บทที่ 3 มวยถูกคู่

1382 Words
ในบางครั้ง บางโอกาส บางเวลา ฉันมักมีความรู้สึกอย่างนี้เสมอ เหมือนกับมันเคยเกิดขึ้น เหมือนกับว่าฉันนั้นกำลังฝันอยู่ ใบหน้าของผู้ชายคนนี้ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขากลับทำให้ใจของฉันเต้นแรงขึ้นมาได้ ถ้ามองในแง่ดีคงเป็นเพราะเขาหล่อบาดใจ เขามีใบหน้าพระเจ้าสรรค์สร้าง ไหนจะจมูกโด่งคมเป็นสัน ดวงตาคมกริบที่กำลังมองมาที่ฉัน ริมฝีปากน่าจุ๊บนั่นกำลังบู้เข้าหากัน ราวกับกำลังบุ้ยปากไม่พอใจ “สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ความเขินอายนี้ฉันไม่เคยมีเลยสักครั้งในชีวิต ก็เขาเล่นมองฉันไม่วางตาแถมยังเลื่อนสายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีก คงแอบคิดว่าฉันต้องสวยแน่ ๆ ให้ตายสิ...ฉันน่ะดูดีในสายตาผู้ชายเสมอเลยนะ แต่แล้ว “ออกไป ฉันให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมงในการโทรไปบอกแม่ของเธอให้ล้มเลิกความคิด” “ห๊า...” มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ฉันจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองอุทานคำนี้มากี่ครั้งแล้วสำหรับวันนี้ ทำไมมันมีแต่เรื่องอะไรให้ตกใจ โอ้...อะเมซิ่งสุด ๆ “หรือจะสามสิบนาทีดี มึงว่าไง...ยูโร” “เอ่อ ผม...ไม่ขอออกความคิดเห็นครับ ขอตัวก่อนครับ อ้อ...นี่ครับกระเป๋าคุณผู้หญิง” ฉันรับกระเป๋าของตัวเองมาถือไว้ ยังคงทึ่งกับสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าพูด “คุณกำลังไล่ฉัน” “แล้วเธอคิดว่าไง” “ห้ะ...โอมายก๊อด! ไม่เคยมีใครไล่ฉันมาก่อนนะโทษที” ฉันไม่ยอม แม้นว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉัน แต่...เออ นั่นแหละ ก็ทำหยิ่ง ๆ หน่อยจะเป็นไร ขืนวิ่งหนีเพราะตกใจก็น่าขายหน้าน่ะสิ “ฉันไง คนแรกที่ไล่เธอ” “คนแรก?” เขาทำให้ฉันพูดไม่ออก อีกนัยหนึ่งนอกจากปากของเขาแล้ว...หน้าของเขาหล่อเกินไปที่คนอย่างฉันจะโกรธ “ฉันไม่ให้เธออยู่ที่นี่” “ได้ไง ฉันมาแล้วนะ” “มาสาย?” เขาเอียงคอเล็กน้อยเวลาพูดคำนี้ แต่เดี๋ยวนะ... “คุณรอฉันงั้นเหรอ” “_” “ถ้าไม่รอก็คงไม่รู้ว่าฉันมาสาย” เขามองฉันนิ่ง ใบหน้านิ่งเรียบนี้ทำให้ฉันเกิดข้อสงสัยว่าเขายิ้มครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ “หึ...ใช่ ฉันรอเธอ” พอเขาพูดอย่างนี้ฉันก็กระตุกยิ้ม ยอมรับแล้วสิ แต่ทว่า “รอไล่เธอไงล่ะ ผู้หญิงหน้าด้าน” “ห๊า...” คราวนี้ไม่ใช่แค่ห๊า แต่เป็นอาการตกใจคล้ายคนเป็นลม ผู้ชายคนนี้กำลังด่าฉัน เขาด่าฉันว่าหน้าด้าน! ...ฉันนิ่งค้างชั่วอึดใจหนึ่ง ท่าทีประดักประเดิดของฉันคงทำให้เขาได้ใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยที่ด่าผู้หญิงว่าหน้าด้าน “ออกไป ถ้าเธอไปพูดกับแม่เธอน่าจะง่ายกว่า” “เดี๋ยวก่อนนะคะ” พอฉันตั้งสติได้จึงเริ่มพูดอีกครั้ง “คุณไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย ถ้าคุณไล่ฉันออก...แล้วฉันจะไปฝึกงานที่ไหนคะ ฉันต้องฝึกงาน ถ้าไม่ฝึกงานก็ไม่จบ” ฉันร่ายยาวออกมาจนแทบหมดลมหายใจ แต่เขากลับมีสีหน้านิ่งเรียบ ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่ฉันพูดเลยสักนิด ทว่า “แล้ว?” เขากลับตอบกลับมาเพียงแค่นี้ แถมยังยกนิ้วชี้เขี่ยเบา ๆ ที่ขมับข้างขวา ราวกับสิ่งที่ฉันพูดนั้นมันน่าขำ “แล้ว? แล้วอะไรของคุณ” “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เขาใช้ปลายนิ้วชี้วนเบา ๆ ที่ข้างขมับขวา ราวกับจะบอกว่าสิ่งที่ฉันถามน่ะ ใช้หัวคิดบ้างหรือเปล่า “ก็...ก็คุณกำลังทำให้คนคนหนึ่งหมดอนาคตไง” ฉันเชิดหน้าขึ้น ทำเป็นใจแข็งใจเด็ดไปงั้น ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้หวั่นใจมาก หวั่นใจว่าเขาจะไม่ให้ฉันฝึกงานที่นี่ “เธอไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงแม่เธอก็น่าจะเลี้ยงเธอได้” “นี่คุณ...” ฉันขอถอนคำพูดว่าเขาหล่อมากออกไป เพราะใจของเขาดำขนาดนี้ หน้าก็ไม่ได้ช่วยอะไร “ทำไม” เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งเรียบนี้ เหมือนกับเก็บซ่อนอะไรบางอย่าง ก่อนที่ฉันจะนึกอะไรบางอย่างได้ “หรือที่คุณไม่อยากให้ฉันทำงานด้วย...ก็เพราะกลัวหวั่นไหวกับฉัน?” “ห้ะ” เขาส่งเสียงออกมาเบา ๆ ราวกับจะบอกว่าสิ่งที่ฉันพูดน่ะมันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ มันเป็นไปไม่ได้ประมาณนั้น “หรือไม่จริง” “ก็ไม่จริงน่ะสิ” เขาไล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง พร้อมกับส่ายหน้า การกระทำของเขาช่างไร้มารยาท “ก็ถ้าไม่จริงแล้วจะกลัวอะไรคะ ถึงคุณแม่จะจับฉันคู่กับคุณ ก็ถ้าคุณไม่รู้สึกอะไรมันก็จบค่ะ” คำพูดของฉันมีเหตุผล เขาเลยนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “ก็ตามใจ ก็มาดูว่าเธอจะทนได้แค่ไหนกัน” “คะ?” ฉันไม่เข้าใจ ซึ่งอีกฝ่ายยังไม่แนะนำตัวอะไรเลย แต่ฉันก็รู้ชื่อจริงของเขา เพราะว่าตอนที่สมัครเป็นเด็กฝึกงานต้องศึกษามาทุกอย่างเผื่อตอบคำถาม เขาชื่อจิณณะหรือว่าจิณณ์ “คุณจิณณะ” พอฉันเอ่ยเรียกชื่อของเขา ร่างหนาที่กำลังคว้าเสื้อสูทมาสวมเป็นอันต้องชะงักไป เขาเพียงแค่เหลือบสายตามองฉันก็เท่านั้น “ฉันต้องทำอะไรคะ” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “พอดีฉันจบบัญชี ฉันอยากฝึกงานที่เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันเรียน ถ้าเกิดว่าคุณไม่ต้องการให้ฉันอยู่ใกล้ ช่วยย้ายฉันไปแผนกบัญชีด้วยค่ะ” “นี่เธอไม่เข้าใจอะไรเลย” “คะ?” “ถ้ามันง่ายขนาดนั้นเธอคงไม่ได้มายืนหน้าเหมือนตูดลิงที่นี่ แม่ฉันต้องรู้ว่าเธอถูกย้ายแผนก ที่ฉันรอพูดกับเธอเพื่อให้เธอไปคุยกับแม่ของเธอ” แม้นเขาจะร่ายประโยคออกมายาวเหยียด แต่ฉันสนใจแค่ประโยคเดียวของเขา เขาบอกว่าฉัน... หน้าเหมือนตูดลิง!! “คะคุณ คุณพะพูดออกมาได้ยังไง ตะตูดลิงงั้นเหรอ” ความมั่นใจของฉันถูกพังลงไม่เป็นท่า มือไม้ของฉันสั่นด้วยความตกใจ ตูดลิง...ตูดแดง ๆ บวม ๆ นั่นน่ะเหรอ “ทำไม ก็ไม่เห็นผิดตรงไหน” เขาตอบกลับหน้าตาเฉย ทำให้ฉันลมแทบจับ “ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ ฉันแต่งหน้ามานานแค่ไหนคุณรู้ไหม” “แล้ว?” เขาสวนกลับทันควัน ไอ้คำว่าแล้วนี่มัน...มันสมควรใช้ในสถานการณ์แบบนี้ไหม คนกำลังโกรธอยู่นะ แต่เขากลับยียวนด้วยใบหน้ากวน ๆ อีก “ก็ไม่แล้ว จะดุด่าว่าตีฉันไม่โกรธเท่าคุณพูดว่าหน้าฉันเหมือนลิง” ฉันรัวคำพูดออกมา แถมยังเผลอขึ้นเสียงใส่เขาอีกด้วย โกรธมาก ๆ เขาไม่ให้เกียรติเครื่องสำอางราคาหลักหมื่นที่ฉันใช้เลย “หึ” เขาแค่หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้า คุณจิณณ์เดินเข้ามาใกล้ฉัน ก่อนจะทำในสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำ “เอาไป” “อ๊ะ...” เขาโยนไอแพดในมือให้ฉัน ทำให้ฉันต้องปล่อยกระเป๋าตัวเองที่ยังถืออยู่ก่อนหน้านี้ลงพื้น โชคดีที่คว้าไอแพดของเขาไว้ได้ “ไหวพริบดีนี่” “ให้ตายสิ เล่นอะไรของคุณเนี่ย ฉันตกใจหมด” ฉันหายใจถี่กระชั้นด้วยความตกใจ เกรงว่าไอแพดของเขาจะร่วง แต่เขานี่สิโยนมาได้ไง “ตามมา” “คะ?” “ตามมาไง” “ตะตาม ตามไปไหนคะ” ฉันไม่เข้าใจ แต่พอจะถามให้รู้เรื่องเจ้าของร่างหนาก็สาวเท้าเดินหนีไม่สนใจฉันเลย ฉันจึงรีบก้มเอากระเป๋ามาถือดังเดิม ก่อนจะวิ่งตามแผ่นหลังหนาออกไป โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะพาฉันไปไหนกันแน่...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD