ถึงจะออกปากบอกว่าให้โอกาสกับเขาไปแล้ว แต่ฉันก็อยากได้ความมั่นใจมากกว่านี้ว่าจะไม่เข้าไปเป็นมือที่สามของครอบครัวใคร ฉันเลยตัดสินใจโทรหามอร์แกนในวันหนึ่ง แล้วถามเกี่ยวกับเรื่องการหย่ากันระหว่างพ่อกับแม่ของไมเคิล
‘ดำเนินการเซ็นเอกสารหย่าเรียบร้อยแล้วล่ะ ตอนนี้เหลือแค่ตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูกัน’
ได้ยินแล้วฉันก็โล่งใจเป็นอย่างมาก เหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะถ้ามอร์แกนจะรุกจีบฉันจริงๆ ฉันจะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ ส่วนเรื่องของไมเคิล บอกตามตรงว่าฉันไม่ได้อะไรกับเรื่องลูกติดเลย ฉันยินดีและพร้อมที่จะดูแลลูกของเขาถ้าท้ายที่สุดฉันได้เป็นแม่เลี้ยงจริงๆ น่ะนะ
และเพราะฉันคลายความกังวลในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของพ่อแม่ไมเคิลลงมาได้ ฉันจึงเปิดรับให้มอร์แกนได้รุกคืบจีบตามที่ใจเขาประสงค์
เขามารับมาส่งลูกทุกวัน ก็ชวนฉันคุยทุกวัน ตกเย็นเราก็ไปเดตกัน...เดตแบบสามคน คุณพ่อ คุณลูก แล้วก็คุณครูน่ะ ส่วนใหญ่สถานที่ที่เราไปจะเป็นสถานที่ที่เป็นของเด็กเสียส่วนใหญ่ ฉันไม่อยากให้ไมเคิลรู้สึกว่าพอมีฉันเข้ามา เขาก็กลายเป็นส่วนเกิน จึงเทความสนใจไปที่เขา ดีที่มอร์แกนไม่ว่าอะไร คิดไปแล้วด้วยว่าฉันรักเด็กมากถึงได้สนใจเด็กขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่ควรพูดว่า...
‘ถ้ารู้ว่าคุณชอบเด็กขนาดนี้ ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากทำเด็กกับคุณเหมือนกัน’
พร้อมส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมาให้เห็น ฉันต้องรีบทำตาเขียวใส่เขาเพราะไมเคิลอยู่ใกล้ๆ ด้วย
‘ถ้าไมเคิลได้ยินจะว่ายังไงคะ’
‘ก็ไม่ว่ายังไง’
‘คุณจะมาพูดแบบปัดความรับผิดชอบอย่างนี้ไม่ได้นะ’
‘เอาเป็นว่าถ้าเขาสงสัย ผมจะอธิบายให้ก็แล้วกันว่าเรากำลังจะมีน้องให้เขา’
อดไม่ได้ ฉันเลยปล่อยกำปั้นทุบต้นแขนเขาไปหมัดหนึ่ง
หน็อยแน่ะ! ได้ทีเอาใหญ่เลยนะตาฝรั่งขี้นก อย่าคิดว่าจะตีเมืองฉันแตกอีกเป็นครั้งที่สองได้ง่ายๆ เลย!
ทำเป็นกระฟัดกระเฟียดไปอย่างนั้นแหละ มอร์แกนเป็นอย่างนี้ก็น่ารักดี ตอนนี้เองที่ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเขาว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน
เขาเป็นชายหนุ่มอายุสามสิบสอง นักธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนในพอร์ตหุ้นต่างๆ มาเปิดบริษัทในไทยร่วมกับเพื่อนชาวไทย ถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ส่วนตอนเด็กๆ ที่ได้มาอยู่ไทยก็เพราะพ่อกับแม่มาทำงานเป็นครูที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง เขาเลยได้มาอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง
รู้เท่านี้ก็พอแล้ว เรื่องครอบครัว การแต่งงานอะไรนั่น ฉันไม่อยากรู้ ส่วนฉันก็เล่าเรื่องของฉันให้เขาฟังบ้าง
‘ชีวิตฉันไม่มีอะไรแปลกไปจากคนอื่นค่ะ ก็เรียนจบปริญญาตรีแล้วก็มาสมัครทำงานเป็นครูพี่เลี้ยงเพราะชอบเด็ก มันก็เท่านั้น ตอนนี้ทำงานที่นี่ได้สองปีแล้ว’
‘คุณพูดอย่างกับว่าชีวิตคุณไม่มีสีสันเลยนะ’
‘ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่คะ เรียบๆ นิ่งๆ’
‘แต่ต่อไปนี้มันจะมีสีสันแล้วนะ’
‘ยังไงคะ’
‘เพราะคุณมีผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไง’
ฉันพูดอะไรต่อไม่ออกเมื่อเขาว่ามาอย่างนี้
คนหลงตัวเอง! แต่...ก็น่ารักดี ชีวิตฉันก็มีสีสันมากขึ้นเมื่อมีเขามาปรากฏตัวอย่างที่เขาบอกจริงๆ นั่นแหละ
มีสีสันมากขึ้นไปอีกเมื่อเย็นวันศุกร์ เขามารับลูกพร้อมกับตรงดิ่งมาหาฉัน
“วันเสาร์นี้คุณว่างไหม”
“ทำไมเหรอคะ”
“ผมอยากชวนคุณไปเดต”
“เดต?”
“ครับ ทำหน้าตกใจเหมือนกับผมไม่เคยชวนคุณไปเดตอย่างนั้นแหละ”
มอร์แกนหัวเราะอารมณ์ดีตามประสา เขาเป็นคนหัวเราะเก่งมากเลย ยิ่งรู้จักกันก็ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของเขาบ่อยขึ้น ฉันก็ชอบนะ แต่ฉันแค่ไม่ได้หัวเราะไปกับเขาในครั้งนี้เพราะสงสัยอะไรบางอย่าง
“ปกติเวลาคุณชวนฉันไปเดต คุณจะชวนไปแค่ตอนหลังเลิกงาน แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้ชวนไปตอนวันหยุดล่ะคะ”
“ผมอยากมีเวลาอยู่กับคุณให้มากกว่านี้ เหตุผลของผมมีเท่านี้แหละ”
ฉันควรจะดีใจไหม...ลังเลขึ้นมา แต่ความร้อนวูบที่ปราดขึ้นไปบนใบหน้าก็ทำให้ฉันรู้ตัวทันทีว่า...ฉันดีใจ
“แล้วไมเคิลล่ะคะ”
แต่ก็อดเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กไม่ได้ ไม่อยากจะทิ้งให้ไมเคิลอยู่คนเดียวเลย
“ไม่ต้องห่วง ผมจะเอาไปฝากไว้ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กวันนึง เราจะได้ไปเที่ยวกัน”
พอได้ยินอย่างนี้ ฉันก็ขมวดคิ้วยุ่งเลย
“ไม่เอาแบบนี้สิคะ ไม่ทิ้งไมเคิลไว้คนเดียว” ฉันท้วง ทำให้มอร์แกนต้องเลิกคิ้วสูง
“แล้วคุณอยากได้แบบไหน”
“ฉันอยากให้ไมเคิลไปด้วย”
จะว่าเอาแต่ใจก็ใช่นะ ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าจะต้องเป็นแม่เลี้ยงของเขาจริงๆ ฉันก็อยากจะดูแลและเติมเต็มความรักให้ ไม่ใช่มองว่าไมเคิลเป็นตัวปัญหา แต่มอร์แกนดูไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
“ถ้างั้นเราจะไปไหนกันดีล่ะ ที่ที่เด็กไปด้วยได้ก็มี...”
“มีเยอะแยะถมถืดไปค่ะ มา ฉันคิดให้ อืม...สวนสนุก” ฉันโพล่งออกมา สบตากับมอร์แกนแล้วย้ำ “สวนสนุกไงคะ เราจะไปสวนสนุกกัน”
“สวนสนุกเหรอ” มอร์แกนทวนคำ ฉันก็พยักหน้า
“ใช่ค่ะ ไปสวนสนุกกัน ไมเคิลจะได้เล่นให้เต็มที่ด้วย ส่วนพวกเราก็ไปช่วยดูแลไมเคิล น่าจะสนุกนะคะ”
ไม่รู้หรอกว่ามันจะสนุกสำหรับเขากับฉันไหม แต่ฉันมั่นใจว่าต้องสนุกกับไมเคิลอย่างแน่นอน มอร์แกนทำท่าจะทักท้วงอะไรสักอย่าง แต่แล้วฉันก็ยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน
“อ๊ะๆ ถ้าไมเคิลไม่ไป ฉันก็ไม่ไปนะคะ ให้ความสำคัญกับลูกบ้างสิคะ อย่าปล่อยให้แกเหงา แกก็ต้องการความอบอุ่นจากคุณพ่อนะ”
“คุณพ่อ...” มอร์แกนครางคำนี้ออกมาแล้วก็หัวเราะในลำคอคนเดียวจนฉันต้องตีหน้ายุ่ง
“ทำไมคะ มีอะไรน่าขำเหรอ”
ฉันคิดว่าต้องมีแน่ๆ ทว่ามอร์แกนไม่บอกล่ะ
“ไม่มีอะไรครับ ตกลงตามที่คุณว่าก็แล้วกัน ไปสวนสนุก เอาไมค์กี้ไปด้วย”
เท่านี้ก็มีแผนชัดเจนแล้ว เหลือแต่เวลานัดนี่แหละ
“พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้า คุณมาหาผมที่คอนโดฯ นะ แล้วเราจะขับรถไปด้วยกัน โอเคไหม ถ้าไม่โอเค จะให้ผมขับรถไปรับคุณแทนก็ได้”
“โอเคค่ะ ฉันจะไปหาคุณเอง ตกลงตามนี้”
เรื่องการเดินทาง ฉันไม่ได้มีปัญหา เขาว่ามาอย่างไรก็ตามนั้นแหละ ไม่มีอะไรยุ่งยาก
“ครับ งั้น...เจอกันพรุ่งนี้นะ”
มอร์แกนบอกลาเมื่อลูกชายถูกพี่บี๋มาส่งถึงมือ ฉันยกมือขึ้นไหว้ แล้วก็บอกลากับเจ้าตัวน้อยที่กำลังถูกคุณพ่ออุ้มขึ้น แล้วว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ ไมเคิล”
เด็กน้อยดูงุนงงนิดๆ ว่าที่ฉันพูดหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่มีใครอธิบายให้เขาฟังในตอนนั้น มีแต่การโบกมือลา
เดี๋ยวมอร์แกนก็คงจะอธิบายเองแหละว่าพรุ่งนี้เราทุกคนจะต้องไปไหนกัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่คุณพ่ออย่างเขาแล้วกันนะ