“อื้มไม่เคยบอก” เพิ่งบอกครั้งแรกนี่ล่ะ ฉันต่อคำนี้ในใจ
“โซลหายไปไหนมาเหรอตั้งเกือบอาทิตย์แถมติดต่อไม่ได้ รู้มั้ยแก้มเป็นห่วงม..” ฉันยังพูดคำว่า ‘มาก’ ไม่จบ โซลก็หันขวับมามองเหมือนหงุดหงิด
“โรงพยาบาล”
“ระ โรงพยาบาล” ฉันเบิกตากว้าง ตกใจกับสิ่งที่เขาบอก เขาเป็นอะไรทำไมต้องเขาโรงพยาบาล
“ญาติ” อ้อ! ที่แท้ก็ญาติเขา ฉันตกใจหมด
“พอดีญาติฉันประสบอุบัติเหตุน่ะ” โซลขยายใจความให้ฟัง ทำให้ฉันอดถามต่อไม่ได้ “อุบัติเหตุเหรอ?!”
“อื้อ พอดีมันถูก ผู้หญิงแพศยาล่อลวง”
เฮือก!! ร่างกายฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อได้สบกับสายตาเฉือดเฉือนเหมือนอยากจะฆ่าใครให้ตายที่โซลใช้มองมาที่ฉัน
“มะหมายความว่าไงเหรอ... เอ่อ ขอโทษที่ถามนะ” ดูสีหน้าโซลเหมือนไม่อยากจะเล่า ฉันเลยขอโทษเขาไป ทั้งๆ ที่ฉันอยากจะรู้ใจจะขาด
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้... ก็แค่ตอนนี้ล่ะนะ” ประโยคแรกฉันได้ยินชัด แต่คำท้ายๆ มันเบามากจับใจความไม่ได้ “นี่! แก้มใส” จู่ๆ เขาก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ ฉัน
“อะ อะไร” แล้วฉันจะติดอ่างทำไมเนี่ย
“ขอถามอย่าง ถ้าสมมตินะแค่สมมติ”
“...” ฉันไม่ได้พูดขัดอะไรเขารอให้โซลถามต่อให้จบก่อน
“ถ้าเธอรู้ว่าผู้ชายคนหนึ่งมีแฟนอยู่แล้ว เธอ” เขาจ้องตาฉันไม่กระพริบก่อนจะพูดต่อ “จะยอมเป็นมือที่สามไหม”
“ทะทำไมถามแบบนี้ล่ะ” ฉันไม่เข้าใจคำพูดและสายตาที่เขาสื่อออกมา
แววตาเขาตอนนี้เหมือนกำลังจะเค้นหาคำตอบ หรือความลับอะไรที่ฉันซ่อนไว้จากแววตาฉันงั้นล่ะ
“ตอบสิ”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนถ้ารู้ว่าผู้ชายคนนั้นเขามีเจ้าของอยู่แล้ว อยากจะไปเป็นมือที่สามหรอกนะ ถ้าหากว่าผู้ชายคนนั้นเขายอมบอกตรงๆ” ฉันจ้องตาโซลตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่หลบสายตาเขาแม้สักนิด
“เหอะ!!” โซลหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนกับคำตอบฉันมันเป็นอะไรที่น่าสะอิดสะเอียนงั้นแหละ
“ก็ขอให้มันจริง!!” เขาพูดออกมาเรียบนิ่ง แต่ฉันได้แต่เงียบอีกครั้ง
“หน้าซีด? ฉันล้อเล่น ฉันเชื่อว่าเธอไม่ทำ” โซลพูดกับฉัน รู้สึกเหมือนเขาจะเน้นคำว่า ‘เชื่อว่าฉันไม่ทำ’ ยังไงไม่รู้ หรือว่าฉันแค่คิดมากไปเอง
หมับ!! โซลพูดจบก็คว้าเอวคอดของฉัน ลากเข้าไปชิดตัว เขาโอบกอดฉันไว้แน่น แต่ทำไมฉันไม่รู้สึกอบอุ่นเลยสักนิด มันเย็นวาบเหมือนน้ำแข็ง
“โซล” ฉันไม่รู้จะพูดอะไร มันไม่มีความเขินอายออกมา แต่เป็นความสั่นกลัวสะมากกว่า อ้อมกอดนี้มันดูอันตราย สัญชาตญาณฉันบอกแบบนั้น
Rrrrrrrrr
ระหว่างบรรยากาศที่กำลังอึออัดนี้ เสียงโทรศัพท์โซลก็ดังขึ้น
“ว่าง อื้ม เดี๋ยวไปหา ที่เดิมนะ” โซลรับสายพูดไปแล้วก็มองหน้าฉันไป เพราะโซลโอบกอดฉันแนบอกเขา ทำให้ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงปลายสายเล็ดลอดออกมาเบาๆ
“ฉันมีธุระเธอกลับเองได้ใช่ไหม” ฉันได้แต่นิ่งอึ้งไม่ตอบ อยากถามว่าปลายสายเป็นใครแต่ไม่ทัน เพราะพอพูดจบเขาก็เดินออกไปทันที ไม่สนใจจะฟังคำตอบฉันสักคำ
“อึก ฮึก” น้ำตาฉันไหลลงอาบแก้ม นี่ฉันร้องไห้งั้นเหรอ
แค่ได้ยินเขาคุยกับผู้หญิง แล้วเหมือนรีบร้อนออกไปหาโดยทิ้งฉันไว้ที่คลับนี่คนเดียวเองนะ ทำไมฉันต้องอ่อนแอแบบนี้ด้วย
ความคิดบวกลบตอนนี้กำลังตีกันมั่วไปหมด ฉันกำลังสับสนมาก ถ้าหากสายที่เขารับเมื่อกี้ไม่ใช่เสียงผู้หญิงและเขาไม่ดูรีบร้อนออกไปขนาดนั้น ฉันคงไม่คิดมากแบบนี้
[Seoul’s part]
ผมที่กำลังเดินตรงดิ่งไปที่รถที่จอดไว้ที่โรงจอดรถของทีเองคลับหลังจากที่ชิ่งหนีผู้หญิงแพศยาตัวดีให้นั่งอยู่คนเดียวที่นั่น
“หึ” คิดแล้วก็กลั้นหัวเราะไม่ไหว สะใจชะมัดตอนที่เห็นสีหน้าเอ๋อๆ ของยัยนั่น
ตู้ด ตู้ด เสียงรอสายจากปลายสายที่ผมเพิ่งกดโทรออกดังอยู่สองสามที
[ว่า] สั้น กระชับ เย็นชา นี่แหละไอ้ยูกิ
“มาที่คลับที มีเหยื่อแชร์ต่อ” ผมบอกไอ้ยูกิทันทีที่มันรับสาย
[เหยื่อ?] เสียงไอ้ยูกิตอบกลับแบบงงๆ
“เออ จะเอาไม่เอา” ผมถามมันกลับ
[สวย?] แม่งจะกลัวดอกพิกุลแช่แข็งมันร่วงหรือไงวะ
“มาเดี๋ยวก็รู้เอง เอาไม่เอา จะได้แชร์ไอ้เอฟวันแทน” ลีลาดีนัก แม่ง!!
[ที่คลับ?]
“เออ ที่คลับ ไปถึงแล้วก็ถามหาคนที่มากับกูวันนี้ เดี๋ยวเด็กพาไปหา แต่หล่อนจะอยู่รอมึงไหม... กูไม่เฟิม หึ” อย่างที่พวกคุณๆ กำลังคิดนั่นแหละ ตอนนี้ผมกำลังแชร์แก้มใสให้ไอ้ยูกิเคลมต่อ แต่จะชวดหรือโชค ขึ้นอยู่ที่ดวงมันอีกที
[เหี้ย... เหมือนเดิม] เสียงตอบกลับมาของมันแม่งนิ่งมาก
“ขอบคุณครับที่ชม” ผมตอบกลับแบบไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของมัน
ก็นะ กลุ่มพวกผมหกคนก็สันดานแบบนี้ล่ะ เป็นพวกชอบแชร์มีอะไรก็แชร์ๆ กัน ยิ่งผู้หญิงแชร์กันเป็นว่าเล่น แต่ก็มีกฎอยู่ว่าถ้าคนไหนแม่ของลูกห้ามยุ่ง
อ้อ สงสัยสิว่าทำไมผมถึงบอกว่าหกคนทั้งๆ ที่กลุ่มผมตอนนี้มีแค่ ผม เฮียไททัน เอฟวัน และ ยูกิ เพราะอีกสองคนคือ
หนึ่ง คนที่ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล
และอีกคนคือเพื่อน... ที่ไม่สนิทแล้วตอนนี้
@โรงพยาบาลxxx
หลังจากโทรให้ไอ้ยูกิไปหาแก้มใส ผมก็ขับรถมาสถานที่ๆ นัดเจอกับปลายสายตอนแรกทันที ก่อนเข้าไปห้องคนป่วย ผมก็มักจะแวะถามพยาบาลหรือหมอคนไข้ของ ’มัน’ ตลอดว่านอกจากพวกผมแล้วมีใครมาเยี่ยมมันอีกมั้ย
แต่ก็มักได้คำตอบเหมือนเดิมคือ ‘ไม่มี’ และที่ไม่มีเพราะ พ่อแม่ของพวกเราจากไปตั้งแต่พวกเราอายุ 15 ปีแล้วยังไงล่ะ
จังหวะที่เดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยที่คนปลายสายรอผมอยู่ มือกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูก็ต้องชะงักค้าง
“โรม” เสียงหวานๆ แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
“เมื่อไหร่จะฟื้นคะ ฮึก ด้ารออยู่นะ” น้ำเสียงที่สั่นๆ ของเธอยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ “งานหมั้นของเราก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย ฮึก โรมจะทิ้งด้าไว้คนเดียวเหรอ? โรมใจร้าย ฮือๆ” ผมไม่ชอบน้ำตา และน้ำเสียงเศร้าๆ ของเธอเลย ให้ตายสิ!!
“ไม่สิ ถ้าไม่มีนังนั่นเข้ามาโรมก็คงไม่เป็นแบบนี้”
น้ำเสียงเจ็บแค้นของเธอกระตุ้นเพลิงโทสะในร่างกายผมให้ร้อนโชนขึ้น
“เพราะนังแพศยานั่นคนเดียว อึก ฮึก”
“ทำให้โรมต้องเป็นแบบนี้ ฮือๆๆ”
ฉึก!!! มันเจ็บจนจุกถึงขั้วหัวใจทุกครั้งที่ผมเห็นภาพนี้ การเห็นน้ำตาของคนที่ผมรักต้องหลั่งไหล เห็นแววตาที่เจ็บปวดและเศร้าหมองของเธอ มันทำให้หัวใจผมแทบแหลกลาน
“รออีกนิดดาด้า ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะได้ชดใช้ในสิ่งที่ก่อแล้ว” ผมกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดนูน รู้สึกชาไปทั้งกำมื
ผมแค้นยัยนั่น ผมไม่ปล่อยเธอมีความสุขได้นานหรอก
แอ้ดดด!!!
“รอนานมั้ย” ผมแกล้งทำทีเหมือนเพิ่งมาถึงแล้วถามเธอออกไป
“...” เธอไม่ตอบ แต่ส่ายหน้าให้ผมแทน
“หมอว่าไงบ้าง”
“อาการทรงตัว ไม่มีโรคแทรกซ้อน แต่...” ผมรู้ว่าเธอจะพูดอะไร เพราะหมอก็บอกแบบนี้ประจำ
‘คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ แต่เหมือนคนไข้จะไม่ยอมสั่งให้สมองฟื้นตัว น่าจะมีภาวะกระทบกระเทือนทางสภาพจิตใจขั้นรุนแรง เลยทำให้คนไข้ไม่ยอมฟื้น’
“ไม่ร้องนะครับ คนเก่ง” ผมเอื้อมมือไปลูบผมนิ่มๆ ยาวถึงกลางหลังดาด้าเบาๆ เพื่อปลอบโยนเธอ
“อึก ฮึกๆ” ดาด้าเอาแต่ร้องไห้แบบนี้ ผมก็ยิ่งเจ็บปวด
“มันต้องฟื้น ฉันเชื่อแบบนั้น และเธอเองก็ต้องเข้มแข็งนะดาด้า”
ก็ทำได้แค่ปลอบใจ คนไม่มีสิทธิ์อย่างผมก็ทำได้แค่นั้นแหละ ผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่โต๊ะข้างเตียงคนป่วยคือคนที่โทรหาผมตอนอยู่ที่คลับกับแก้มใส
เธอกับไอ้โรมเป็นแฟนกันและมีแพลนว่าจะหมั้นกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุนั้นขึ้น
และดาด้าคือรักแรกของผม รัก... ที่ผมไม่อาจไขว่คว้าได้ เพราะเธอมีเจ้าของแล้ว และคนที่เป็นเจ้าของเธอผมจะไม่มีวันหักหลังมันเด็ดขาด
ผมรู้ว่าดาด้าเองก็รู้ว่าผมรักเธอแต่เธอเลือกไอ้โรม ทั้งๆ ที่เราหน้าตาเหมือนกัน
“โซล ตอนนี้ด้าเข้มแข็งไม่ไหวแล้ว” ดาด้าพูดกับผมแผ่วเบา พร้อมกับเสียงสะอื้นน้อยๆ “ด้า” ผมได้แต่เรียกชื่อเธอออกมาเบาๆ ไม่รู้จะปลอบใจเธอยังไง
พรึบ!! ดาด้าที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ โผเข้ากอดผมแบบไม่ทันตั้งตัว ผมตกใจหน่อยๆ กับปฏิกิริยาเธอ เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอถึงเนื้อถึงตัวผมแบบนี้
“ด้าไม่ไหวแล้วจริงๆ โซล ฮือ ด้าไม่ไหวแล้ว ด้าอยากตาย ฮึก”
ทำไมๆ ผมถามคำถามนี้ในใจซ้ำๆ ทำไม คนที่ด้าเลือกไม่ใช่ผมและทำไมคนที่ต้องนอนตรงนั้นถึงเป็นมัน ทำไม!!
“ไม่เป็นไรด้า โซลกำลังแก้แค้นให้ด้าอยู่ ใครที่มันทำให้คนที่โซลรักต้องเจ็บ โซลไม่ปล่อยให้มันมีความสุขนานหรอก เชื่อโซลนะ”
“...” ดาด้าไม่ตอบ แต่เธอเลือกที่จะกอดผมแน่นขึ้นเหมือนกับย้ำว่าเชื่อมั่นผมและผมต้องทำสำเร็จ ผมปล่อยให้ดาด้านั่งกอดผมเพื่อทำใจให้สงบสักพักเลยถามเธอ
“แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง ด้าดูซูบไปมากเลยนะ เดี๋ยวไอ้โรมตื่นมาเจอจะตกใจเอา” ผมส่งยิ้มบางๆ พูดแซวเธอไป เผื่อบางทีจะช่วยคลายความเศร้าของคนตรงหน้าได้บ้างและได้ผล
“เธอ... ยิ้มแล้ว” ผมพูดยิ้มๆ ให้กับดาด้า ในที่สุดผมก็ได้เห็นรอยยิ้มที่ผมหลงรักตั้งแต่แรกเจออีกครั้ง
“ขอบใจนะโซล ที่อยู่เคียงข้างด้ามาตลอด” ผมชอบรอยยิ้มเธอ รอยยิ้มที่สดใสเหมือนกับยัยนั่น
บ้าฉิบ! แล้วจู่ๆ ทำไมใบหน้าแก้มใสต้องลอยเข้ามาด้วย บ้าจริง!!
“โซลเต็มใจเสมอเพื่อด้า ก็เราเป็นเพื่อนกันนิ” ผมยิ้มให้เธอ แม้จะฝืนยิ้มเพราะผมไม่ได้อยากได้คำว่าเพื่อนก็ตาม
“จำไว้นะ ต่อให้อะไรจะเกิดโซลจะอยู่เคียงข้างด้าเสมอถ้ามีอะไร ให้นึกถึงโซลคนแรกนะรู้มั้ย หืม” ผมอยากเป็นคนแรกของคนที่ผมรักมันผิดหรือไง?
“แล้วถ้ามากกว่านั้นล่ะ” อยู่ๆ ดาด้าก็เงยหน้าจ้องสบตาผมและพูดประโยคกำกวมออกมา ผมได้แต่ทำหน้าเอ๋อๆ เพราะตั้งตัวไม่ทัน
“มะ หมายถึงอะไร” ผมถามผู้หญิงข้างกายกลับไป
“ก็... มากกว่า เพื่อน” พูดจริงดิ ผมได้แต่ถามเธอในใจ
“ด้าพูดเล่น ฮ่าๆ หน้าโซลตลกมากเลยตอนนี้”
ฉึก!! ทำไมรู้สึกเหมือนถูกผลักตกเหวเลยวะ ที่อกข้างซ้ายเจ็บแบบหน่วงๆ นี่มึงหวังอะไรอยู่วะไอ้โซล
“นี่แน่ะๆ ” ผมแกล้งหยิกแก้มเธอเล่นเพื่อลบความคิดสกปรกของตัวเอง
“โอ๊ยๆ เจ็บนะ อิตาบ้าโซลปะ ปล่อยเลย” ดาด้าค้อนผมที่ถูกแกล้ง
“ด้า” ผมเลิกหยุดแกล้งด้า เข้าสู่โหมดจริงจังทันที
“จำไว้นะ เธอน่ะเหมาะกับรอยยิ้มที่สุด ต่อไปเวลามาหามันเธอต้องยิ้มเข้าไว้ ไอ้โรมน่ะมันชอบรอยยิ้มของเธอ มะ...” ผมเกือบหลุดคำว่า ‘เหมือนกับผม’ ออกไป
“เหมือนกับโซลใช่หรือเปล่า” นี่ดาด้ารู้ว่าผมจะพูดอะไรงั้นเหรอ
“ด้าก็น่าจะรู้ว่าโซลชอบทุกอย่างที่เป็นด้า” ผมตอบผู้หญิงข้างกาย
ใครๆ ก็บอกว่าผมเย็นชา เยือกเย็นแต่ถ้ากับผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ผมก็จะเป็นแบบนี้ล่ะ อ่อนโยนและทะนุถนอมเธอ
“...” ดาด้าพยักหน้ายิ้มๆ แล้วหันหน้ากลับไปมองไอ้โรมอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นลูบผมมันอย่างแผ่วเบา
ให้ตายสิ ผมอิจฉามันจัง ผมอยากเป็นคนที่ถูกเธอทำแบบนั้น แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์
พวกเรานั่งเฝ้าดูอาการไอ้โรมผ่านไปสักพักใหญ่ๆ พอไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีการตอบสนองอะไรในทางที่ดีขึ้นผมเลยจะกลับ
“ด้าจะกลับเลยไหม พอดีโซลมีธุระน่ะเดี๋ยวแวะไปส่งก่อน”
ถามเพราะเป็นห่วงคนตัวเล็กตรงหน้า เผื่อเธอไม่ได้เอารถมามันจะอันตรายนี่ก็มืดแล้วด้วย
“ดีเหมือนกัน ด้านั่งแท็กซี่มา”
“แล้วจะกลับบ้านหรือคอนโด” เพราะดาด้าอยู่ทั้งที่บ้านและคอนโดผมเลยไม่รู้เธอจะไปที่ไหนต่อเลยต้องถามให้แน่ใจ
“คอนโด... โซล ได้ใช่ไหม” ผมเบิกตาโพล่งเพราะตกใจกับคำตอบ
“อะ อะไรนะ ขออีกรอบ” เพื่อความชัวร์เผื่อหูฝาด
“ตามนั้นค่ะ”
อืม... โอเค ผมไม่ได้หูฝาด เธอจะไปคอนโดผม เธออาจจะไม่อยากอยู่คนเดียวให้ฟุ้งซ่านก็ได้ แล้วใจมึงเนี่ยจะเต้นแรงทำซากไรครับ
แหม่! ทำยังกะไม่เคยพาหญิงขึ้นคอนโด เฮ้ย! คนละเรื่องแล้ว
@คอนโดxxx
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ผมก็พาดาด้าแวะซื้ออาหารกลับมาทานที่คอนโด ดูจากท่าทางเธอแล้วคงยังไม่ได้กินอะไร ผอมแห้งลงไปทุกทีแล้วนะจากผู้หญิงที่ดูสวย สดใส ยิ้มเก่ง แต่ตอนนี้เหมือนคนละคน
ยิ่งคิดถึงสาเหตุ ผมก็ยิ่งแค้น แค้นผู้หญิงสารเลวคนนั้น!!
“เดี๋ยวด้าทำเอง โซลนั่งรอที่โต๊ะเลยนะ” ผมไม่พูดอะไร เดินไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าว ไม่นานดาด้าก็ยกจานสปาเกตตี้คาโบนาล่าของโปรดเธอและข้าวผัดกุ้งของโปรดผมมาให้
“นี่ ทานเป็นเด็กๆ ไปได้ เธอนี่ไม่เคยเปลี่ยน กินกี่ทีๆ ก็เลอะตลอด” ผมขำตอนที่ชำเลืองมองดาด้าทานสปาเกตตี้ ยัยนี่ทานทีไร มายองเนสต้องเลอะปากตลอด
“อื้อ เบาๆ สิ เจ็บนะ” ดาด้าทำหน้าเหวี่ยงใส่ เพราะผมแกล้งเช็ดปากให้เธอแรงๆ หึ น่ารักตลอดผู้หญิงคนนี้ แต่ว่า....
แวบ!! อะไรกัน จู่ๆ หน้าแก้มใสก็ลอยเข้ามา ใบหน้าตอนที่เธอยิ้มหวาน หน้าตอนงอนให้ผมเหมือนกับดาด้าตอนนี้ไม่มีผิด
เหี้ยเอ๊ย!!! ผมสะบัดหัวไล่ความคิดที่แว่บเข้ามาออกจากหัว
เป็นบ้าอะไรเนี่ย อยู่ๆ ก็ไปคิดถึงยัยเฉิ่มนั่นอีกแล้ว ได้แค่ครั้งเดียว มึงเป็นบ้าได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะไอ้โซล
หลังจากทานข้าวเสร็จได้สักพัก ผมที่กำลังหาเบียร์ในครัวดื่ม ดาด้าที่นั่งเล่นมือถืออยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นก็เรียกผม “นี่ โซลมาดูนี่เร็ว”
“มีไรน่าตื่นเต้นขนาดนั้น เรียกสะเหมือนเฮียไททันเปิดตัวเมียงั้นแหละ” ก็พูดเล่นไปงั้น อย่างเฮียไททันชาตินี้คงลงเอยที่ใครไม่เป็น
“สงสัยครั้งนี้ไม่ใช่เฮียไททันแล้วล่ะ” ดาด้าตอบกลับพร้อมกับยื่นมือถือเธอมาให้ผมดู
หมับ!!
“อะไรก็แค่ไอ้ยูกิกอดสา...” คุ้นๆ แฮะ ก็รูปที่อยู่หน้าฟีดข่าวเฟสบุ๊คของไอ้ยูกิที่ผมกำลังดูอยู่นี่ไง มันเป็นรูปไอ้ยูกิกำลังโอบกอดผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาวสยายปิดถึงสะโพก ร่างนี่แทบหลอมรวมกันอยู่รอมร่อ
“สงสัยโดนแฟนคลับแอบถ่ายแล้วแท็กมามั้ง… เฮ้! แล้วนั่นเป็นไร กำมือถือด้าแน่นเชียว” เสียงดาด้าทำให้ผมได้สติ
เวรไรวะกู! แค่เห็นไอ้ยูกิกับยัยนั่นผมถึงกับของขึ้นงั้นเหรอ
หมับ!!!
“เอาคืนมาเลย เดี๋ยวพัง” ดาด้าฉวยมือถือเธอคืนไป พร้อมกับทำหน้างอนๆ ใส่
“เหอะ ร่าน” ผมหมายถึงแก้มใสน่ะ ก็ผู้หญิงในรูปที่กำลังกอดกับไอ้ยูกิอยู่คือแก้มใสไงล่ะ
“จะว่าไป ด้าว่าเธอหน้าคุ้นๆ นะ” ดาด้าโพล่งออกมา ทั้งๆ ที่มือก็เลื่อนเล่นมือถือไปด้วย
“ก็คงเหยื่อรายใหม่ไอ้ยูกินั่นล่ะ เธอคงจะเคยเห็นมันควงเล่นมาก่อนมั้งเลยคุ้น” ผมโกหกออกไป ยังไม่อยากบอก ว่านั่นน่ะคือคนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนรักเธอนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ตอนนี้
“อ่าฮะ คงใช่มั้ง” ดาด้าพูดแบบขอไปทีแล้วกลับไปเล่นมือถือต่อ
หลังจากที่เรานั่งเล่น นั่งคุยกันต่อสักพักใหญ่ๆ ผมก็ไปส่งดาด้าที่บ้านเธอแล้วกลับมาอาบน้ำพักผ่อนเตรียมแรงไว้คิดแผนการแก้แค้นยัยนั่นวันพรุ่งนี้
หึ งานนี้เธอต้องเจ็บเจียนตาย ไม่สิ! เล่นให้ตายเลยดีไหมวะ จะได้สาสมกับการผิดศีลข้อสาม แต่ถ้าผมฆ่าเธอ ผมจะผิดศีลข้อหนึ่งแทนเปล่า?
[End part]