คมกล้าอารมณ์เสียหนัก เขาลากเอาเรื่องทั้งหมดมาลงไปที่ภูอนล และยังไม่เข็ด ที่ภูอนลจัดการขั้นเด็ดขาดในคราวนั้นด้วยการข่มขู่เขากลับไปด้วยทีท่าเอาจริง
และคมกล้ากลัว เขาจึงยิ่งกว่าโมโหแบบอารมณ์ฟัดเหวี่ยง ที่อะไรก็ไม่ได้เป็นดั่งใจ นายศักดาเห็นอาการอย่างนั้นเข้าจึงเข้าไปปลอบโยนลูกชาย
"แกเป็นอะไรอีก หัวเสียเรื่องผู้หญิงใช่มั๊ย"
ผู้หญิงของลูกชายจะเป็นใครไม่ได้ นอกจากช่องิ้วผู้หญิงรวยเสน่ห์บาดจิตบาดใจชายคนนั้น นายศักดามองแค่นยิ้ม
"แกจะมาลุ่มหลงทำไมวะ กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่สนก็หาใหม่ ไม่ต้องเห็นแคร์เลยนี่ คมกล้า"
เขามองบิดาอย่างตัดพ้อ
"พ่อไม่เข้าใจหรอก คุณช่อรักแรกที่ผมพบแล้วรู้สึกปิ๊งขึ้นมาทันที"
"แกปิ๊งผู้หญิงคนนั้นแล้วผู้หญิงคนนั้นปิ๊งแกกลับหรือเปล่า" นายศักดาถามบุตรชาย
"ไม่ครับ แต่ผมก็จะพยายามต่อไป สู่ขอไงพ่อ ไปขอคุณช่องิ้วมาแต่งงานให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย ผมกลัวไอ้ภูมันจะตัดหน้าไปก่อน"
คมกล้าพูดด้วยความระแวง
นายศักดาส่ายหน้าแกมเอือมระอา ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ดีนักหรอก สิ่งที่แอบทำลงไปกับบุตรชาย กลัวจะล่วงรู้ไปถึงหูพี่ชาย ไม่เช่นนั้นเขากับลูกเดือดร้อน เพราะอยู่ที่บริษัทนี้ไม่ได้
"ไอ้ภูมันทำคะแนนขึ้นทุกวัน จนลุงของแกพอใจมันมาก แกหัดดูมันมั่งซี คมกล้า จะมาให้คนอื่นมาชุบมือเปิบได้ยังไง ส่วนไอ้รส น้องของแกมันก็ไม่เป็นสับปะรดจริงๆ "
นายศักดาพูดถึงนารส หลานชายลูกติดของพี่ชาย ที่เกิดจากภรรยาคนเก่าซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว อย่างแสนจะรำคาญในความโง่และไม่เอาถ่าน
"แบบนี้คนนอกมันก็ตีตื้นเอาคะแนนกอบโกยไปสิ ทั้งหลานทั้งลูกพวกแกไม่เอาไหนเลย ไอ้ภูมันจะข้ามหน้าพ่อไปแล้ว และข้ามหน้าแกด้วย พี่มุทธาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะนังศิริวรรณแท้ๆ ทีเดียว ที่ลุงของแกให้อำนาจมันทั้งหมด จนฉันกับแกแทบจะไม่มีค่าเลย"
นายศักดาบ่นพึมพำออกมาในเรื่องนี้ อย่างเหนื่อยหน่ายและไม่ยอมแพ้ รวมทั้งสายตาเคียดแค้นต่อหญิงสาวใหญ่ที่กลายมาเป็นภรรยาของพี่ชายและกำลังมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในธุรกิจของตระกูล
คุณศิริวรรณฉวีเดินเข้ามาตรงหน้าภูอนลพร้อมสังเกตอาการ
"รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย ทานข้าวมาแล้วหรือยัง"
"เรียบร้อยครับ"
"ภูยังเครียดอยู่นะ"
"โธ่ แม่ก็นิดเดียว เดี๋ยวหายแล้ว"
"หายเสียทีเถอะจ้ะ แม่ก็กังวลแทน"
นางตอบแล้วเอ่ย
"อาทิตย์หน้าแม่จะไปสัมมนาเรื่องธุรกิจที่พัทยา กับโรงแรมที่จองไว้แล้ว แม่ฝากภูดูแลบริษัทด้วยนะ"
"ครับ" เขาพยักหน้ารับ แล้วใครคนหนึ่งก็ก้าวมาอีกคน นารสนี่เอง
เด็กหนุ่มยกมือไหว้เขาซึ่งถือว่าเป็นพี่ วันนี้นารสไม่ได้ไปเรียนหนังสือเพราะปิดเทอมแล้วเขาไม่ได้ออกไปคบหาเพื่อนฝูงข้างนอก
เป็นเพราะว่ายังไม่ถึงเวลากลางคืน นึกเบื่อเซ็งที่บ้าน ก็เลยตามหลังคุณศิริวรรณฉวีที่เป็นแม่เลี้ยงของเขามาที่บริษัทด้วย โดยการติดรถของเธอมา
ไม่ทันแนะนำตัว นารสก็ยกมือไหว้พี่ชายของเขาอย่างน่ารัก เป็นมารยาทที่คุณศิริวรรณฉวีสอนเด็กหนุ่มกำพร้ามารดา ให้ได้รับการอบรมสั่งสอนเท่าที่ควร
"หวัดดีพี่ภู"
ภูอนลมองจ้องกิริยานั้น ยิ้มให้
"ว่าไงน้องชาย ไม่ไปเรียนเหรอเรา"
ภูอนลซักถามด้วยความยินดี
"ไม่ครับ ปิดเทอมแล้ว"
"เหรอดีจริง แล้วนี่มา ฝึกทำงานที่บริษัทใช่มั๊ย"
ภูอนลกระเซ้าแหย่น้องชายต่างบิดาเล่น
"ไม่ครับมาเล่นเฉยๆ ติดตามคุณแม่มาด้วย อยากจะมาเล่นที่บริษัท"
เด็กหนุ่มรุ่นน้องเขาถึงแปดปีเอ่ย
"งั้นก็ดีสิ เรียนรู้เลยสิ"
"เอางั้นเลยเหรอครับ"
นารสหัวสมองไม่ไป แต่พยายามเรียนรู้ ภาพกลมเกลียวระหว่างบุตรเป็นที่ชื่นใจสำหรับคุณวรรณนัก ถือเป็นแม่ของนารสอีกคนนางปลาบปลื้ม
"อ้าว คุณศักดา"
เมื่อคุณศิริวรรณฉวีออกมาจากห้องบุตรชาย ก็ปะทะกับสายตานายศักดาที่บอกบุญไม่รับแข็งทื่อ ฉายแววไม่พอใจ หล่อนแค่ทักทายเขาตามมารยาทมากกว่า เพราะรู้ดีว่า ศักดาเป็นอย่างไร
นี่หล่อนทำขนาดกล้าชนใส่นายศักดาด้วยซ้ำ ชนชนิดที่ว่าใครก็ขวางเจ้าแม่ใหญ่อย่างหล่อนไม่ได้
ในฐานะตัวแทนนายมุทธาพี่ชายของเขา สามีของหล่อน นาทีนี้ใครสำคัญกว่า ศักดาย่อมรู้
ใครเป็นคนที่ผลักสามีของหล่อนให้เข้าคุกด้วยข้อหาหนักหน่วง จนเขาตายในคุกมันเศร้าสะเทือนม่ายลูกติดอย่างหล่อน
คุณศิริวรรณฉวีเรียนจบทางด้านบริหารธุรกิจมา และหล่อนจบปริญญาตรี ขณะที่พ่อของภูอนลเป็นเพียงคนขับรถแท็กซี่เท่านั้น
สุดท้ายถูกยัดข้อหาค้ายาเสพติดและฆ่าคนตาย คดีมีเงื่อนงำ หล่อนยังตามสืบทุกวันนี้
ภูอนลไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร เขามองเห็นนารสเป็นน้องชายคนหนึ่ง หวั่นเกรงเสี้ยมสอนจากเครือญาติ นายศักดาจะวางแผนทำอะไร แต่มันไม่ง่ายหรอก
นารสเข้ามาเล่นกับพี่ชาย เขาสอนงานไปด้วย จนเด็กหนุ่มทำตามได้ กลายเป็นความสนิทสนมโดยไม่รู้ตัว
"พี่ภูเก่งจังเลยครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยกับเขา และเขายิ้มตอบ
"นารสเองก็ต้องเก่งเหมือนพี่สิ พี่คิดว่า รสทำได้" เขาให้กำลังใจน้องชายต่างบิดา
"ครับ รสจะเก่งเหมือนพี่ภูให้ได้เลย"
"แม่จะไปพัทยาวันไหนครับ" เมื่อมีเวลาว่างเขาเดินเข้าไปถามมารดา
"อีกสองวันลูก ขออยู่จัดการกับปัญหาตรงนี้ก่อน" ตอบบุตรชายด้วยรอยยิ้ม
"แล้วภูล่ะ ไหวมั้ย ที่แม่จะฝากงานเอาไว้ทั้งหมดแทนแม่"
“ไหวสิครับ" เขาพยักหน้าตอบ นางศิริวรรณฉวีสบายใจขึ้น
"ภู คอนโด ของลูก แม่อยากไป ไม่เคยไปเยี่ยมสักครั้งเลย"
นางรับรู้ว่าลูกชายซื้อคอนโดนานแล้ว เป็นแบบผ่อนส่งกับธนาคาร
ที่จริงนางมีเงินพอที่จะซื้อคอนโดให้ลุกชายเป็นของขวัญด้วยซ้ำ
แต่ภูอนลไม่ยอมรับในความกรุณาตรงนั้น ขอหาด้วยน้ำพักน้ำแรง ศิริวรรณฉวีไม่รู้จะพูดอย่างไร
"ไว้แม่กลับจากสัมมนาการประชุมที่พัทยาค่อยมาดูก็ได้"
"แอบมีสาวๆ ซุกไว้ลับตาแม่หรือเปล่า"
คุณศิริวรรณฉวีถาม และบุตรชายยิ้มให้
"เข้าไปดูให้เห็นกับตา ดีกว่าครับ ถ้าเห็นว่าผมพาผู้หญิงมาที่นี่"
“แต่แม่คิด ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่ลูกรักมากที่สุด อย่างนางแบบสาวคนนั้นใช่ไหม"
คุณวรรณตอบแทนบุตรชาย ทำเอาบุตรชายที่นิ่งขรึมสงบ ผลอยิ้มออกมา
"แม่ทายได้ถูกจริง ใช่ครับ ผู้หญิงคนนั้น เธอชื่อ ชิดชลัย"
แม้ข่าวคราวจะเข้าหู เธอมีหูตาเป็นสับปะรดจากลูกน้อง แต่บุตรชายคนเดียวยังปักใจอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อ ค่อนข้างอื้อฉาว พัวพันกับผู้ชายหลายคน
ภูอนลยังเลือกคบหากันอยู่ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีและแสนจะพิเศษสำหรับบุตรชาย
ทีแรกคุณวรรณไม่พอใจ มีแม่คนไหนบ้างที่พอใจ หากลูกชายไปชื่นชอบสนิทสนมกับผู้หญิงที่สังคมตราหน้าแบบนี้
ชิดชลัยอิ่มข้าวแล้วหลังจากที่นัดทานข้าวกับหนุ่มน้อยเขายิ้มเบิกบานและเสนดีใจอย่างมาก
"คุณต่อเรียนอยู่ปีไหนคะ"
"ปีสองแล้วครับ"
"อีกกี่ปีถึงจะจบคะ"
"อีกปีกว่าครับ"
"แหม หล่อๆ หน้าตาดีอย่างคุณต่อ สาวๆ คงติดกันตรึมใช่ไหมคะ"
ช่องิ้วชวนคุยด้วย เขาเลยตอบ
"มีครับ แต่ผมไม่ค่อยสนใจใคร"
คำตอบทำให้หล่อนฉงน