EPISODE – 02 / 2

3045 Words
อีกด้านหนึ่งภายในทีเอสคลับหลังจากที่โซลทิ้งแก้มใสไว้คนเดียว “ฮึ้ย!! อิตาบ้าโซล คนบ้ากล้าทิ้งฉันไว้ที่คลับคนเดียวเหรอ ใจร้าย ใจจืดใจดำเกินไปแล้วนะ อึกๆ” ฉันเดินบ่นพึมพำน้อยอกน้อยใจอยู่คนเดียว ขาก็ก้าวเดินจึกๆ ลงมาจากชั้นสองของคลับไปด้วย กึก ปึก!! “อะ โอ้ย” เจ็บชะมัดเลย ยัยบ้าที่ไหนเดินเหยียบเท้าฉัน ฉันรีบตารีตาเหลือก หันซ้ายหันขวามองหายัยบ้าตีนผีที่ใช้ส้นสูงเหยียบเท้าฉันเมื่อกี้ “อย่าให้แม่เจอนะ จะให้ยัยนาเดียร์กับยัยตุ๊ดด่าให้หาทางกลับบ้านไม่เจอเลย” ปากบ่นๆ ไปเพื่อระบายความอัดอั้นที่โดนคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนทิ้งไว้ให้กลับบ้านเอง แล้วไหนขายังจะมาเจ็บเพราะใครที่ไหนอีกก็ไม่รู้ “อูย เจ็บชะมัดเลย” ฉันเดินกะเผลกๆ ออกมาเรียกแท็กซี่หน้าคลับ “อ๊ะ ว้าย กรี้ด!!!” ใกล้จะถึงถนนแล้วแท้ๆ แต่ขาเจ้ากรรมดันไปสะดุดอะไรไม่รู้ ล้มแน่ๆ เลย หมับ!! ไม่เจ็บแหะ? ฉันว่าเมื่อกี้ฉันต้องล้มนะ แล้วมันต้องเจ็บมากแน่ๆ แต่นี่ไม่รู้สึกเจ็บ แต่รู้สึกนิ่มๆ เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวตุบๆ ที่ข้างหูด้วยล่ะ “ซุ่มซ่าม” อยู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ หู เรียกสติให้ลืมตามอง ตึกตัก ๆๆ หล่อค่ะ หล่อมาก สูง ขาว จมูงโด่งรั้น ดวงตายาวรี คมเข้ม แววตานิ่งสงบดูเยือกเย็น ความรู้สึกแบบนี้มันคล้ายๆ โซลเลย “ขะ ขอบคุณค่ะ” ดึงสติได้ ฉันเลยรีบผละเขาออกพร้อมเอ่ยขอบคุณ เขาพยักหน้าส่งๆ แล้วก็เดินเข้าคลับไป “เย็นชาชะมัด” คนอะไรไม่มีมารยาท พูดด้วยไม่ยอมตอบ ชิ! รีบกลับห้องดีกว่า รุ่งเช้า~ ติ๊งหน่อง ๆ “ใครมาแต่เช้าเนี่ย คนจะนอน งื้มๆ” หงุดหงิดชะมัด ฉันได้ยินเสียงคนกดกริ่งที่หน้าห้องมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่มันยังง่วงไง เมื่อคืนกว่าจะเลิกคิดเรื่องไอ้บ้าโซลก็เกือบตีสี่เข้าไปแล้ว “ฮึ้ย!! คอยดูนะ ถ้าเป็นยัยสองคนนั้นแม่จะด่าให้หูชาเลย” ในที่สุดก็ทนกับเสียงออดที่ดังไม่หยุดไม่ไหว เลยต้องพาร่างกายที่ยังตื่นไม่เต็มตาออกมาเปิดประตู แอ้ดดด!!! “มาทำไมแต่เช้าฮะ คนจะหลับจะนอน” ฉันชิงด่าพวกมันทันที “เช้า? สิบเอ็ดโมงเนี่ยนะ” แต่เอ๊ะ! นี่มันเสียงผู้ชาย! พรึบ!! ฉันตาสว่างทันทีหลังจากได้ยินเสียงนั้น “ซะโซล มะมาได้ไง” ฉันถามเสียงตะกุกตะกัก ก็ใครจะคิดว่าคนที่มายืนอยู่หน้าห้องตอนนี้คืออิตาบ้าโซลกันเล่า “ขับรถมา แล้วฉันมาหาแฟนนี่ไม่ได้?” ฟะ แฟน ผีบ้าเข้าสิงไง อยู่ๆ มาพูดคำว่าแฟนตอนนี้ บรรยากาศแบบนี้ ทีเมื่อคืนเฮียไททันถาม ไม่เห็นกล้าพูดแถมโบ้ยมาให้ฉันตอบอีก คิดแล้วหงุดหงิด “ทีงี้พูดเต็มปากเต็มคำเลยนะ” ฉันไม่พูดเปล่าทำหน้าเหวี่ยงใส่ด้วย “งอน?” เหอะยังกล้าถาม ลองถูกปล่อยทิ้งไว้บ้างไหมล่ะจะได้รู้สึก “...” หยิ่งค่ะ ไม่ตอบ แค่กลอกตาแล้วมองบน “ถามไม่ตอบคือ?” ชิ อย่ามาทำหน้าเหวี่ยง หน้าง้ำหน้างอใส่ฉันนะ “เปล่า มาหามีไร” พอเห็นว่าหน้าตาเขาไม่ได้สำนึกหรือรู้สึกผิดอะไร เลยไม่อยากพูดมาก “จำเป็นต้องมีธุระถึงมาหาแฟนตัวเองได้ แล้วนี่...” โซลไม่ยอมพูดต่อ ฉันเลยหันกลับไปมอง “ดะเดี๋ยวมองอะไรน่ะ” เป็นบ้าอะไร ตามองฉันสแกนตั้งแต่ไหล่ลากไปถึงเท้า แล้วทำคิ้วขมวด หน้าตาเหมือนจะฆ่าใครตายให้ได้ แถมยังหันไปมองคนที่เดินผ่านไปมา หมับ!! แล้วนี่มาดึงรั้งข้อมือฉันทำไม แถมยังกำแน่นจนเจ็บไปหมด “ซะโซล เจ็บ เป็นบ้าอะไรเนี่ย” พูดไปพยายามแกะมือเขาออก ผีบ้าเข้าสิงหรือไง? “จะอ่อยฉัน หรืออ่อยใคร” น้ำเสียงเยือกเย็น สายตาดุกร้าว “ห๊ะ อะไร” อยู่ๆ มาพูดจาชวนหาเรื่องแบบนี้ แถมสายตายังไม่เลิกจ้องร่างกายฉันอีก มันมีอะไรให้น่ามอง ขวับ!! “กรี้ดดดดด... โซลบ้า ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้” ไวเท่าความคิดหลังจากที่สงสัยมานานว่าร่างกายฉัน มันมีอะไรงอกประหลาดออกมาเท่านั้นล่ะ เก็ทเลยค่ะ ลืมไปได้ไงว่าตัวเองเพิ่งตื่นและอยู่ในชุดนอนบางหวิวสะขนาดนั้นแถมยังโนบราอีก ฮือ ปัง!! รีบปิดประตูใส่หน้าเขาแล้วกลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไว “น่าขายหน้าชะมัด ยัยแก้มเอ๊ย” ฉันวิ่งเข้าห้องนอนแข้งขาแทบจะพันกันพร้อมทั้งด่าทอตัวเองไปด้วย ผ่านไปไม่นานฉันก็จัดการชำระล้างตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ใช้เวลาราวๆ สิบนาทีได้ เลยออกมาเปิดประตูห้องให้โซลเข้ามา “นาน!! ไม่อาบถึงชาติหน้าเลยล่ะ” สาบานว่า 10 นาทีคือนาน สบู่ยังไม่ฟอกเลยให้ตายเหอะ ปากนะปาก เห็นฉันเงียบๆ ไม่ค่อยพูดใช่ว่าด่าคนไม่เป็นนะ ฉันมันก็แรงพอๆ กับยัยเพื่อนสองคนนั่นแหละ “…” ฉันไม่ตอบทำหน้าเอือมๆ และยืนมองหน้าเขาที่นั่งอยู่โซฟานิ่ง ๆ “ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ ที่บ้านไม่สอน?” เฮ้อ ฉันพ่นลมออกจากปาก ทำหน้าเบื่อโลกทันที “ถ้าจะมาเพื่อแขวะกัน เชิญค่ะ นั่นประตู” พูดจบก็ผายมือไปทางประตูห้อง เป็นเชิงประชดนิดๆ ว่า ‘ออกไป’ “มานี่เลย เดี๋ยวนี้ไล่เหรอ” ไม่พูดเปล่าโซลดึงข้อมือฉันลงไปหาเขา พรึบ!!! “อ๊ะ” มันเร็วมาก ฉันไม่ได้เตรียมตัวขืนแรงไว้ แหมะ!! แล้วกัน เพราะไม่ได้ขืนตัวไว้เลยทำให้ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนตักโซลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “บ้าจริง ทำอะไรเนี่ยมันเจ็บนะ” ฉันว่าให้พร้อมทำหน้าดุใส่ “กล้าด่า กล้าขึ้นเสียง?” ผู้ชายตรงหน้าเลิกคิ้วสองข้างถามฉัน “ปะ ปล่อยเลย ไม่ต้องมาเนียนกอด” เพราะอารมณ์ยังหงุดหงิด ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ไหนจะคำพูดห่ามๆ เมื่อกี้อีก พาลให้อารมณ์เสีย “ขอโทษ... ที่เมื่อคืนปล่อยให้กลับคนเดียว” ไม่รู้ว่าเพราะเห็นสีหน้าเหวี่ยงๆ ของฉันรึเปล่า ทำให้เขาพูดแบบนั้นออกมา “….” ฉันไม่ตอบ เสมองไปทางอื่นแทน “โซล ขอโทษนะครับแก้มใส” เสียงหวานมาเชียว ตึกตักๆ บ้าจริง เล่นมาใช้ลูกอ้อนแบบนี้ ฉันก็ติดกับน่ะสิ “มาเพื่อขอโทษแค่นี้ ไม่ต้องมากอดก็ได้ ปล่อยเลย!” ฉันพูดเสียงแผ่วเบาเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายออกไป “แล้วอยากให้ทำอะไรไถ่โทษดีล่ะ หื้ม” โซลไม่ถามเปล่า เขายื่นหน้าที่อยู่ใกล้อยู่แล้วเข้ามาใกล้หน้าฉันยิ่งกว่าเก่า สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดที่ใบหน้า ไหนจะจมูกที่อีกไม่ถึงเซนก็จะชนกัน กรี้ดดดด!!! แบบนี้ไม่ดีต่อหัวใจอย่างแรง “ปะ เปล่า ไม่อยากได้อะไร ปล่อยเลย อึดอัด” พูดไปมือก็แกะมือตุ๊กแกเขาที่กอดรั้งเอวคอดออก แค่ฉันนั่งบนตักเขามันก็รู้สึกหวิวๆ แล้ว ยังจะมาทำตาหวานเยิ้ม สายตาส่อแววหื่นๆ ให้ฉันอีก “ก็ได้ ที่ยอมเพราะรู้ว่าผิดหรอกนะ” เขาพึมพำอะไรไม่รู้เบาๆ ฉันฟังไม่ค่อยได้ศัพท์เท่าไหร่ แต่ก็โล่งอกไปที โซลยอมปล่อยฉันออกจากตักแล้ว “หิว มีไรให้กินเปล่า เมื่อคืนไม่ได้กินไรทั้งคืนเลย” ส่งสายตาละห้อยมาเชียวนะ เห็นคอนโดฉันเป็นร้านอาหารหรือไง “ทำไมไม่กินล่ะ มัวแต่รีบไปหาสาวสิท่า” ประโยคแรกฉันพูดเสียงดังฟังชัด แต่ตอนท้ายพึมพำคนเดียวเบาๆ ไม่ให้เขาได้ยิน “อยากกินฝีมือแฟน ขอเป็นข้าวผัดกุ้งแล้วกัน” ทั้งเสียง ทั้งสายตา อ้อนมาเชียว ทำอย่างกะแมวน้อยขอปลาย่างงั้นแหละ “อื้ม รอแป๊ปนะ เดี๋ยวทำให้” โชคดีแค่ไหน ที่ฉันทั้งรักดอกไม้และชอบทำอาหาร เลยทำให้มีวัตถุดิบครบครัน ทำให้เขาทานได้สบายๆ หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ เราก็มานั่งดูหนังกันเรื่อยเปื่อย เพราะไม่รู้จะทำอะไร ในห้องฉันก็ไม่มีอะไรให้ทำซักเท่าไหร่นี่นา นี่อย่าคิดลึกนะ ฉันไม่ได้อยากทำอะไรๆ อย่างที่ทุกคนคิดนะ “คืนนี้นอนด้วยนะ” จบประโยคชวนสยิว ฉันรีบหันขวับกลับไปมองหน้าเจ้าของประโยคคอแทบเคล็ด “...” ดูหน้าเจ้าของประโยคเมื่อกี้สิ ตายังมองจอทีวี ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับคำพูดสองแง่สองง่ามเอาซะเลย พอฉันไม่ยอมส่งเสียงตอบ เขาก็พูดขึ้นมาอีก “ตกใจอะไร ทำยังกะไม่เคยนอน” “ปะ เปล่าสักหน่อย มะ ไม่ได้ ตกใจไม่มี้” เสียงสูงเพื่อ? “เหอะ!!” เขาแสยะยิ้มมุมปาก นี่อย่าบอกนะว่าไม่เชื่อฉันน่ะ “พอดีเหนื่อย เพิ่งกลับจากโรงพยาบาล คืนนี้ช่วยนวดให้หน่อยนะ” จ้าพ่อทูนหัว ฉันจะไม่คิดอะไรเลย ถ้าเขาไม่เน้นเสียงคำว่า ‘นวด’ แล้วก็แลบลิ้นเลียมุมปาก ฟุบ ตุ้บ!!! “ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ” ฉันรีบปารีโมททีวีใส่อกเขาไปเต็มๆ ก็กลบเกลื่อนใบหน้าที่แดงก่ำไปถึงหูของตัวเองนั่นล่ะ “เฮ้ย ยัยบ้า เจ็บนะ” “เออ เจ็บไง ตั้งใจให้เจ็บ อยากพูดจาทะลึ่งทำไมล่ะ” แค่คิดทำไมเสียงถึงออกไปได้ล่ะ ฮือๆ แบบนี้เขาก็รู้สิว่าฉันมันหื่น เป๊าะ!! “คิดทะลึ่งไปถึงไหน ยัยเฉิ่ม” ไม่พูดเปล่านะ เขาดีดหูฉันทีหนึ่งด้วย อะไรกัน เขาต้องดีดหน้าผากกันไม่ใช่ไง? “โอ้ย! เจ็บ” ฉันร้องเสียงลั่นห้อง “ก็เธอคิดอะไรอยู่ล่ะ ถ้าไม่คิดก็แล้วไป” อะไรกัน สายตาล้อเลียนนั่น “แล้วเมื่อกี้เรียกแก้มว่าไรนะ” พอเขารู้ทันเลยเปลี่ยนเรื่องซะเลย “ยัยเฉิ่ม อะนะ?” ถามกลับมาแบบหน้าตายมาก “ก็เธอเฉิ่มจริงอะ ยกเว้นตอน... อยู่ข้างล่าง” พูดแล้วก็ยิ้มมุมปาก แววตาเหมือนหมาป่ากำลังถูกใจเหยื่องั้นแหละ คิดลึกอีกแล้วสิท่า “ถ้ายังไม่หยุดพูดจาทะลึ่ง แก้มจะไม่คุยด้วยแล้ว” ไม่ไหวๆ รับมือไม่ทันโซลเวอร์ชั่นนี้บอกเลย เหมือนวันนี้เขาจะรุกเรื่องใต้สะดือและถึงเนื้อถึงตัวฉันเยอะเกินไปแล้วนะ หมับ พึ่บ!! “อ๊ะ โซล” พอทำหน้างอนใส่ โซลก็คว้าหมับที่เอว ฉุดรั้งฉันขึ้นมานั่งที่ตักเหมือนตอนแรก “โอเคครับ ไม่พูดก็ไม่พูด” ตึกตักๆ หัวใจจะวายตายจริงๆ วันนี้ “แต่ทำเลย ได้ใช่ไหม” คนละเรื่องแล้ว เข้าใจคนละเรื่องแล้วเหอะ ฉันให้เลิกพูดไม่ได้หมายถึงให้ทำเลย เพี้ย!! “บะบ้า ใครจะยอม” ฉันตีไหล่เขาเบาๆ “เขินอะไร ก็เคยๆ กันอยู่... โอ้ย พอ อย่าหยิก” ใครสอนให้พูดเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิง ฉันเลยหยิกต้นแขนเข้าให้ ทั้งสองข้างเลยด้วย “บอกให้ เลิกพูดๆ สมน้ำหน้า” พอหยิกเขาพอใจแล้ว เลยบ่นออกไป “คำตอบล่ะ” โซลใช้สองมือประคองจับใบหน้าให้หันกลับไปสบตาเขา ครั้งนี้แววตาเขาดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง โซลคนเดิมกลับมาแล้วสินะ “คะ คำตอบอะไร ไม่! ห้าม! แม้แต่จะคิด” ฉันปัดมือเขาออกจากใบหน้า พร้อมกับชี้หน้าส่งสายดุห้ามเขา “ขอแล้วนะ แถมขอดีๆ แล้วด้วย” เหมือนเขาพึมพำอะไรคนเดียว ฉันเห็นปากเขาขยับแต่เสียงมันเบามาก ขนาดอยู่ใกล้ๆ ยังไม่ค่อยได้ยินเลย “เมื่อกี้ว่...” กำลังจะอ้าปากถามประโยคเมื่อกี้ของเขา “ไม่ให้ งั้นไม่แกรงใจแล้วกัน” ยังไม่ทันตั้งตัว โซลก็ประคองใบหน้าฉันให้เชิดขึ้น โน้มปากจูบลงมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้เร่งเร้าแต่ค่อยๆ ละเลียดปลายลิ้นหยอกล้อที่ริมฝีปาก ใช้ฟันหน้าขบกัดริมฝีปากเบาแรงสลับกัน พยายามใช้ลิ้นดุนดันระหว่างกลางริมฝีปากบนและล่างเป็นเชิงบอกให้ฉันเปิดช่องว่างให้เขาเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นหวานข้างในของฉัน “อืม” โซลครางอื้ออึงออกมาเหมือนกับชอบใจที่ตอนนี้ลิ้นของเขาเข้ามาในโพรงปากสำเร็จ จากรสชาติจูบเรียบๆ เนิบนาบ ตอนนี้กำลังเปลี่ยนเป็นรุกเร้า รุนแรง ลิ้นอุ่นร้อนไล่กระหวัดหยอกเย้าลิ้นนุ่มแสนหวานของฉัน เขาทั้งดูดดุนดูดกลืนความหวานจากริมฝีปากนี้ “อื้อ อ่ออ่อน (พอก่อน)” ฉันรู้สึกหายใจไม่ทัน เลยใช้มือตีไหล่และร้องประท้วงเขาเบาๆ ในลำคอ เฮือก!! ฉันสะดุ้งเฮือกตัวโยน เมื่อเขายอมให้ฉันได้สูดอากาศเข้าปอด “พะ พอก่อน ไม่นะ” พอปากปล่อยออกจากกัน เขากลับลากไล้ริม-ฝีปากนุ่ม ลากไล้เลียหลังใบหู ดูดดุนซอกคอขาว ไล้ลงมาเรื่อยๆ จนถึงต้นคอ “อึก จะเจ็บ” โซลกัดคอฉัน บ้าชิบ ต้องเป็นรอยฟันแน่ๆ “อา อืม” เขาครางกระเส่าออกมาเบาๆ เหมือนพอใจที่ทำฉันเจ็บได้ จากนั้นก็ใช้ลิ้นลากเลียจุดที่กัดเมื่อกี้ มันยิ่งเพิ่มความสยิวให้กับร่างกายฉันยิ่งขึ้น “อื้ม หอม” เขาพึมพำอะไรสักอย่างออกมา แต่ปากก็ยังง่วนอยู่กับการจูบลากไล้ไซ้ซอกคอฉันอยู่ จากซ้ายเลื่อนไปบดจูบฝั่งขวา มือไม้ที่ตอนแรกประคองโอบใบหน้าไว้ เริ่มจะซุกซนลากเลื่อนไปที่ใต้สาบเสื้อ “ซะ โซล หยะ หยุดก่อน” พอสัมผัสได้ว่ามือเขาเลื่อนไล้อยู่ตรงไหน ก็รีบเอ่ยปากห้ามทันที “นิดเดียว สัญญา” บ้าบอที่สุด ได้แต่ด่าเขาในใจ “อึก มะ ไม่ได้นะ ตรงนั้น อย่า อึก” ฉันได้แต่กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ มือหนึ่งก็พยายามดึงรั้งมือหนาที่กำลังหยอกเย้ากับอกอวบอิ่มของฉันแบบเมามัน มือไวจริงๆ เมื่อกี้ยังอยู่แค่สาบเสื้อเองนะ “อา อืม” โซลส่งเสียงครางออกมา เขาคงรับรู้ว่าตอนนี้ร่างกายฉันมันรู้สึกยังไง “เธอ น่ากินมากเลยแก้ม อืม~” เขาพูดพึมพำอะไรสักอย่างที่ตอนนี้ฉันฟังไม่รู้เรื่องแล้ว เพราะสติเริ่มจะเลือนราง กับสัมผัสที่กำลังปลุกสัญชาตญาณดิบในกายให้ลุกโชน “อา มะ ไม่นะ อย่าบีบ” ปากฉันสั่งให้เขาหยุดมือที่กำลังนวดเฟ้นหน้าอกข้างซ้าย ทั้งๆ ที่บราเซียร์ยังอยู่ครบ แต่สัมผัสกลับร้อนรุ่มเหมือนเขาสัมผัสผิวเนื้อโดยตรง “อ๊ะ อ่า” ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ร่างกายนี้มันควบคุมไม่ได้แล้ว บ้าฉิบ “อื้ม นุ่ม” พะ พูดบ้าอะไรของเขาเนี่ย มือบีบหน้าอก เสียงบรรยายไม่ต้องมาได้ไหม แค่นี้ร่างกายฉันก็จะละลายอยู่แล้ว “พะ พอแล้ว อ๊ะ อ่า” นี่ฉันสั่งให้เขาหยุดกี่ครั้งแล้ว “ตกลงจะให้พอหรือจะคราง เอาให้แน่สักอย่าง” เสียงพูดของโซลกระเส่าตามแรงอารมณ์ที่กำลังจะหยุดไม่อยู่ บ้าจริง! ฉันเป็นแบบนั้นเพราะใครล่ะ “อ๊ะ ซะ โซล” อยากจะตอบเขาไปว่าให้หยุด แต่ปากไม่รักดี ดันส่งเสียงครางออกไปแทนซะงั้น งับ!! มันเจ็บ รู้สึกวูบวาบ ตอนที่โซลงับปากเข้ากับเนินเนื้อตรงอกข้างซ้ายฉันเต็มแรง พร้อมกับฝากฝังคมเขี้ยวเอาไว้ “อื้อ เจ็บ อย่ากัดสิ” เสียงสั่งห้ามไม่ได้ทำให้โซลหยุดเลย ไม่ได้นะ ถ้าหากเขายังไปต่อแบบนี้ ฉันว่า... กึก~ ให้ตายสิ กำลังสับสนกับความคิดอยู่ดีๆ โซลก็ปลดตะขอบราเซียร์ฉันออกอย่างไว จากนั้นก็ผลักฉันลงไปนอนที่โซฟาแทนการนั่งบนตักแกร่ง “ซะ โซล อย่า ถะ ถอด” ปากสั่งห้าม สองมือตามไขว่คว้ามือปลาหมึกของเขาที่ พยายามล้วงเข้าไปในกระโปรงเพื่อที่จะไปสัมผัสกับจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกายฉัน “อย่าขัด” ให้ตายสิ ยังจะมีหน้ามาทำเสียงหงุดหงิดใส่ฉันอีก “อื้อ แก้ม ไม่เอานะ พะ พอแล้ว” ปากสั่งห้าม แต่รู้เลยว่าร่างกายตอนนี้ต้องการเขามากเพียงใด “อ๊ะ อ้า บะ เบาๆ เจ็บ” เขางับเข้าที่ยอดอกฉันเบาๆ เชิงหยอกล้อ ค่อยๆ ใช้ลิ้นร้อนชื้นลากเลียวนที่ปลายยอดปทุมที่ชูชัน มืออีกข้างก็ทำหน้าที่บีบเค้นเคล้าคลึงอกอวบอีกฝั่งที่ปากเขาไม่ได้ครอบครอง “อื้ม หวาน” เสียงแหบปนเซ็กซี่ ลมที่ออกจากปากหนาของโซลกระทบกับผิวเนื้อที่เปลือยเปล่า ยิ่งเรียกขนในกายให้ลุกชันยิ่งขึ้น “ซะ โซล” ไม่ไหวแล้ว สติฉันตอนนี้เรือนรางเต็มที ร่างกายกำลังบอกว่า ฉันต้องการมากกว่านี้ ให้ตายเถอะร่างกายนี้มันของฉันหรือของเขากันแน่ ถึงได้ตอบสนองเขาไปซะทุกการกระทำเลย “อื้ม ซีด~” จากดูดดุนเล่นลิ้นกับหน้าอกอวบได้พักใหญ่ๆ โซลก็เคลื่อนหน้าออกมา ลากไล้ปลายลิ้นลงมาถึงแอ่งสะดื้อ ใช้ปลายลิ้นร้อนชื้นหยอกเย้า แหย่แอ่งสะดื้อเล่น นั่นยิ่งทำให้ขนในกายลุกชันกว่าเดิมหลายเท่า “อ๊ะ อ้ะ ซะ โซล” มือไม้ฉันเริ่มจะหยิก จิก ทึ้งเส้นผมเขา เพื่อผ่อนปรนความสั่นสะท้าน และลงแรงมากขึ้นเผื่อเขาจะเจ็บแล้วเลิกรังแกฉันสักที “อ่า อืม ฉัน... หยุดไม่ได้แล้ว” ไม่พูดเปล่าแต่เขา หมับ!! “อ๊ะ” ฉันตกใจรีบคว้ากอดรอบคอเขาไว้ ก็จู่ๆ โซลก็อุ้มฉันขึ้นจากโซฟาแล้วพาเดินเข้าห้องนอนทันที “มะ ไม่นะ” แม้รู้ว่าห้ามไปเขาก็คงไม่ฟัง แต่ก็ยังพยายามเอ่ยห้าม แกร๊ก ปัง!@!! และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่สมองฉันรับรู้มันได้ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD