4 หลบเลี่ยงไม่พ้น

1238 Words
ปิ่นรักนอนลืมตาโพลงอยู่บนที่นอน ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ สมองเครียดจนแทบจะระเบิด ถ้าเพียงแต่คืนนี้เธอนอนอยู่ในห้อง ไม่สนใจหรือรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังนี้ ชีวิตก็คงจะดี เธอกำลังจะได้โบยบินออกไปสู่โลกกว้างอย่างมีความสุข แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ในเมื่อเธอเป็นคนวิ่งเข้าไปหาปัญหานั้นเอง และตอนนี้ปัญหาใหญ่ก็ตกมาอยู่กับเธอเรียบร้อยแล้ว น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินลงมาทางหางตา แขนยกขึ้นก่ายหน้าผากอย่างคนทุกข์หนักและ หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ ถึงแม้จะรับปากพลอยขวัญไปแล้ว แต่ใช่ว่าเธอจะยอมรับความจริงได้ เสียงสะอื้นดังขึ้นแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงัด และมืดมิดภายในห้องนอนที่เคยอยู่อย่างสุขสบาย แต่วันนี้กลับร้อนราวกับกำลังนอนอยู่บนกองเพลิงทั้งแสบร้อนทั้งเจ็บปวด แล้วเสียงร้องไห้ก็ค่อย ๆ ดังขึ้น เธอกำลังร้องไห้ให้กับโชคชะตาอันแสนเฮงซวยของตัวเอง หากอุบัติเหตุวันนั้นพรากชีวิตเธอไปพร้อมพ่อแม่ก็คงดี จะได้ไม่ต้องมาทนกล้ำกลืน ยอมตกปากรับคำเป็นเมียน้อยให้กับน้าสาวของตัวเองเหมือนในวันนี้ แต่ทุกอย่างมันถูกกำหนดแล้ว ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงได้...ไม่มี!! “วีคะ...พลอยอยากขอโทษเรื่องเมื่อคืนที่โวยวายใส่คุณ ก็พลอยน้อยใจนี่นา คุณเอาแต่ทำงาน ๆ ไม่มีเวลาให้พลอยเลย เจอหน้ากันก็แทบนับครั้งได้ แล้วกลับมาบ้านยังไม่ได้คุยอะไรกันยัยเลขานั่นก็ยังจะโทรมาอีก พลอยไม่ชอบ” “ผมยุ่ง” “คุณก็บอกแต่ยุ่ง ๆ เคยสนใจมั้ยคะว่าพลอยก็เหงาเป็นเหมือนกัน” “แล้วคุณจะให้ผมทำไง” “แต่ก่อนวีมีเวลาให้พลอยตลอด แต่ตอนนี้ดูสิคะ แค่จะคุยกัน ถ้าไม่ทิ้งข้อความไว้ก็คงไม่ได้เจอหน้า” พลอยขวัญกำลังจะโวยวายอีกรอบ แต่พอเห็นสีหน้าเรียบเฉยของผู้เป็นสามี เธอก็ได้แต่ฮึดฮัดในใจ กำลังจะต่อว่าต่อขานสามีต่อ ก็พอดีสายตาเหลือบเห็นปิ่นรักกำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง “ยัยปิ่นลงมาก็ดีแล้ว มา ๆ พวกเรากำลังทานข้าวกันพอดี” “สวัสดีค่ะน้าพลอย สวัสดีค่ะน้าวี ปิ่นไปทำงานแล้วนะคะ” ปิ่นรักยกมือขึ้นไหว้พลอยขวัญกับปฐวี ก่อนจะก้มหน้าทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไป ไม่ร่วมกินข้าวเช้าด้วย “แกจะรีบไปไหน มาทานข้าวต้มก่อนสิ ไปฝึกงานแล้วไม่ยอมกินข้าวไปก่อน เดี๋ยวก็หิวไม่เป็นอันทำงานกันพอดี” “วันนี้ปิ่นรีบค่ะ พอดีนัดเพื่อนไว้ กลัวรถติดเดี๋ยวจะไม่ทัน” “มาทานข้าวก่อน” น้ำเสียงของพลอยขวัญเริ่มเข้มขึ้น “ปิ่นไปหาอะไรกินแถวหน้าบริษัทก็ได้ค่ะน้าพลอย” ปิ่นรักมีสีหน้าอึดอัดใจ จะให้เธอนั่งกินข้าวร่วมกับน้าสาวและน้าเขยได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้ในหัวเธอมันคอยคิดถึงแต่เรื่องที่คุยกับพลอยขวัญไว้เมื่อคืน สายตาเหลือบมองปฐวีแค่เห็นหน้าเขาเธอก็อึดอัดจนหายใจไม่ออก “มานั่งลงแล้วก็กินข้าว ถ้ากลัวไม่ทันก็ติดรถคุณวีไปก็ได้” “เอ่อ” ขณะที่สองน้าหลานยังคุยกันไม่ลงตัว จู่ ๆ ปฐวีก็ลุกขึ้นยืน และหันไปทางภรรยาสาว “ผมไปทำงานก่อนละกัน” “วีอิ่มแล้วเหรอคะ” “อือ” “เดี๋ยวพลอยไปส่งที่รถนะคะ” โดยไม่รอภรรยาสาว ปฐวีก็หยิบเสื้อสูทพร้อมอุปกรณ์ทำงานขึ้นมาถือในมือ แล้วเดินออกจากห้องอาหารไป โดยไม่เหลือบแลไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง “อ้าว ยัยปิ่นจะยืนเซ่ออยู่ทำไมก็มาสิ นี่คุณวีจะไปแล้ว ไหนบอกว่ากลัวสาย” พลอยขวัญเดินตามหลังสามี กำลังจะก้าวออกจากห้อง ก็หันกลับมาเรียกหลานสาว “เอ่อ...น้าพลอยคะ ปิ่นขอไปเอง” “แกอย่ามาเรื่องมาก เร็วสิ เดี๋ยวคุณวีก็ไปทำงานสายเพราะแกนี่แหละ” “ค่ะ” ปิ่นรักคอตก เดินตามหลังน้าสาวออกไปห่าง ๆ ก่อนจะเดินถึงรถของปฐวีที่จอดรอในโรงจอดรถ พลอยขวัญก็จับแขนหลานสาวแน่น พลางกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันสองคน “แกอย่าลืมที่รับปากนะ” “ค่ะ” “ดี!!...แล้วก็อย่าลืมสอดส่องเรื่องนังเลขานั่นด้วย” “ปิ่นจะไปสอดส่องได้ยังไงคะ ไม่ได้ทำงานที่เดียวกับน้าวี ถึงนั่งรถไปด้วยกันปิ่นก็ไม่กล้าถามหรอก” “โง่จริง ใครจะให้แกถาม แอบฟังน่ะแกเข้าใจมั้ย เดี๋ยวยัยเลขานั่นต้องโทรหาคุณวีแน่นอน” “อ๋อ...ค่ะ” รถยนต์ของปฐวีเคลื่อนออกมาช้า ๆ ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าน้าหลานที่ยืนรออยู่ พลอยขวัญหยุดพูด ก่อนจะหันไปใช้สายตาบังคับให้หลานสาวขึ้นไปนั่งบนรถของสามี ปิ่นรักเลี่ยงไม่ได้จำต้องเดินไปขึ้นรถของน้าเขย พอรถเคลื่อนออกมาพ้นรั้วบ้าน ภายในห้องโดยสารก็เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงจากเครื่องเสียงบนรถยนต์ หญิงสาวนั่งตัวลีบเล็กอึดอัดหายใจไม่สะดวก อยากชวนคุยก็คิดเรื่องที่จะพูดไม่ออก สายตาแอบชำเลืองมองน้าเขย ปฐวี ถึงแม้จะอายุ 35 ปีแล้ว แต่กลับดูดี รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมสัน ดวงตาดุเข้ม เป็นคนเงียบขรึมและน่ากลัว ปิ่นรักคิดภาพไม่ออกเลยว่าเธอกับน้าเขยจะสามารถทำเรื่องอย่างว่าได้อย่างไร ความรู้สึกพิศวาสหรือแรงดึงดูดแบบชายหญิงระหว่างเธอกับน้าเขยไม่มีสักนิด ราวกับขั้วแม่เหล็กเดียวกันที่ไม่สามารถจะเข้าใกล้กันได้ “เอ่อ...น้าวีคะ จอดตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยนะคะ” ปิ่นรักกล่าวอ้อมแอ้มออกมา เธอตัดสินใจไปนั่งรถเมล์ต่อน่าจะดีกว่าต้องมาทนนั่งในรถหรูที่น่าอึดอัด ขยับตัวก็ไม่ได้ต้องทนนั่งแข็งทื่อตัวเกร็งจนปวดหลังปวดขาไปหมดแล้ว “ยังไม่ถึงที่ทำงานนี่” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวปิ่นไปหาเพื่อนที่หอพักก่อน” “เดี๋ยวไปส่ง” น้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับดูเข้มงวดราวกับเธอเป็นเด็กเกเรที่กำลังจะโดดเรียน “ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ปิ่นไปเองดีกว่า” ปฐวีเปิดไฟเลี้ยวและหักหัวรถเข้าไปจอดแนวริมฟุตบาท ก่อนจะหันมามองหน้าเธอ รอยยิ้มกระตุกที่มุมปาก สายตาคมปลาบจ้องนิ่งทำเอาปิ่นรักถึงกับร้อน ๆ หนาว ๆ สายตารู้ทันแบบนี้คืออะไร รู้ทันเรื่องที่เธอเอาเพื่อนมาอ้าง หรือรู้ทันเรื่องที่น้าสาวกับเธอกำลังคบคิดกัน “ขอบคุณค่ะน้าวี” ปิ่นรักยกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินปฐวีพูดขึ้นมา “คนเราต้องรู้จักใช้สมองคิดทุกเรื่องก่อนทำ” “คะ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD