เป็นวันที่สองของการถ่ายภาพ ช่างภาพอยากให้นางแบบและนายแบบยืนโอบกอดและใช้ปลายจมูกชนกันเพื่อความสมจริง ซึ่งมุกกันยากับขุนพลก็จัดท่าให้ตามคำขอได้อย่างสมจริงไร้ที่ติแบบมืออาชีพ เมื่อเสร็จจากการถ่ายภาพเซตสุดท้ายทุกคนก็ตบมือเฮ
“นี่ชะนีบอกก่อนเลยนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะงานจ้างให้ฉันก็ไม่มีวันมาถูจมูกกับชะนีหรอกย่ะ เหม็นกลิ่นชะนีมาก”
ขุนพลที่ทำงานด้วยกันมาหลายปียกมือขยี้ปลายจมูกโด่งที่ผ่านมีดหมอจนปลายพุ่งแหลมเป็นหยดน้ำเบา ๆ ทำท่ายี้และจีบปากจีบคอพูดจนมุกกันยาหัวเราะ
“ฉันรู้ย่ะ ว่าแกเกลียดชะนี แต่ค่าตัวน่ะจะเอามั้ย ถ้าไม่ฉันจะได้รับแทน”
“ว้าย ชะนีกลอย เดี๋ยวตีปากเลย ถ้าเป็นเงินก็ต้องรับสิจ๊ะ ฉันก็ต้องกินต้องใช้ ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงผัวเหมือนกันนะ”
ลูกที่ขุนพลเอ่ยถึงก็คือแมวพันธุ์สก็อตติชโฟลด์ลายหินอ่อนที่เลี้ยงไว้ที่คอนโดส่วนผัวก็คือผู้ชายของตน มุกกันยาหัวเราะขบขัน ขุนพลเป็นเพื่อนอีกคนในวงการที่เธอให้ความไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่งรองจากมนต์มีนา
“เสร็จงานแล้วจะไปไหนยะ”
“ก็จะไปที่สตูดิโอน่ะ ไปช่วยมี่สอน”
“อ๋อ ธุรกิจปังใหญ่แล้วนะจ๊ะได้ข่าว”
“ก็ดีนะ นี่ถ้าแกว่างก็ไปเป็นวิทยากรรับเชิญให้ฉันหน่อยสิ สอนน้อง ๆ สนุกดีนะ”
“ได้สิจ๊ะ แต่ขอดูคิวงานก่อนนะ เออกลอย ฉันได้ข่าว”
ขุนพลทำหน้าจริงจังจ้องมองหน้าหญิงสาว
“ข่าวอะไร”
“ข่าวว่านางเจ๊ซอนย่ากลับมาทำงานเอเจนซีแล้วนะ ช่วงนี้เห็นว่ากำลังเดินสายของานจากผู้ใหญ่ที่นางรู้จักน่ะ”
สีหน้ามุกกันยาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง
“อืม ฉันพอจะรู้บ้างแล้วล่ะ”
“อ้าว นี่แกรู้แล้วเหรอ”
“อืม วันก่อนนู้นฉันไปคุยงานกับพี่ต้อมมา พี่เขาก็เล่าให้ฉันฟังเหมือนกัน และฉันก็เจอกับซอนย่าแล้ว”
พี่ต้อมหรือคุณใต้หล้า เจ้าของบริษัทอิเวนต์ออร์กาไนเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดของวงการบันเทิงและสายงานที่เกี่ยวข้อง วงการพริตตีไม่มีใครไม่รู้จักพี่ต้อม ใต้หล้า
“หา แกเจอนางแล้วเหรอ แล้วมันทำไรแกปะ”
“ไม่ เจออยู่หน้าลิฟต์นางจะกล้าทำอะไรฉันได้ล่ะ...” ระบายลมหายใจหนักหน่วงออกมาแล้วเอ่ยต่อ “ก็หวังว่าจะต่างคนต่างอยู่นะ ไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกันอีก”
ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์วันที่มุกกันยาพยายามออกมาจากห้องปาร์ตี้ก่อนที่ขุนพลจะกลับมา ขุนพลติดต่อมุกกันยาได้ในอีกสองวันต่อมาก็ได้แต่ไถ่ถามถึงเหตุการณ์วันนั้นด้วยความเป็นห่วง มุกกันยาบอกเพียงว่าเธอเห็นว่ามะยมกำลังเดินมาที่ห้องที่นิยมพาเธอเข้าไปพักจึงรีบออกมาจากห้องและกลับไปที่คอนโดมิเนียมของเธอเสียก่อน วันต่อมาก็ยังมีอาการเพลียจึงนอนหลับไปอีกถึงสองวัน พอขุนพลทราบเรื่องก็อยากจะไปเยี่ยมดูอาการทว่าหญิงสาวก็ปฏิเสธบอกว่าตนเองอยากพักผ่อน กระทั่งมุกกันยาปรับสภาพจิตใจตนเองได้ในเวลาต่อมาหญิงสาวจึงเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง ก่อนจะมาเกิดเรื่องน่าเศร้าที่ยังฝังใจเธออยู่อย่างไม่อาจลืมเลือนมาจนถึงทุกวันนี้
ขุนพลเอื้อมมือมาจับมือของมุกกันยาไว้ พร้อมกับพูดว่า
“ฉันก็หวังว่านางกะเทยใจโหดนั่นจะไม่มาข้องแวะหรือยุ่งเกี่ยวอะไรกับแกอีก ฉันอยู่ข้างแกเสมอนะ มีอะไรก็บอกมาก็แล้วกัน ฉันยินดีช่วยเต็มที่”
มุกกันยายิ้มให้เพื่อนและเอ่ยขอบคุณจากใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวจนเกินไปบนเส้นทางชีวิตของเธอ
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ