานะครับ” วิศาลออกไปนานแล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงนั่งอยูที่เดิม นิ่งและนานมาก กว่าที่เขาจะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมาดู
เมฆินทร์ ธาราธรณี หนุ่มใหญ่วัย 40 ปี เจ้าของไร่ ธาราธรณี ที่กว้างใหญ่ไพศาล มีที่ดินนับพันไร่ ปลูกผลไม้ส่งในภายในประเทศ และส่งออกต่างประเทศมากมาย หลายอย่าง เขาเป็นลูกชายคนเดียว ที่แยกตัวออกมาทำธุรกิจเอง พ่อกับแม่เขาแยกทางกัน พ่อเขามีภรรยาใหม่ เขาเลือกที่จะอยู่กับแม่ ไม่ชอบหน้าแม่เลี้ยงมากนัก นางชอบมาจุ้นจ้านกับเขา เป็นคนที่น่าเบื่อ เขามีทรัยพ์สิน ร่ำรวยเงินทอง ทรัพย์สมบัติมหาศาลมาก แต่....เขาไม่มีความสุขเลย
ถ้าไม่มีหนวดเคราที่รุงรัง และแผลเป็นที่แก้มข้างขวานั่น เขาจะเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง ตาคม บางครั้งดูกระด้าง จมูกโด่ง ผิวคล้ำจนเกือบเรียกว่าเข้ม บวกกับอารมณ์ของเขา เป็นคนใจร้อน เสียงดัง ทำให้ดูน่ากลัว บางคนบอกว่าเขาดุยิ่งกว่าเสือ ถ้าคนที่ไม่เคยรู้จัก เพิ่งเคยเห็นหน้า จะรีบถอยหนี เพราะหน้าตาเขาดูน่ากลัว ลักษณะท่าท่าง และหน้าตาของเขาน่าเกรงขาม พร้อมบวกตลอดเวลา ไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งกับเขา เพราะถ้าเขาโกรธ ทุกคนที่อยู่ด้วย ก็ไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งกับเขา
เมฆินทร์เคยแต่งงาน กับไฮโซชื่อดัง รวยอันดับต้นๆ ของประเทศ ข่าวความรวยของเขา และข่าวของภรรยาสุดเซ็กซี่ ปรากฏอยู่ในหน้าโซเชียล อยู่บ่อยๆ สามสี่ปีให้หลัง จู่ๆ ทั้งคู่ก็ประกาศแยกกันอยู่ และจบลงด้วยการหย่าร้าง เป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับเหล่าวงไฮโซทั้งหลาย โชคดีที่ทั้งสองไม่มีลูกด้วยกัน
มีข่าวลือหนาหูในวงสังคม ว่าภรรยาของเขาแอบคบชู้ เขาจับได้เลยขอหย่า อดีตภรรยาของเขาได้ทรัยพ์สมบัติไปเยอะ แต่นั่นแหละเมืองไทย ข่าวลือก็ลือไม่นาน สักพักก็หายไปตามกาลเวลา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเคยเห็นเขาในวงสังคมไฮโซอีกเลย มีเพียงข่าวอดีตภรรยาสาวของเขา ที่ ทำตัวไฮโซ เปรี้ยว ควงชายคนใหม่ไม่ซ้ำหน้า ไม่นานก็ได้ยินข่าวว่าเธอย้ายไปอยู่ต่างประเทศ
วิศาลเป็นทนายความประจำไร่ธาราธรณี เขาไม่ได้พักที่นี่ มีบ้านส่วนตัวอยู่ในตัวเมือง เขามีลูกเล็กที่ต้องเรียนหนังสือสองคน ทำให้สะดวกในการไปโรงเรียน แต่จะเข้ามาที่ไร่แห่งนี้เป็นประจำเกือบทุกวัน เขาเป็นทั้งทนายความ เลขา ดูแลงานให้เมฆินทร์ทุกอย่าง เดิม งานพวกนี้ภรรยาเจ้านายเป็นคนจัดการทั้งหมด ไม่ว่าจะที่ไร่แห่งนี้ ร้านกาแฟ โรงแรม บริษัทฯ ในกรุงเทพฯ แต่ตั้งแตมีเรื่องทำให้เลิกรากันไป เขาต้องมารับหน้าที่ทำงาน แทน จนกว่าจะหาคนมาทำแทนได้ ที่หาได้ก็ไม่เคยอยู่ได้นานเลยสักคน เพราะทนกับงานที่หนักที่มีมากมาย และอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆของเจ้าของไร่ไม่ได้
เดิมวิศาลและภรรยาอาศัยอยู่ที่นี่ แต่พอมีลูกและเริ่มโตต้องเข้าโรงเรียน เมฆินทร์แนะน้ำให้วิศาลซื้อบ้านในเมือง ลูกเมียจะได้อยู่อย่างสะดวกสบาย และเป็นคนจัดการซื้อบ้าน หาโรงเรียนให้ลูกเขาเสร็จสรรพ
เมฆินทร์มีทรัพย์สินเยอะแยะไปหมด ที่ทาง บ้านและที่ดินที่กรุงเทพฯ โรงแรม ทรัพย์สมบัติต่างๆ ล้วนเป็นของแม่เขาทั้งสิ้น และได้โอนมาเป็นของเขาเรียบร้อย เขาสร้างและทำต่อ ทำให้มีกำไรงอกเงย เขาเก่งเหมือนพ่อ แต่เขาไม่สนิทกับพ่อมากนัก เพราะพ่อทำให้แม่เขาป่วย
“คุณเมฆินทร์คะ ป้าทำกับข้าวเสร็จแล้ว จะให้ตั้งสำรับที่ห้องนี้ หรือที่ห้องอาหารดีคะ ป้าจะได้จัดเตรียม”
ป้าน้อย แม่บ้านวัย 60 ปี ป้าน้อยเป็นแม่บ้านของเขามานาน ตั้งแต่แม่เขายังไม่ป่วย นางเลี้ยงเมฆินทร์มาตั้งแต่พ่อกับแม่เขายังไม่เลิกกัน เขาน่าจะอายุประมาณ 12 ปี นางมาสมัครเป็นแม่บ้าน ช่วยงานบ้าน ทำทุกอย่าง ช่วยแม่เขาเลี้ยงเขาเรื่อยมา จนพ่อกับแม่เขาเลิกกัน ป้าน้อยก็ติดตามแม่เขามา ถึงปัจจุบัน ป้าน้อยเป็นคนแก่ใจดี มีสามี แต่ไม่มีลูก สามีของนาง เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง สามีตายนางก็ไม่มีที่ไป ขออยู่รับใช้คอยดูแลนายน้อยของนางมาตลอด ช่วงที่เมฆินทร์ไปเรียนต่อต่างประเทศ ป้าน้อยก็คอยดูแลบ้าน ให้เขา และดูแลแม่เขาเรื่อยมา
“ตั้งไว้ที่โต๊ะเลยครับ ป้าน้อย ขอผมดูรายละเอียดใบสมัครงานสักครู่ เดี๋ยวผมออกไปกิน ป้าไปพักผ่อนได้เลย ขอบคุณครับ”
เมฆินทร์มองตามร่างท้วมของป้าน้อยไปจนลับสายตา บ้านเขาออกใหญ่โต แต่มีอยู่กันไม่กี่คน ทรัพย์สมบัติของเขามีมากมาย แต่เขาไม่มีความสุขเลย ตั้งแต่....เขาสลัดความรู้สึกและความคิดนั้นออกไปจากหัวทันที หันมาดูเอกสารใบสมัครงานต่อ ซึ่งมีอยู่เพียงแฟ้มเดียว คนเดียวเท่านั้นที่ส่งใบสมัครมา เขาพิจารณานิ่งและนานมาก
“เสียงร้องโหยหวน ปนเสียงก่นด่าสารพัด ดังแว่วลอยมาจากสวนท้ายบ้าน มากระทบหูกระทบใจของเขานัก เมฆินทร์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด จนเขาเกือบทนไม่ได้ หลายปีที่ทรมานจิตใจ บางทีความร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทองมหาศาล ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเขามีความสุขเลย ชายหนุ่มหลับตาลง เขาเดินไปหยิบขวดเหล้า รินใส่แก้ว น้ำสีเหลืองทองนั่น ทำให้เขาลืมบางสิ่งบางอย่างได้ แม้จะไม่ตลอดไป แต่ก็ยังดีที่ลืมบ้าง เขากลับมานั่งดูใบสมัครงานต่อ
“ทิมเอ้ย ระพี อยู่ไหนกัน มากินข้าวกันเร็ว” ป้าน้อยเรียกหาคนขับรถ หรือคนสวน หรือคนอะไรก็ตาม ที่เวลาที่เรียกใช้ ทิมเป็นให้ได้หมด ทิมกับระพี เมียของเขา อาศัยอยู่ที่ไร่นี้มานาน เขาเป็นคนขับรถให้เจ้านาย เมียเขาทำงานบ้าน ทำความสะอาด เจ้านายดุแต่ใจดี ทิมเคยติดยาเสพติด หลงผิด ไปกับเพื่อน เกือบเสียคน ดีที่เจ้านายเขาช่วยเขาไว้ได้ ไม่งั้นเขาคงเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว
“ครับแม่” วันนี้คุณท่านเป็นยังไงบ้างแม่ กินข้าวบ้างไหม" ทิมถามถึงเจ้านายอย่างเป็นห่วง เจ้านายไม่ค่อยกินข้าว ดื่มเหล้าเป็นส่วนมาก สามสี่ปีมานี่ ไม่ค่อยมีใครเข้าหน้าติด อารมณ์เจ้านายเขาไม่อยู่กับร่องกับรอย โดยเฉพาะกับผู้หญิง ยกเว้นป้าน้อยกับระพี
“คุณท่านกินข้าวแล้วเหรอแม่” ระพีถามถึงเจ้านายด้วยความเป็นห่วง ระพีเป็นลูกกำพร้า พ่อกับแม่เธอ เป็นชาวเขา มาทำงานในไร่ เสียชีวิตเพราะป่วยหลายโรค ตั้งแต่ระพียังเด็ก เจ้านายสงสาร เลยรับมาเลี้ยง จัดการเรื่องเอกสารสำคัญต่างๆ ให้ระพีได้อยู่ที่นี่อย่างถูกกฎหมาย ป้าน้อยเป็นคนเลี้ยงดู ช่วยบอกช่วยสอน เธอเรียกป้าน้อยว่าแม่ ระพีเติมโตมาที่บ้านหลังนี้ ช่วยทำงานในบ้าน ได้เรียนหนังสือจนจบมัธยม แต่ระพีรู้ตัวเองว่าเรียนได้แค่นี้ เลยไม่เรียนต่อ ขอทำงานรับใช้เจ้านาย เพื่อตอบแทนบุญคุณ จนเจ้านายพาทิมมาอยู่ที่นี่ ทั้งสองคบหากัน เจ้านายจัดงานแต่งงานให้ อยู่กันมาหลายปี ระพีเพิ่งปล่อยให้มีลูก ทั้งเธอและสามี เคารพและรักเจ้านายมาก เพราะมีบุญคุญกับทั้งคู่
“เห็นบอกว่าจะกินนะ ให้แม่ตั้งไว้ที่โต๊ะอาหาร ระพีนั่นแหละรีบมากินข้าว กำลังท้องกำลังไส้ แล้วนี่จะไปหาหมอกันวันไหนล่ะ ไปตรวจดูให้แน่ใจ ให้หมอเขาตรวจจะแม่นยำกว่า”
“รอคุณท่านก่อนจ๊ะแม่ เผื่อได้ไปรับ พนักงานคนใหม่ด้วย จะได้ไม่เสียเที่ยว เกรงใจคุณท่านเขา”
“แม่ไม่ต้องเครียดล่วงหน้าหรอก เรื่องพนักงานใหม่ รับรองว่าถ้าพนักงานใหม่มา ก็อยู่ไม่ได้นาน ใครจะมาทนอารมณ์เจ้านายได้ งานก็เยอะ ไม่ได้สบายนั่งทำงานในห้องแอร์นะ ต้องทำทุกอย่าง แทบจะเป็นตัวแทนคุณท่าน ถ้าไม่อึดจริงๆ อยู่ไม่ได้หรอก เห็นไหมล่ะ มากี่คนๆ ก็อยู่ไม่ได้สักคน นานสุดไม่เกินสิบวัน รอฟังจากคุณวิศาล ว่าจะได้ไปวันไหน ถ้าคุณท่านรับ คุณวิศาลคงบอกให้ผมไปรับแหละ ” ทิมพูดไปกินข้าวไป
เสียงร้องโหยหวน เหมือนเจ็บปวดมากมาย ดังแว่วมากับสายลมนั่น ทำให้ทั้งสามคน มองหน้ากัน ต่างคนก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป ถอนหายใจ ออกมาพร้อมกัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ต่างก้มหน้าก้มตากินข้าวจนอิ่ม และต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน
“คุณเม กินข้าวไปนิดเดียวเอง แล้วจะมีแรงเหรอคะ” จริงๆ อาหารบนโต๊ะให้ระพีมาเก็บตอนเช้าก็ได้ แต่นางเป็นห่วงเจ้านายของนาง ถึงต้องเดินมาดูก่อนเข้านอน
“ผมอิ่มแล้ว จะทำงานต่อสักหน่อย ทีหลังป้าไม่ต้องขึ้นมาก็ได้นะ ลำบากเปล่าๆ เดินขึ้นลง เช้าๆ ให้ทิมขึ้นมาเก็บไป
“ได้ค่ะคุณเม ได้ค่ะงั้นป้าไปนอนก่อนนะคะ” นางมองคุณเมฆินทร์ของนางแล้วก็สงสาร พ่อทิ้งแม่ที่ป่วย ไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ คุณเมเลือกที่จะอยู่กับแม่ แค่เรื่องนี้ก็เศร้าแล้ว ยังมาเจอเรื่องครอบครัวไม่สมบูรณ์อีก คุณเมฆินทร์ของนางแต่งงานกับคนรัก ที่พบกันเมื่อไปเรียนต่างประเทศ แต่อยู่ด้วยกันไม่กี่ปี ก็มีอันต้องเลิกรา สาเหตุเรื่องอะไรนางก็ไม่แน่ใจ แต่ที่เห็นได้คือ ภรรยาของเจ้านาย ไม่ชอบชีวิตชาวไร่ คุณโฉมฉาย ชอบงานสังคม ชอบอยู่กรุงเทพฯ มากกว่าต่างจังหวัด แรกๆ ก็มาอยู่ที่ไร่กับเจ้านาย หลังๆมา แทบไม่ได้อยู่เลย ป้าน้อยไม่รู้อะไรมากนัก อีกเรื่องที่คุณโฉมฉายรับไม่ได้คือ เจ้านายของนางมีแม่ที่ป่วย
“คุณวิศาล คุณช่วยสืบประวัติผู้หญิงคนนี้ให้ผมหน่อย ผมสนใจ ได้เรื่องยังไงรีบแจ้งผมด้วย ด่วนนะ”
วิศาลวางสายจากเจ้านายแล้ว เขากลับมานั่ง ดูประวัติของผู้หญิงที่ เจ้านายให้สืบ เขารีบเตรียมกระเป๋าเดินทาง จริงๆ เขาใช้ให้ลูกน้องไปก็ได้ แต่...เพื่อความแม่นยำ เขาทำเองดีกว่า เกิดอะไรขึ้น เขาจะได้ตอบคำถามเจ้านายถูก วิศาลทำงานกับเมฆินทร์มานาน เรียนจบเขาก็มาสมัครงานที่ไร่แห่งนี้เลย ครั้งแรกเขาสงสัยว่า แค่ทำไร่ ทำไมต้องใช้ทนาย ค่าจ้างสมัยนั้นก็ไม่ได้ถูกเลย พอเข้ามาทำงานจริง ๆ เขาถึงได้รู้ว่า ทรัยพ์สินของเจ้านายเขา มหาศาลมาก ไม่ใช่มีแค่ที่ดินเท่านั้น
ก่อนหน้านั้น มีทนายประจำตระกูล ทำมาตั้งแต่รุ่นตา ยาย ของเจ้านายเขา แต่ด้วยอายุมาก และสุขภาพไม่ค่อยดี ท่านเสียชีวิตไป เลยเป็นเขาที่ได้เข้ามาทำหน้าที่นี้แทน แน่นอนทำงานกับมหาเศรษฐี ที่ทำตัวไม่เหมือนเศรษฐี เจ้านายของเขาชอบเก็บตัวเงียบ ไม่ออกงาน ไม่มีงานสังคม หมกตัวอยู่แต่ในไร่ มีงานเลี้ยงหรือสังสรรค์ เขาต้องเป็นตัวแทนทุกครั้งไป
ถึงเจ้านายจะไว้ใจเขามากมายขนาดไหน วิศาลก็ไม่เคยละเลยหน้าที่ เขาปฏิบัติงานอย่างขยันขันแข็ง โชคดีที่ภรรยาและลูกเข้าใจ บ้านเขาอยู่ในเมือง แต่ตัวเขาเดินทางเข้า ออก ไร่เกือบทุกวัน บางครั้งมีงานด่วนที่จะต้องเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือเครื่องบิน เจ้านายให้เขาเบิกได้ตลอด ถึงเวลาสิ้นปี มีโบนัสกันทุกคนไม่เว้น แม้แต่ลูกจ้างในไร่
ใครที่มองเข้ามา ทุกคนจะคิดว่าเจ้านายมีความสุขมาก เงินเยอะแยะ ทรัพย์สินมากมาย มีเพียงคนใกล้ชิดที่บ้านเท่านั้น ที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้ว เจ้านายของพวกเขา ไม่ค่อยมีความสุขเลย มีเงิน แต่...ไม่มีคนรัก มันช่างเจ็บปวดเสียเหลือเกิน ยิ่งญาติพี่น้อง นั่นไม่ต้องห่วง เจ้านายเขาเลิกคบ เพราะไม่เคยมีใครจริงใจสักคน มีแต่จะมาหวังสบาย ยิ่งแม่เลี้ยงของเจ้านายยิ่งร้ายมาก
“ครั้งนี้จะไปอยู่สักกี่คืนคะคุณ “ บุบผา ถามสามี ขณะที่กำลังเตรียมเก็บเสื้อผ้า และของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าให้เขา
“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อยากทำให้เสร็จเร็วๆ เจ้านายขอด่วน ครั้งนี้พี่มีลางสังหรณ์ว่า จะมีคนมาแบ่งเบาภาระงานของพี่แล้ว “
“แน่ใจเหรอคะว่าจะอยู่กับคุณท่านได้ ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว น้องว่า คงจะเปิดหนีตั้งแต่วันแรกแน่ๆค่ะ ไม่เคยเห็นว่าใครจะอยู่ได้สักคน เสียดายที่น้องก็ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ยังทำไหว แต่ก็มีความหวังเล็กๆ ว่า จะต้องมีใครสักคน ที่อยู่ได้ และพี่ว่า ไปครั้งนี้ อีกไม่นานจะมีคนมาช่วยทำงานแน่นอน “
“ถือว่าครอบครัวเราโชคดีมากเลยนะคะ ที่คุณท่านเมตตาให้พี่ทำงาน แถมจ้างเงินเดือนสูงมาก “
“เพราะแบบนี้แหละ พี่ถึงต้ังใจทำงาน ซื่อสัตย์กับงาน ซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย เขาดีกับเรา ดูแลทุกอย่าง ทั้งครอบครัว หาที่ไหนได้เจ้านายแบบนี้ ถึงจะดุบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก บางทีเราก็ผิดจริงๆ “ที่เรามีกินมีใช้อยู่จนทุกวันนี้ ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ ก็เพราะคุณท่าน
“บุบผา ไม่ค่อยได้พบเจอกับเจ้านายของสามีนัก สมัยก่อนที่ยังพักอยู่ที่ไร่ เห็นเขาเพียงไกลๆ ตอนนี้ย้ายออกมาอยู่ในเมือง ยิ่งแทบไม่ได้เจอกันเลย เพราะเธอเป็นแม่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหนสักเท่าไหร่ และเจ้านายของสามีเธอ เขาก็ไม่ค่อยออกมาให้ใครเห็นหน้า เก็บตัวเงียบอยู่ในไร่ นานๆถึงจะได้เห็นเขาสักครั้ง วิศาลสามีเธอก็ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟัง ตามวิสัยของผู้ชาย ไม่พูดร่ำไร เธอก็ไม่ได้อยากรู้ อะไรมากมาย แค่สามีเธอทำงานด้วยความสุข ชีวิตครอบครัวไม่มีปัญหา แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว