บทที่ 6 ผู้หญิงแบบเธอ

1346 Words
พอปิดประตูลง คุณยูโรที่ยืนมองฉันอยู่ก็เดินเข้ามาหา “เกิดไรขึ้นครับ” “เขาโมโหแล้วโยนปากกาใส่ฉันค่ะ นิสัยเสียมาก ทำร้ายผู้หญิง” ว่าด้วยความโมโห คุณยูโรกลับมีสีหน้านิ่งเรียบ เขาดูไม่ได้ตกใจเท่าไรนัก ราวกับว่าคุ้นชินกับพฤติกรรมของคนเป็นนาย “แล้วโดนไหมครับ” “ก็...เฉียด ๆ น่ะ แต่ฉันก็ตกใจมาก” อาจจะเป็นเพราะฉันไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนทำกับฉันอย่างนี้มาก่อน ก็เลยตีโพยตีพายใหญ่ “อ้อ งั้นแสดงว่าบอสไม่ได้อยากทำร้ายหรอกครับ ถ้าเขาจะทำ...คุณไม่เหลือรอดหรอกครับ” “หือ? พูดอย่างกับเขาเคย...ทำเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นป้องปาก ราวกับว่าสิ่งที่พูดนี้เป็นคำพูดต้องห้าม “อ้อ นายไม่เคยหรอกครับ แต่ถ้าทำร้ายจิตใจน่ะ...นายเก่งมากครับ” ได้ทีเอาใหญ่ คุณยูโรกระซิบกระซาบคืน “ยังไงคะ” ฉันเองก็อยากจะรู้ คุณยูโรเลยเดินนำหน้าฉันเพื่อที่เราจะได้ไปหลบมุมเพื่อคุยกัน ใบหน้าหล่อเหลานนี้หันซ้ายแลขวา ด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ “ผมไม่ได้อยากเล่าอะไรให้ใครฟังนักหรอกครับ แต่ว่าผมอยากให้คุณได้เป็นแฟนกับนาย” “หือ...ทำไมคะ” “พอดีนายเพิ่งอกหักมาน่ะครับ” “ห๊า...” “ไม่เชื่อเหรอครับ” “ไม่ใช่ค่ะ แต่ไม่เชื่อว่าเขาจะรักใครได้น่ะสิ” ฉันไม่เชื่อจริง ๆ นะ ท่าทีเย็นชาแบบนั้น...หรือจริง ๆ เขาเย็นชาเพราะแบบนี้ “อันนี้ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน แต่พอนายอกหักก็เย็นชากว่าเดิมอีก ตอนนี้ผมแทบพูดอะไรไม่ได้” สีหน้าของคุณยูโรกำลังบอกว่าเขาลำบากใจเป็นอย่างมาก “เหรอคะ” พอได้ยินอย่างนี้ก็รู้สึกแปลก ๆ หรือที่เขาไม่อยากแต่งงานเพรามีคนรักอยู่แล้ว “ว่าแต่คุณล่ะ...ทำไมคุณถึงยอมให้คุณช่อผกาจับคู่ให้ครับ” คุณยูโรเกิดสงสัยฉันขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะฉันดูแก่นเฟี้ยวไม่น่าจะยอมใครง่าย ๆ แต่สุดท้ายก็ยอมหมั้น ซึ่งฉันก็มีเหตุผลของฉัน “คือ...คุณยูโรเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดไหมคะ” “หือ...” ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความสงสัย ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด แถมเขายังใช้สายตาสำรวจใบหน้า และตัวของฉันอีกด้วย ราวกับกำลังพิจารณาสติของฉันอีกครั้งว่าสมประกอบดีหรือเปล่า “คืองี้...เอ่อ ไม่ดีกว่า คือ ช่างเถอะค่ะ” พอฉันจะเล่า ก็รู้สึกว่าคงไม่มีใครเชื่อ แม้นแต่จิตแพทย์ยังบอกว่าเรื่องที่ฉันพูดมีแค่ทฤษฎีขบคิด แต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง “อ้อครับ คุณคงล้อเล่นใช่ไหมครับ ฮ่า ๆ ใครมันจะบ้าไปเชื่อเรื่องแบบนั้น” “อ้อ ใช่ จริง ๆ แหละ” ฉันทำเป็นหัวเราะแก้เขินตามไป ก่อนจะพยายามเปลี่ยนเรื่อง “อ้อ แล้วเรื่องที่บอกว่าทำร้ายจิตใจ คืออะไรคะ” “หือ...ทำร้ายจิตใจผู้หญิงน่ะเหรอครับ คือนายน่ะ มีสาว ๆ เยอะใช่ไหมครับ แต่ว่าไม่เคยชอบใครเลย พอมีคนคิดเกินเลยมากกว่าคู่นอนก็จะเขี่ยทิ้ง ยัดเงินไม่ให้มายุ่งด้วยน่ะครับ” “งั้นเหรอคะ แย่จัง” เขาคงทำอะไรแบบนี้จนเป็นนิสัย แต่ว่าถ้าตอนนี้เขารักใครสักคนอยู่ งั้นก็แสดงว่าคนอย่างเขาก็น่าจะรักคนเป็น เท่ากับว่าฉันก็มีความหวังอยู่น่ะสิ “แล้ว...ทำไมเขาถึงอกหักคะ” ฉันเกิดสงสัยขึ้นมา แต่พอคุณยูโรจะตอบ “มึงคงว่างมาก ไอ้ยูโร” เสียงทุ้มลึกคุ้นหูก็ดังขึ้นทางด้านหลังเราสองคนนั้น ทำให้เราทั้งคู่ค่อย ๆ หันไปมองอย่างช้า ๆ “อุ้ย!” ฉันกับคุณยูโรอุทานออกมาพร้อมกัน ก่อนที่คนที่คุณก็รู้ว่าใครจะยื่นมือมากระชากคอเสื้อของคุณยูโรจากทางด้านหลัง “บะบอส พอดีผม...ไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ ไม่ได้พูดเลยสักคำ” “เหรอวะ แล้วมึงบอกอะไรนะ สาว ๆ เยอะอะไรของมึง” เสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่ดวงตาคมเข้มนี้จะตวัดสายตามองฉัน “เอ่อ...คือว่าคุณยูโรไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันเป็นคนอยากรู้เอง” “มันใช่ธุระกงการอะไรของเธอ” พอเขาพูดด้วยความโมโห ฉันก็เลยหมดคำจะพูด ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ “ก็...ฉันอยากรู้นี่” คุณจิณณ์ขมวดคิ้ว เขาคงไม่พอใจความดื้อด้านของฉัน “ก็เราสองคนเป็นคู่หมั้นกันไง” “ใครหมั้นกับเธอ ห้ะ!” “อ๊ะ!...” เขาตะคอกเสียงดังจนฉันกับคุณยูโรสะดุ้งไปตาม ๆ กัน “แล้วจะตะคอกทำไมคะ ทำไมต้องทำเป็นไม่พอใจอะไรขนาดนี้ด้วย หรือโมโหเก็บกดที่ตัวเองอกหักมาแล้วหาที่ระบายไม่ได้” “เธอรู้...ไอ้ยูโร” คุณจิณณะเอ่ยลอดไรฟันมองหน้าคุณยูโร อย่างคนกำลังโมโหสุดขีด เขาทำให้ฉันกลัวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ “ผะผมขอโทษครับนาย” คุณยูโรที่ถูกหิ้วคอเสื้ออยู่นี้ยกมือพนมไหว้ บางครั้งเขาก็เรียกผู้ชายตัวโตคนนี้ว่านายบางครั้งก็เรียกว่าบอส นี่ไม่ใช่แค่ลูกน้องแล้ว มันไม่ต่างจากไพร่ เขากำลังขอโทษขอโพยราวกับว่าทำเรื่องผิดมหันต์ ทั้ง ๆ ที่ฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้น ทว่า หมับ! “อ๊ะ!...” เขาปล่อยมือจากคอเสื้อของคุณยูโร ก่อนจะเปลี่ยนมาคว้าข้อมือของฉันแทน แถมยังออกแรงกระชากอย่างแรงจนตัวฉันปลิวติดตัวของเขาไป “นี่คุณ! จะพาฉันไปไหน!” เขาลากฉันมาที่ห้องทำงานของเขาเหมือนเดิม ก่อนจะกระแทกประตูปิดด้วยฝ่าเท้า ใช่ ได้ยินไม่ผิด เขายกเท้าถีบประตูอย่างแรง! “เธอต้องการอะไร” เขาปล่อยมือออกจากข้อมือฉัน ก่อนจะเท้าเอวพูดเสียงเข้ม น้ำเสียงท่าทีโมโหนี้ทำให้ฉันตกใจไม่ต่างกัน “ก็...” “เธออยากหมั้น?” เขาดูหัวเสียสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่รู้ว่าทำไมต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ “ก็ไม่ได้ขนาดนั้น เราก็ดู ๆ กันก่อนก็ได้ แบบ คุย ๆ กัน กินข้าวไรงี้ ถ้าโอเคก็ค่อยหมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่เห็นสมควร” ฉันพยายามพูดคุยด้วยเหตุผล แต่เขากลับมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวในสิ่งที่ฉันพูด “ฉันไม่ต้องการคุย หรือทำอะไรกับเธอทั้งนั้น” “ทำไมล่ะ” “ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ ทำไมเธอถึงยอม” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ หากจะบอกว่าตัวเองระลึกชาติได้ก็กระไรอยู่ แถมเมื่อครู่ที่บอกคุณยูโรไปเขาก็ยังทำหน้าไม่เชื่ออีก “คือว่า...เราสองคนก็เหมาะสมกันดี” ฉันให้เหตุผลเดิม แต่ทว่า “แต่ฉันไม่เอาผู้หญิงแบบเธอ” “แบบฉัน? ...” อีกแล้วนะ เขาพูดอย่างกับ “คุณ...สืบประวัติฉันเหรอ” “_” ฉันเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก เขาคงให้คนไปสืบเรื่องเกี่ยวกับฉันมาหมดแล้วแหง ๆ “หึ ผู้หญิงเอาแต่ใจ ขี้เหวี่ยงวีนแบบเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉันคิดแต่งงานด้วยหรอกนะ” “เดี๋ยวนะ คุณต้องไปสืบจากที่มหา’ลัยแน่ ๆ” “หึ ทำไม เธอทำวีรกรรมอะไรไว้ล่ะ” ฉันอ้าปากพะงาบ ๆ เพราะนี่ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว “แสดงว่าคุณสืบมาไม่หมด สืบมาไม่หมดว่าฉันไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำคนอื่น มีแค่คนอื่นที่กระทำฉัน” ว่าน้ำตาคลอ ทำไมเขาไม่ถามฉันเอง แต่ทำไมถึง...ไปเชื่อที่คนอื่นเล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD