Los Angeles./ลอสแอนเจลิส
เด็กสาวชาวอิตาเลียนวัย18เลือกใช้ชีวิตอยู่ในลอสแอนเจลิส เมืองที่ดูวุ่นวายผู้คนพลุกพล่านมากมาย ร่างผอมบางสูงประมาณ175 เซ็นติเมตรสวมสเวตเตอร์สีเทา กางเกงยีนส์พับชายกับรองเท้าผ้าใบสไตล์เรียบง่ายสะพายเป้เดินไปเรียนเพียงลำพังเพราะวันนี้รูมเมทเธอไม่สบายนอนเป็นผักอยู่ในห้อง ใบหน้าสวยสดไร้เมคอัพเอาแต่ก้มหน้าเขี่ยหน้าจอมือถือสวมหูฟังเพลงและส่ายหน้าเล็กน้อยตามจังหวะดนตรีที่ก้องกังวานในหูแบบไม่สนโลก
“อุ๊บบบส์”
เธอเกือบจะชนกับเจ้าของรองเท้าหนังสีดำมันวับเข้าแล้ว ดีที่หยุดฝีเท้าได้ทัน และแน่นอน เธอรู้ว่าชายที่ยืนตรงหน้าจงใจจะมาหาเรื่องเธอ แต่ไม่ทันที่จะได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายได้เต็มตาก็โดนกระชากแขนโดยมีชายฉกรรจ์อีกสองคนช่วยกันลากเธอขึ้นรถลีมูซีนอย่างง่ายดายแบบที่ผู้คนบริเวณนั้นไม่มีใครทันสังเกตเห็น
“นี่ พวกแกเป็นใคร!?”
เธอตวาดแหวพลางก้มมองดูรอยแดงที่แขน เมื่อเหลือบสายตามองโลโก้เล็กๆสักตัวอักษรdarkไว้บนหลังมือของคนพวกนี้แล้วเธอจึงพ่นลมหายใจออกทางจมูกพร้อมกรอกสายตามองบนอย่างระอา
...พี่ชายคิดจะแกล้งอะไรเธออีกเนี่ย?!!
ครืดดดดด
เสียงสมาร์ทโฟนในมือเธอสั่นได้พอเหมาะพอเจาะ จึงไม่ชักช้าที่จะรับสาย
“แม่คะ แม่คงรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้พี่ชายกำลังแกล้งหนูอยู่ จะพาหนูไปไหนก็ไม่รู้ หนูคิดว่าแม่คงจะโมโหเช่นกันที่พวกนี้กำลังจะทำให้หนูไปเรียนสายนะ!?” เมื่อรับสายมารดาเธอรีบรัวฟ้องแม่ทันควัน
“หยุด ฟังแม่ ตอนนี้แม่มีเรื่องด่วนให้เราต้องทำ”
“มันจะมีอะไรสำคัญไปกว่าการเข้าคลาสของหนูล่ะคะ ได้โปรดอย่าก้าวก่าย วันหยุดค่อยว่ากัน”
“หยุด เลิกบ่น แล้วทำตามที่แม่บอกซะ นี่คือธุระที่สำคัญกว่าทุกอย่างทั้งสิ้น”
“ทุกอย่างทั้งสิ้น..” เธอทวนเสียงแผ่วขบคิดตาม
“ใช่ลูก สำคัญที่สุด ฉะนั้นนั่งเงียบๆไปกับพวกนั้น รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน”
“หึ ก็แน่สิ อุตส่าห์โทรมากำชับขนาดนี้” เธอยังโอดครวญแกมประชดผู้เป็นแม่
“โอเค เก่งมากสาวน้อย แล้วเจอกันที่อิตาลีนะ”
เมื่อเครื่องบินส่วนตัวลงจอดลานกว้างด้านหลังตัวคฤหาสน์ตระกูลกลอส แม่ของเธอรีบจูงมือลูกสาววิ่งเข้าไปด้านในที่มีเหล่าคณาญาติจำนวนหนึ่งรออยู่ เธองงไม่น้อยแต่คงไม่สู้ผู้เป็นแม่ที่ดูรนรานมากกว่าจูงมือพาเธอวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัว ทันทีที่เธอเข้าไปไม่ได้เอ่ยถามได้เต็มประโยค ช่างแต่งหน้าทำผมประมาณห้าคนวิ่งกรูกันเข้าหาเธอโดยไม่สนคำปฏิเสธเธอเลย
“เดี๋ยวๆ นี่อะไรคะแม่” เธอแผดเสียงหงุดหงิดถามมารดาอย่างประหลาดใจเมื่อสายตาสะดุดกับชุดเจ้าสาวฟูฟ่องสีขาวแขวนอยู่ตรงมุมห้อง
“ขอโทษที่มันกะทันหันไป แต่แม่ต้องบอกลูกว่าวันนี้เราจะต้องแต่งงานกับคู่หมั้นที่ทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งได้ตกลงกันไว้นะลูก”
“ยังไงคะ?”
หญิงสาวอ้าปากหวอขณะยักไหล่ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ใช่ มันเป็นความพอใจของผู้ใหญ่ แล้วไงล่ะ? แล้วเธอต้องแต่งหรือ??
ออ ใช่สิ เธอเกิดมาในตระกูลใหญ่มีอำนาจและธุรกิจมากมาย ไม่แปลกที่ผู้ใหญ่จะคิดแค่เรื่องธุรกิจมากกว่าเรื่องหัวใจ
แต่ว่า ต้องถามเธอสักคำบ้างสิ แล้วที่สำคัญ เล่นจับตัวกันมาแต่งเสียดื้อๆอย่างนี้เลยหรือ
“นั่งนิ่งๆจะได้สวยๆ วันนี้แม่รีบมากหลังเสร็จพิธีแล้วเราค่อยคุยกัน”
“เกิดอะไรขึ้นคะ แล้วพี่ชายล่ะคะ พี่ไปไหน?"
เธอนั่งบนเก้าอี้หันรีหันขวางมองมารดาที่สวมชุดเดรสราตรีสั้นแต่งหน้าทำผมสวยสะเด็ดยืนเม้มริมฝีปากน้ำตาคลอหน่วยพยักหน้าให้ ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆคือเธอกลัว กลัวกับความชุลมุนที่ประสบได้แต่พยักหน้าตอบและยอมนั่งนิ่งๆแต่โดยดี
เซเรน่า กลอส หรือซาร่าห์ ทายาทตระกูลมาเฟีย สวมชุดเจ้าสาวสีขาวแบบเกาะอกชายยาวลากกรุยกรายกว่าหนึ่งเมตรเดินควงแขนญาติผู้ใหญ่เข้าไปในโบสถ์เก่าแก่ใกล้บ้าน ใบหน้าสวยหวานแสดงแววตาตื่นตระหนกภายใต้ผ้าคลุมลายลูกไม้แอบปรายสายตามองผู้คนที่เธอเดินผ่าน สักขีพยานในพิธีสายฟ้าแลบตอนนี้จะเป็นผู้ชายไว้หนวดเคราและมีฟังชั่นก์เป็นปืนเหน็บเอาไว้ที่เอวเสียส่วนใหญ่ มันไม่ได้ทำให้เธอผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อยกลับเพิ่มความหวาดกลัวเป็นหลายเท่า
มันเหมือนไม่ใช่งานแต่งเลยสักนิด ดูสีหน้าทุกคนสิ ดูเคร่งขรึมและระแวดระวัง ส่วนญาติผู้หญิงก็ยิ้มแบบที่เธอดูออกว่าแค่ฉีกมุมปาก เธอเกลียดสภาพแวดล้อมแบบนี้ที่สุด แต่ไม่อาจจะทำให้มารดาต้องผิดหวังจึงลอบถอนหายใจเบาๆก้มหน้าเดินต่อ
เมื่อเข้าใกล้แท่นพิธีเธอแอบช้อนดวงตามองเจ้าบ่าวร่างสูงใหญ่เกือบ190เซนติเมตรยืนขยับโบว์ที่คอพร้อมยกยิ้มมุมปากให้เหล่าผองเพื่อนที่นั่งเรียงกันอยู่
แต่ทำไมไร้เงาของพี่ชาย?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่??