9 แมวขโมย

2457 Words
หลายวันต่อมาเวลา 22:45 น. คอนโด “ค้างด้วยกันสิ” เสียงของสามีเพื่อนที่ข่มขู่จนได้ฉันมาเป็นเมียอีกรอบ วนกลับเข้ามาในลูปเดิม เกิดความผิดพลาดอีกครั้ง เรียกว่าซ้ำซากง่ายกว่า ไม่สมควรได้รับการอภัยโทษ “ไม่ค่ะ แค่นี้ก็ละอายใจมากแล้ว” ฉันปฏิเสธพร้อมทั้งลุกจากเตียง อยากจะหายไปจากคนตรงหน้าเต็มกลืน “อย่าพูดแบบนี้สิครับที่รัก เมื่อกี้เรายังมีความสุขกันอยู่เลย เย็นชาจัง” พี่กองทัพลุกขึ้นมากอดและจูบที่ต้นคอ ใช่ค่ะ สุดท้ายฉันก็กลัวมิ้มจะเห็นคลิปนั้น ฉันยอมกลับมาเป็นของเล่นของสามีเพื่อน ยอมให้เขาย่ำยี ดีกว่าให้เพื่อนที่แสนดีเสียใจ ฉันยังคงเป็นคนโง่ มันคือความบังเอิญหรือพี่กองทัพตั้งใจไว้อยู่แล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ เมื่อเพื่อนที่แสนดีของฉันโทรมาบอกเล่าให้ฟังว่าเธอต้องไปต่างประเทศด่วนและอาจจะไปอยู่ที่นู่นสองถึงสามเดือน เธอบอกว่ากลับมามีเรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟังและยังย้ำว่าฝากดูแลท่านประธานด้วย มันเลยเหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมว! แมวขี้ขโมย แอบเอากันตอนเมียเขาไม่อยู่ ความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อน จากนั้นหลังเลิกงานฉันต้องมาบำเรอกามอารมณ์ให้สามีของเพื่อนทุกวัน จนฉันรังเกียจตัวเองมากขึ้นทุกวัน “เมื่อไหร่จะจบคะ เบลล์ไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว ถ้าไม่สงสารเบลล์ก็ช่วยสงสารมิ้มเถอะค่ะ การถูกทรยศหักหลังมันเจ็บนะคะ” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ ไม่ใส่อารมณ์โมโหแต่อย่างใด ฉันอยากให้เขาเห็นใจและเลิกชวนฉันทำเรื่องแบบนี้ แล้วที่ฉันต้องแทนตัวเองด้วยชื่อเพราะมันคือคำสั่งเชิงบังคับ เหมือนที่เมื่อก่อนเขาชอบทำปัจจุบันก็ยังเป็น ชอบบังคับทุกอย่าง “รู้สิ พี่รู้ดีว่าการถูกหักหลังมันเป็นยังไง” น้ำเสียงที่พี่กองทัพเปล่งออกมาฟังดูเย็นชาและปะปนด้วยความแค้น หรือฉันคิดไปเอง คงจะคิดไปเองแหละเขาจะมาแค้นอะไรฉัน “แล้วเมื่อไหร่เรื่องที่เราทำจะจบ เบลล์ไม่สนุกนะคะ ความลับไม่มีในโลกถ้าเรื่องแดงขึ้นมาเราจะซวยกันหมดและคนที่เสียใจที่สุดก็คือมิ้ม” “รีบร้อนจังเลยที่รัก รอบนี้พี่คงไม่เบื่อเบลล์ง่าย ๆ หรอก” พี่กองทัพเริ่มจูบไล้ตามแผ่นหลังขาวเนียน “พอเถอะค่ะ ดึกแล้วเบลล์จะกลับ” ฉันว่าพลางดันร่างหนาออกห่างกาย เขาดึงดันจะกอดต่อ ถลาเข้ามากอดฉันจากด้านหลังคางเกยที่ไหล่แล้วเอ่ย “ค้างด้วยกันสิ พี่อยากกินข้าวต้มกุ้งฝีมือเบลล์” ข้าวต้มกุ้งงั้นเหรอ? ‘ไปเอาไอ้มารหัวขนในท้องออกซะ พี่ไม่ต้องการและเบลล์ก็คงไม่ต้องการเหมือนกัน’ ประโยคนี้แทรกเข้าในความทรงจำพร้อมภาพเหตุการณ์ในวันนั้น มารหัวขนที่เขาไม่ต้องการในวันนั้นคือสิ่งเดียวที่เยียวยาหัวใจของฉันในวันนี้ หน้าตาหมูน้อยถอดแบบของฉันมาเป๊ะ ไม่มีส่วนไหนเหมือนสามีของเพื่อนสักนิด สิ่งที่เธอชอบกินมีเพียงข้าวต้มกุ้งเหมือนผู้ชายตรงหน้าฉันตอนนี้ที่เมื่อก่อนชอบขอให้ฉันทำให้กินบ่อย ๆ “ไม่ได้หรอกค่ะ มันไม่ได้จริง ๆ” “ใจร้ายจัง ทีเมื่อก่อนอะไรก็ง่ายไปหมด” คำพูดเสียดสีมักออกจากปากผู้ชายคนนี้เป็นประจำ ฉันทำได้เพียงเงียบปากเดินมาหยิบเสื้อผ้าสวมใส่เพื่อกลับคอนโดของตัวเอง “งั้นไปกินข้าวกันไหม” สามีของเพื่อนเอ่ยปากชวนหลังจากเราต่างใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย “ห้าทุ่ม” ฉันมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วเลิกคิ้วถามเขา คนบ้าอะไรหิวข้าวตอนห้าทุ่ม ฉันเนี่ยง่วงจะตาย พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก “อื้ม ห้าทุ่มพี่หิวไปกินข้าวกันเดี๋ยวพี่ไปส่ง” เขาไม่ว่าเปล่าคว้ามือฉันเดินออกจากห้องนอนอย่างเร็ว ไม่ทันให้ฉันได้เตรียมใจ “ต่างคนต่างไปก็ได้นะคะ” ทักท้วงเมื่อเขายืนอยู่ที่รถของฉัน “พี่ลืมเอากุญแจรถลงมา ไปกับเบลล์นั่นแหละ พี่ไปส่งเบลล์แล้วเดี๋ยวเช้าพี่ไปรับ” พี่กองทัพคว้ากุญแจรถในมือฉันแล้วถือวิสาสะเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ ปึง! ฉันตั้งใจปิดประตูให้เกิดรถเสียงดังแสดงกิริยาให้เขารู้ว่าฉันไม่พอใจ แต่ทำไปก็เท่านั้นมันไม่เคยมีผลอะไรกับเขาสักครั้ง “กินอะไรดีครับที่รัก” ขับรถออกมาได้ครึ่งทางเขาก็เอ่ยถาม ทั้งที่เขาหิว ทำไมมาถามฉัน “ก๋วยเตี๋ยวข้างทางร้านนี้ก็ได้” ฉันชี้ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ชอบฝากท้องตอนเย็นเป็นประจำ มากินก็บ่อยแต่เพิ่งจะรู้ว่าเจ้านี้เขาขายถึงดึกดื่นเที่ยงคืน “กินร้านนี้ได้ไหมคะ” “ได้ดิพี่ชอบ ไม่คิดว่าเบลล์จะชอบเหมือนกัน” รอยยิ้มที่ดูจริงใจผุดขึ้นที่ใบหน้าหล่อเพียงนิดจากนั้นก็กลับมาเรียบเฉย “ป้าคะเอาเหมือนเดิม พี่เอาอะไรคะ” ฉันสั่งของฉันและหันไปถามคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม “เอาเหมือนเบลล์ก็ได้” “เอาสองชามนะคะป้า” “เล็กหมูน้ำตกเพิ่มลูกชิ้น 20 บาทเหมือนเดิมใช่ไหมหนู” ป้าคนขายถามทวน “ใช่ค่ะป้า” ฉันยิ้มรับ อาจจะดึกแล้วทำให้ไม่ต้องรอนานก็ได้กิน “ชิมหน่อยอร่อยปะ” เขาตักน้ำซุปในชามของฉันไปชิม “อร่อยว่ะ วันหลังปรุงให้พี่บ้างนะ” เขาว่าแล้วกลับไปตักก๋วยเตี๋ยวในชามของตัวเองกิน ส่วนฉันเฉย ๆ ไม่อยากต่อปากต่อคำ เพราะรู้ว่าเขาชอบพูดให้มีความหวัง ทั้งที่ไม่มีอะไรให้หวัง ผู้ชายคนนี้มักเป็นแบบนี้ประจำ... “เดี๋ยวพรุ่งนี้เบลล์ไปเองนะคะ ไม่ต้องเสียเวลาวนรถกลับมารับ” ฉันบอกพี่กองทัพขณะที่รถจอดหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง เป็นคอนโดที่พ่อของพี่กองทัพยกให้ฉันพักอาศัย “ไม่เป็นไร พี่มารับได้ไม่อยากให้เบลล์ลำบาก” “ถ้าไม่อยากให้เบลล์ลำบากอย่างที่ปากพูดจริง ๆ ก็หยุดเรื่องบ้า ๆ นี้สิคะ” “เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับ ฝันดีนะครับ” เขาเปลี่ยนเรื่องและขยับตัวโน้มใบหน้ามาหอมแก้มของฉัน “ตั้งแต่เบลล์รู้จักพี่ เบลล์ไม่เคยฝันดีค่ะ” พูดจยก็เปิดประตูลงจากรถทันที ฉันทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลังจากดูข้อความในโทรศัพท์มือถือ เป็นมิ้มที่ส่งมาเธอส่งรูปภาพสถานที่เที่ยวและเเนบข้อความมาว่า ‘ที่นี่สวยมากอยากให้แกมาด้วยจัง’ “เฮ้อ อย่างแรกฉันคงต้องจัดการหัวใจของฉันก่อน ต้องห้ามเด็ดขาด ห้ามกลับไปหลงรักสามีของเพื่อนที่เป็นผัวคนแรกของฉัน ห้ามลืมความเลวที่เขาเคยทำ” สองเดือนต่อมา... บ้านชานเมือง “แม่เบลล์คะหนูมีเรื่องจะบอกค่ะ” หมูน้อยกระซิบที่ใบหู ความจริงไม่ต้องกระซิบก็ได้เพราะตอนนี้เราอยู่กันสองคน น้าวันไปซื้อของกับเพื่อนข้างบ้าน “อะไรคะ” ฉันฉีกยิ้มสดใสอีกทั้งทำหน้าอยากรู้อยากเห็นให้สมกับที่ลูกสาวกำลังเล่นใหญ่ ก็หมูน้อยทำหน้าทำตาเหมือนมันเป็นความลับสุดยอด “ตาหนุ่มข้างบ้านเป็นแฟนยายวันของหนูค่ะ” หมูน้อยกระซิบที่หูอีกรอบ “ฮะ หนูรู้ได้ไงคะ” น้าวันเนี่ยนะมีแฟน อันนี้ฉันตกใจจริง “ก็ตาหนุ่มกับยายวันชอบยิ้มให้กัน แล้วตาหนุ่มก็บอกให้หนูเรียกว่าคุณตาเหมือนที่เรียกยายวัน ตาหนุ่มยังบอกอีกนะคะว่าให้หนูช่วยบอกยายวันให้รับรักตาหนุ่มที” หมูน้อยเล่าเป็นฉากเป็นตอนด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังมาก ตาหนุ่มคงเป็นคนที่น้าวันพูดถึงบ่อย ๆ ได้ยินว่าเมียแกตายไปปีกว่าแกเสียใจมาก น้าวันเลยเข้าไปชวนคุยไปอยู่เป็นเพื่อนเพราะกลัวแกเหงา กลัวจะตรอมใจ จะว่าไปเวลาน้าวันเล่าถึงตาหนุ่มน้ำเสียงน้าก็ดูมีความสุข น้าวันของฉันมีความรักใช่ไหมเนี่ย “แล้วหนูทำไมบอกว่าตาหนุ่มกับยายวันเป็นแฟนกันคะ เขาอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้” “ก็อาทิตย์ก่อนที่แม่เบลล์ไม่มา ตาหนุ่มถือดอกไม้ช่อเบอเริ่มมาขอยายวันเป็นแฟนค่ะ หมูน้อยได้เป็นพยานรักด้วยนะคะ” ลูกสาวตัวอ้วนของฉันพูดด้วยความภูมิใจ “งี้แม่เบลล์ก็ตกข่าวใช่ไหมคะ” ฉันแสร้งทำหน้าเสียดาย จะว่าไปน้าวันมีแฟนทำไมไม่บอกหลานสาวบ้าง “ไม่ตกแล้วค่ะ นักข่าวหมูน้อยรายงานให้รู้แล้วไงคะ คิคิ น่ารักไหมคะแม่เบลล์” “น่ารักมากค่ะ แม่รักหนูนะคะ” ฉันอุ้มหมูน้อยขึ้นมากอด เด็กอะไรน่ารักน่าชังที่สุด วันไหนว่างฉันจะมาหาลูกสาวเสมอเพราะไม่อยากให้เธอขาด ด้วยรู้ว่าเติมให้เธอไม่เคยเต็ม “หมูน้อยรักแม่เบลล์ รักยายวัน รักตาหนุ่ม รักคุณพ่อด้วยค่ะ แม่เบลล์ขาเมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับมาคะ เพื่อน ๆ มีคุณพ่อไปรับที่โรงเรียนทุกวันเลย หนูมีเเค่ยายวันไปรับ แต่ยังดีหน่อยที่ตอนนี้มีตาหนุ่มไปรับด้วย” แล้วลูกก็วกกลับมาเรื่องพ่อทุกครั้ง “คุณพ่อไปทำงานที่ไกล ๆ ไงคะ อีกนานเลยค่ะกว่าคุณพ่อจะกลับมา” ฉันจำเป็นต้องโกหกลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ฉันไม่กล้าบอกลูกหรอกว่าพ่อไม่ต้องการให้เธอเกิดมา ไม่กล้าบอกว่าพ่อตายแล้ว ฉันกลัวลูกจะเสียใจ คิดเอาไว้ว่าเมื่อหมูน้อยโตพอที่จะเข้าใจค่อยบอกทีละนิด “คุณพ่อไม่รักหมูน้อยไม่รักแม่เบลล์เหรอคะ ทำไมไม่กลับมาบ้างเลย หมูน้อยอยากอยู่กับคุณพ่ออยู่กับแม่เบลล์” คำถามนี้มักทำให้คนเป็นแม่สะอึกกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “คุณพ่อรักหนูค่ะ รักหนูมาก คุณพ่อไม่อยากให้หนูลำบากก็เลยไปทำงานเพื่อหนูไงคะ วันข้างหน้าหนูจะได้สุขสบาย” ฉันจำเป็นต้องสร้างเรื่องต่าง ๆ นานา บอกว่าพ่อรักเธอ บอกว่าพ่อห่วงถึงยอมอยู่ห่างเพื่อให้เธอได้สุขสบายในภายภาคหน้า ทั้งที่จริงแล้วทุกอย่างที่พร่ำบอกลูกเป็นเพียงพ่อในจินตนาการที่ฉันสร้างขึ้นมาให้หมูน้อย “หนูอยากมีความสุขกับพ่อแม่มากกว่ามีเงินทองค่ะ หนูอยากมีพ่อแม่พร้อมหน้าเหมือนเพื่อน แม่เบลล์ขาให้พ่อกลับมาได้ไหมคะ” “คนดีของแม่ แม่ขอโทษนะคะที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ แม่...” ฉันเงียบลงเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือแผดร้อง จับขึ้นมาดูจึงได้เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา ครืด ครืด (สายเข้า:บอส) ฉันส่งซิกบอกลูกให้เงียบก่อนที่จะรับสายเจ้านาย “สวัสดีค่ะ” (เบลล์อาทิตย์นี้แล้วก็อาทิตย์หน้าพี่ไม่เข้าบริษัทนะ งานทั้งหมดส่งมาทางอีเมล แล้วก็... เรื่องของเราพี่พร้อมจบแล้วนะ จากนี้ถ้าพี่กลับไปทำงาน เบลล์ช่วยทำเหมือนแค่เจ้านายกับลูกน้องด้วย เลิกแทนตัวเองด้วยชื่อและเลิกเรียกพี่ว่าพี่ จากนี้เราจบกันแล้วจริง ๆ พี่เบื่อเบลล์แล้ว เข้าใจนะ) พี่กองทัพร่ายเรียงสิ่งที่เขาอยากพูดมากมายก่ายกองและลงท้ายด้วยว่าให้เราจบกัน ด้วยเหตุผลเดิม ๆ นั่นคือเบื่อฉันแล้ว วนลูปเดิมเมื่อหกปีก่อน ดีหน่อยที่รอบนี้ฉันไม่ได้ท้อง “แล้วคลิปละคะ พี่ ขอโทษค่ะ บอสลบหรือยังคะ” (ลบไปแล้ว ต่อไปผู้ชายที่ชื่อกองทัพจะไม่เข้าไปวุ่นวายกับผู้หญิงที่ชื่อรัศมีอีก เราจะคุยกันเฉพาะเรื่องงาน จบนะ) เขาพูดเหมือนไม่เสียดายหรือไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้นกับประโยคร้าย ๆ ที่เขาพูดมา เหมือนเมื่อหกปีที่แล้วไม่มีผิด! พูดเอาแต่ได้ไม่สนความรู้สึกอีกฝ่าย ใช่สินะ ฉันก็แค่ของเล่นบำเรอกาม เมื่อเขาเบื่อเขาก็แค่เขี่ยทิ้ง ไม่มีค่า ไม่มีความหมายทางใจกับเขาแม้แต่นิดเดียว “จบค่ะ ต่อไปฉันจะไม่คุยเรื่องส่วนตัวกับคุณ ถ้าบอสไม่มีเรื่องจะพูดแล้วก็แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ” ฉันพยายามกลั้นเสียงไม่ให้มันสั่น มันก็รู้สึกหน่วง ๆ ที่หัวใจคงเพราะเจ็บใจที่โดนเขาเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี แม้ว่าฉันจะบอกอยู่เสมอว่าอยากจบ ซึ่งพอจบมันก็ดีแต่ก็รู้สึกเจ็บใจน้อยใจ ถึงแม้เขาจะบอกว่าห้ามรักเขา ถึงแม้เขาจะบอกว่าชอบเพียงร่างกายของฉัน ถึงแม้เขาจะใจร้ายดั่งซาตาน แต่เขาก็ชอบทำให้ฉันหวั่นไหว อย่าเลยเบลล์ ที่ผ่านมามันผิดมามากแล้วเขาเป็นสามีของเพื่อน น้อยใจไปแล้วได้อะไร ดรแค่ไหนที่มิ้มไม่รู้ มิ้มจะได้ไม่เสียใจที่ฉันแอบสวมเขาให้เธอ ครืด ครืด (สายเข้า: มิ้ม) “ว่าไงแก” ฉันปรับโทนเสียงแล้วกดรับสายมิ้มโทรเข้ามาหลังจากที่สามีของเธอวางสายไปได้ประมาณสามนาที (อีกหนึ่งอาทิตย์ฉันจะกลับไทย มาเจอกันหน่อยนะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับแก) เสียงของเพื่อนฉันค่อนไปทางตึงเครียด ซึ่งตั้งแต่ที่เราคบกันเป็นเพื่อนถ้ามิ้มพูดด้วยน้ำเสียงนี้คือไม่ปกติ หรือเธอจะจับได้แล้วว่าฉันเป็นแมวขโมย “ทำไมทำเสียงเครียดจังเลยแก เป็นอะไรหรือเปล่า” ฉันถามด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ รู้สึกกลัวไปหมด กลัวความผิดจะแดง (ถึงแล้วค่อยคุยแค่นี้นะ) มิ้มกดวางสายโดยที่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ฉันคงต้องเตรียมใจที่จะเสียเพื่อน ยอมรับการถูกประจานและยอมรับชะตากรรมที่จะเจอในอีกไม่นาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD