“ฝึกงานอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ตั้งใจฝึกงาน และก็ละเอียดรอบครอบ คิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ถึงเราจะเป็นแค่เด็กฝึกงาน ก็ไม่ควรจะทำอะไรลวก ๆ ไร้ความคิด...จริงมั้ย”
“เอ่อ...ค่ะ ปิ่นจะจำไว้”
“อือ”
“ขอบคุณค่ะ”
ปิ่นรักเปิดประตูรถลงไปยืนอยู่บนริมฟุตบาท สายตามองตามท้ายรถยนต์ของปฐวีที่ค่อย ๆ เคลื่อนหายไปกับรถยนต์ที่วิ่งกันขวักไขว่เต็มถนน
หญิงสาวถอนหายใจยาวออกมา คราวนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่คุยกับพลอยขวัญอย่างเดียวที่สร้างความปวดหัวให้เธอ กลายเป็นคำพูดของปฐวีที่พูดกับเธอเมื่อครู่ พวกมันวนเวียนอยู่ในหัวจนสลัดไม่หลุด อยากจะบ้าตาย ทำไมทุกคนชอบทำให้เธอปวดหัวอยู่เรื่อย
“ก๊อก ก๊อก”
“ค่ะ” ปิ่นรักขานรับ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็ร้องทักด้วยความแปลกใจ
“น้าพลอย!...มีไรหรือเปล่า ทำไมไม่ไลน์ตาม จะได้ไม่ต้องเดินมาเอง”
“ไม่ต้อง ฉันมาหาแกสะดวกกว่า”
“อ้อ...งั้นน้าพลอยเข้ามาก่อนค่ะ”
พลอยขวัญปิดประตูตามหลังพร้อมกดล็อค ปิ่นรักได้ยินเสียงกดล็อคประตูจึงหันกลับมามองน้าสาวด้วยสีหน้าฉงน
“ฉันไม่อยากให้ใครมารบกวน” พลอยขวัญเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของหลานสาว
“อ้อ...น้าพลอยนั่งก่อนค่ะ”
ปิ่นรักนั่งลงตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เธอหยิบหวีขึ้นมาหวีผมต่อ ใบหน้าเรียบสงบเหมือนไม่มีอะไร แต่ภายใต้ใบหน้านิ่งสงบกับเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มกระวนกระวาย ยิ่งเห็นพลอยขวัญมาหาถึงห้องอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็ยิ่งหวาดกลัวสิ่งที่จะได้ยิน
“แกฝึกงานจบหรือยัง”
“อาทิตย์หน้าก็จะเสร็จแล้วค่ะ”
“อืม...ก็ดีจะได้ง่ายขึ้น”
“อะไรง่ายคะ น้าพลอยมีไรจะใช้ปิ่นหรือเปล่า”
“ใช่ ฉันมีอะไรจะให้แกทำ”
“อะ...ไรคะ” ปิ่นรักกำหวีในมือแน่น ขอให้ไม่เป็นอย่างที่เธอคิด
“คืนนี้แกต้องไปนอนห้องคุณวี!”
“เคร้ง”
หวีที่อยู่ในมือของปิ่นรัก ร่วงหลุดมือลงไปนอนนิ่งอยู่บนพื้น ส่วนหญิงสาวนั่งนิ่งร่างแข็งค้างอยู่บนเก้าอี้สตู มือไม้เย็นเฉียบ แข้งขาก็พานจะอ่อนแรง แม้แต่อากาศหายใจเธอก็สูดเข้าปอดอย่างยากลำบาก
มันถึงเวลาแล้วใช่ไหม ในใจอยากขัดขืนพลอยขวัญ อยากพาตัวเองหนีไปให้ไกลจากบ้านหลังนี้ แต่พอคิดถึงบุญคุณที่ค้ำคออยู่ ก็ทำให้เธอได้แต่นั่งนิ่งเหมือนหุ่น ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
“แกไม่ต้องกลัวหรอกน่า เดี๋ยวฉันจัดการให้”
“น้าวี...เค้ายอมเหรอคะ”
“หึ...ทำไมจะไม่ยอม อย่างน้อยแกก็เด็กกว่า สวยกว่า สดกว่ายัยเลขานั่น ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ไม่เอาหรอก”
ปิ่นรักนั่งนิ่งรับฟัง แต่ในใจอยากให้ปฐวีเป็นผู้ชายโง่คนหนึ่งที่ไม่ต้องการเด็กสาวแบบเธอ ที่ผ่านมาหลายอาทิตย์เธอภาวนาทุกค่ำคืนขอให้ปฐวีปฏิเสธสิ่งที่พลอยขวัญกำลังหยิบยื่นให้ ขอให้เขาไม่ต้องการเธอ หรือจะไล่เธอออกจากบ้านเลยยิ่งดี โทษฐานที่ไม่รู้ผิดถูก
แต่คำภาวนาก็ไม่เป็นผล เธอกำลังจะถูกจับบูชายัญ
แล้วชีวิตเธอหลังจากนี้ล่ะ จะอยู่ที่นี่ต่อในฐานะใด ผู้อาศัย เมียเก็บ นางบำเรอ หรือแค่ของเล่นชั่วคราวเพื่อดึงให้เขากลับมาหาเมียหลวง เธอต้องอยู่แบบนี้ไปนานแค่ไหนกว่าจะหลุดพ้นสิ่งโสมมนี้
น้ำตาหยดแหมะลงบนหลังมือ เธอจ้องมองมันราวกับไม่เคยเห็น ความรู้สึกเคว้งคว้าง โดดเดี่ยวกำลังเกาะกินหัวใจ แต่แล้วจู่ ๆ อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นที่เธอเคยซุกซบเมื่อตอนเด็ก อกที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้รับการปกป้อง มันช่วยเรียกสติปิ่นรักให้กลับมา
“ปิ่น ฉันรักแกนะ”
พลอยขวัญยกมือขึ้นลูบหลังหลานสาวไปมาอย่างปลอบประโลม เรื่องนี้คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กสาวที่ไม่เคยนอกลู่นอกทางอย่างปิ่นรัก เธอเข้าใจว่าหลานสาวกำลังหวาดกลัว
“...ปิ่นก็รักน้าพลอย”
“ถ้าแกลำบากใจ ไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร ฉันไม่บังคับแกแล้ว” น้ำเสียงสั่นเครือที่ดังอยู่เหนือศีรษะเธอ ทำให้ปิ่นรักเริ่มคิดอย่างมีสติ
พลอยขวัญก็กำลังทุกข์ใจไม่แพ้เธอ และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เมื่อต้องยอมแบ่งปันสามีให้กับหลานสาว และต้องทนเห็นภาพตำตาตำใจทุกวัน ความรักที่สามีเคยมีให้ก็อาจจะลดน้อยลงไป แล้วยังจะมีเรื่องผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกจนทำให้ครอบครัวแตกร้าว
เมื่อเทียบกับเธอแล้ว ก็แค่เสียตัวให้กับน้าเขย เธอไม่ได้รักเขา จึงไม่ต้องกลัวว่าจะช้ำใจ หากเขาไม่สนใจหรือเบื่อเธอแล้ว...ไม่เสียใจ แต่ก็เสียดายตัว
“ปิ่นจะช่วยน้าพลอย” หญิงสาวตัดสินใจเด็ดขาด
ช่างมัน...อะไรจะเกิดก็ช่างมัน!!
“จริงเหรอปิ่น” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของพลอยขวัญ มันช่วยทำให้ความรู้สึกที่จมดิ่งของปิ่นรักดีขึ้นมาบ้าง
พลอยขวัญจับหลานสาวหันมาเผชิญหน้ากัน ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ปิ่นรักอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน
“ฉันก็ไม่อยากให้แกทำอย่างนี้หรอก...แต่...ถ้าคุณวีเฉดหัวพวกเราออกจากบ้าน เราก็จะไม่เหลืออะไรเลย ทุกอย่างของฉันนังเลขานั่นก็จะแย่งไปจนหมด ฉันไม่อยากกลับไปเริ่มต้นใหม่ แล้วปล่อยให้มันมาเสวยสุขทุกอย่างที่ควรจะเป็นของฉัน...แกเข้าใจใช่มั้ยปิ่น”
“ค่ะ”
“ขอบใจนะปิ่นที่แกทำเพื่อฉัน...เพื่อเรา” พลอยขวัญดึงหลานสาวเข้าไปกอด พลางลูบหลังอย่างปลอบโยน
“งั้นแกก็ไปล้างหน้าล้างตาซะ แล้วนี่ชุดนอนฉันเอามาให้แกเปลี่ยน”
พลอยขวัญคลี่ชุดนอนสีหวาน ผ้าลื่นมือ บางเบา จนแทบจะมองทะลุถึงเนื้อหนังข้างใน ดูอ่อนหวานแต่ก็น่าค้นหา ปิ่นรักได้แต่มองตาค้างไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาใส่ชุดล่อเสือขนาดนี้
“ตะ...ต้องเปลี่ยนชุดด้วยเหรอ”
“ต้องสิ ขืนใส่ชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขายาวของแก คุณวีเห็นคงหมดอารมณ์พอดี ไปๆ รีบไปล้างหน้าแล้วมาเปลี่ยนชุด” พลอยขวัญเอ่ยเร่งหลานสาว เมื่อเห็นปิ่นรักยังคงยืนนิ่งจ้องมองชุดไม่วางตา
“ค่ะ”
จากนั้นพลอยขวัญก็จับหลานสาวแต่งตัวใหม่ด้วยชุดที่เตรียมมาให้ มวยผมที่ปิ่นรักมักจะขมวดเป็นกระจุกไว้เป็นนิจ ก็ถูกหวีจนเรียบตรงยาวสลวยดูสวยหวานเป็นคนละคน
พลอยขวัญจ้องมองหลานสาวอย่างพิจารณา ปิ่นรักเป็นคนซ่อนรูป ตัวเล็กบอบบางแต่กลับมีทุกอย่างที่หญิงสาวควรจะมีจนดูมากล้นเกินไปด้วยซ้ำ ผู้หญิงทุกคนที่เห็นก็คงอดริษยาไม่ได้ แม้แต่เธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น