ระหว่างทางกลับบ้าน กฤษนัยขับรถไปก็ยิ้มไป เขาไม่ได้บ้า เอ๊ะ หรืออาจจะบ้า เพราะมีความสุขมากเกินไป อารมณ์ดีซะจนไม่คิดจะต่อว่ารถคันอื่นที่บังอาจขับตัดหน้า ไม่ว่ามอเตอร์ไซต์ที่ขับซอกแซกระหว่างติดไฟแดงจนเฉี่ยวกระจกรถ เพราะกำลังคิดถึงแก้มนุ่มๆ ของคนรักที่ได้สัมผัส หลังจากเฝ้ามองและจิตนาการมานานว่าหอมแล้วทำให้ใจสั่นขนาดไหน ปรากฏว่าใจสั่นมากๆ เลยครับ คิดว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อมที่หัว จะว่าผมหื่นก็อาจจะใช่ แต่ผมไม่กล้าทำอะไรเธอบนรถหรอก แต่ถ้าอยู่ที่อื่นก็ไม่แน่ และผมก็ไม่ใช่โรคจิตนะครับ ใครมีแฟนน่ารัก น่ากอดแบบน้องออมก็ต้องหวั่นไหวเป็นธรรมดา ทว่านั่งยิ้มได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะคนมีความสุขซะก่อน
"บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่อย่าโทร.มาอีก" กฤษนัยบอกปลายสายด้วยความไม่พอใจ
"อย่าดุแพรสิคะ แพรขอโทษ ตอนนี้แพรมานั่งดื่มอยู่ที่ร้านเดิมของเรา เลยคิดถึงพี่กฤษ แล้ววันนี้แพรก็ไปชอปปิงมาด้วย พวกเสื้อผ้า... ผู้หญิงน่ะค่ะ" ปลายสายทำเสียงยั่วยวน ส่วนเขาก็รู้ทันทีว่าเธอจะสื่ออะไร
แพร หรือแพรพิชชา เข้ามาทำงานแผนกดูแลลูกค้าในห้างดิ เอ็มไพร์ของกฤษนัยและหุ้นส่วน ด้วยรูปร่างและหน้าตาที่สวยโดดเด่น ทำให้เขารับเธอเข้าทำงานเพราะเหมาะกับตำแหน่งนี้เป็นอย่างดี และด้วยนิสัยช่างเอาอกเอาใจและช่างเจรจาของเธอ ทำให้กฤษนัยชื่นชอบแพรพิชชามากพอควร แต่เขาไม่เคยคิดจะจริงจังกับผู้หญิงที่เห็นครั้งแรกแล้วอยากมีอะไรด้วย ความลึกซึ้งที่เกิดขึ้นเพียงครั้งคราว จึงเป็นสิ่งที่ทั้งเขาและเธอเข้าใจตรงกันว่าจะไม่มีวันเกินเลยไปกว่านี้
“ผมว่าเราคุยกันจบแล้วนะแพร ต่อไปนี้ผมจะไม่ไปหาคุณอีก” กฤษนัยชี้แจง เพราะตั้งแต่อัญญาให้โอกาสเขา เขาก็รีบจัดการตัดความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่คุยด้วยชั่วคราวให้จบสิ้น เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในอนาคต แต่จะมีก็แต่แพรพิชชานี่แหละที่เขาจบงานได้ยาก เธอมักจะเอาเรื่องความสัมพันธ์ลับๆ มาขู่ว่าจะเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟังหากเขาไม่ไปพบเจอ
"แพรรอพี่กฤษอยู่นะคะ" แพรพิชชายังคงพูดเชิญชวนกฤษนัย เพราะรู้ว่าเขากำลังลังเล
"ผมมีเวลาให้ไม่นานนะ" กฤษนัยเลือกที่จะไปพบเธอ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจะไปทำอะไร นอกเหนือจากไปคุยกับแพรพิชชาให้รู้เรื่อง
“เดี๋ยวแพรไปรอรับหน้าร้านนะคะ”
“ไม่ต้อง เราจะไปคุยกันที่อื่น” กฤษนัยไม่อยากเจอแพรพิชชาที่นั่น เพราะมันเป็นผับและนี่ก็ดึกแล้ว แต่คนฟังนั้นหยุดยิ้มไม่ได้ ถ้าไม่เจอกันที่ร้าน ก็คงจะพาเธอไปโรงแรมประจำของสองเรา
“อีกนานไหมคะกว่าพี่กฤษจะมาถึง”
“ครึ่งชั่วโมง”
“โอเคค่ะ เจอกันนะคะ” เธอรีบวางสายก่อนเขาจะเปลี่ยนใจ แวะเข้าห้องน้ำเพื่อเช็คความสวยของตัวเองให้พร้อมเจอกฤษนัย
"พี่ธี! พี่ธีใช่ไหม" แพรพิชชายืนรอกฤษนัยอยู่ด้านหน้าผับ เธอทักทายธีรนนท์ด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเจอเขาในวันนี้
"แพร! มาเที่ยวเหรอ" ธีรนนท์ตกใจไม่แพ้กันที่เจอเธอที่นี่
"ดีใจจังเลย ไม่เจอพี่ธีตั้งนาน ยังหล่อเหมือนตอนสมัยเรียนเลยนะคะ" แพรพิชชาเอ่ยชมธีรนนท์
นอกจากเขาจะเป็นพี่ชายบ้านใกล้เรือนเคียง ธีรนนท์ยังเป็นรักวัยแรกแย้มของแพรพิชชา เขาน่ารัก นิสัยดี และทำให้เธอตั้งใจเรียนเพื่อที่จะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเขา แต่นานวันเข้าเธอก็รู้ว่าเขาไม่มีวันคิดกับเธอเกินน้องสาว เธอจึงทำใจและหันมารักตัวเองให้มาก
"แพรก็ดูดีขึ้นเยอะเลยนะ แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอ"
"กำลังจะกลับแล้วค่ะ รอพี่ที่รู้จักกันมารับ"
"เดี๋ยวพี่ยืนรอเป็นเพื่อนละกัน ต้องรอเพื่อนด้วย ไปหาที่จอดรถอยู่" ธีรนนท์อาสาอย่างเป็นมิตร ถ้าไม่ติดว่ารู้สึกกับแพรพิชชาเป็นน้องสาวมาตั้งแต่จำความได้ ก่อนหน้านี้เขาอาจจะชอบเธอเหมือนผู้ชายหลายคนที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ด้วยรูปร่างหน้าตา และความช่างพูดช่างเอาใจของแพรพิชชา ใครๆ ก็ต้องตกหลุมรัก
"นั่นพี่แทน เพื่อนสนิทพี่ธีใช่ไหมคะ แพรจำได้"
“โอ้โห! จำได้ด้วย”
“เพื่อนๆ ไปบ้านพี่ธีบ่อยมาก เพราะแม่พี่ธีทำกับข้าวอร่อย” เธอเล่าความหลัง ยิ่งได้คุยก็ยิ่งคิดถึงวันเก่าๆ เพราะต่างคนต่างโตขึ้น ก็แยกย้ายกันไปทำงาน นานๆ จะได้เจอกันสักที
"พี่ธีสบายดีไหมคะ"
"พี่สบายดีครับ น้องแพรล่ะ"
"แพรก็เรื่อยๆ ตามภาษาคนสวยค่ะ"
“ชมตัวเองเลยเหรอ ไม่ให้คนอื่นชมเลย”
“ไม่ได้ชมค่ะ เรียกว่าให้กำลังใจตัวเองจะดีกว่า” เธอหัวเราะคิกคัก ก่อนจะหยุดเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “แป๊บนึงนะคะพี่ธี”
“ครับ” เขาพยักหน้ารับคำขอ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปนิดหน่อย เพื่อไม่ให้เสียมารยาท
"แพรรออยู่ข้างหน้าแล้วค่ะพี่กฤษ... ค่ะ... คิดถึงพี่กฤษจะแย่อยู่แล้ว"
ธีรนนท์ได้ยินคำว่า ‘พี่กฤษ’ ก็รู้สึกสังหรณ์ใจ แต่มันคงจะบังเอิญเกินไป เพราะเวลานี้ ‘พี่กฤษ’ ที่เขาสงสัยคงจะอยู่กับอัญญามากกว่า
"พี่ธี เหม่ออะไรคะ" แพรพิชชาโบกเรียกสติธีรนนท์
"อ๋อ เปล่าหรอก... แฟนจะมารับแล้วเหรอ"
"อืม... ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ เค้าเป็นเจ้านายที่ทำงานของแพรค่ะ"
"ใช่เหรอ เจ้านายจะมารับพนักงานนี่นะ" ธีรนนท์ถามหยั่งเชิง
"ก็... พี่เค้าไม่ได้จริงจังกับแพรหรอกค่ะ แพรก็..."
ธีรนนท์เมื่อได้ยินดังนี้ก็เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของแพรพิชชาและเจ้านายของเธอเป็นอย่างไร
"แล้วตอนนี้แพรทำงานอะไร"
"แพรทำงานที่ห้างดิ เอ็มไพร์ค่ะ พี่ธีเคยไปไหมคะ"
ธีรนนท์บอกตัวเองว่าผู้บริหารของห้างดิเอ็มไพร์อาจจะมีคนชื่อกฤษหลายคนก็ได้ แต่ไหนๆ แล้ว ขอดูหน้าหน่อยแล้วกัน เพราะถ้าเป็นกฤษนัย คนที่เพิ่งได้หัวใจของอัญญาไป เขาจะได้จัดการมันทันที
"อุ๊ย! พี่แทนมาพอดีเลย” เธอโบกมือทักทายธนภพ
“สวัสดีค่ะพี่แทน จำแพรได้ไหมคะ” ยิ้มแป้นถูกส่งให้เขา แต่เหมือนเขาจะลืมเธอไปแล้วแหะ “แพรไงคะ ที่อยู่ข้างบ้านพี่ธี เราเจอกันบ่อยๆ ตอนพวกพี่อยู่ม.ปลาย”
"อ๋อ! น้องแพร ไม่เจอนานเลย สบายดีไหมครับ" ธนภพจำได้แล้ว น้องข้างบ้านของธีรนนท์ ตอนนั้นสวยสะดุดตาจนเพื่อนเขารุมขายขนมจีบ ไม่ได้เจอกันหลายสวยขึ้นไปกอง และเขาจำคนสวยๆ ได้เสมอ
“สบายดีค่ะ พี่แทนก็สบายดีใช่ไหมคะ ท่าทางดูดีเชียว”
“สบายดีครับ แต่ตอนนี้เป็นคนตกงาน แล้วนี่เพิ่งมาถึงหรือกำลังจะกลับ”
"กำลังจะกลับแล้วค่ะ" เธอชี้ไปยังรถหรูที่กำลังขับเข้ามาจอด
แต่คนที่เดินไปหากฤษนัยเมื่อรถจอดสนิทไม่ใช่แพรพิชชา แต่เป็นธีรนนท์ที่เดินไปทุบกระจกรถฝั่งคนขับ สร้างความตกใจให้แพรพิชชากับธนภพไม่น้อย
"ลงมา! มึงลงมา!”
ธีรนนท์เปิดประตูรถด้วยความใจร้อน ดึงตัวของกฤษนัยออกมา ก่อนจะปล่อยหมัดใส่กฤษนัยเต็มแรง
"มึงทำเหี้ยอะไร มาต่อยกูทำไม" กฤษนัยยังไม่รู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าให้แล้ว จึงโวยวายกลับ
"กูทำเหี้ยอะไรเหรอ กูก็จะต่อยมึงไง" ธีรนนท์ปล่อยหมัดใส่หน้ากฤษนัยอีกครั้ง
"กูบอกมึงแล้วใช่ว่าอย่าทำให้ออมเสียใจ แต่นี่มึงกำลังจะไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ทั้งๆ ที่มึงเพิ่งขอออมเป็นแฟน"
"ค่อยๆ คุยกัน ใจเย็นๆ สิวะ" ธนภพเข้าไปดึงตัวของธีรนนท์ออกมา แพรพิชชาก็เข้าไปพยุงตัวของกฤษนัยที่เจอหมัดหนักจนลงไปกองบนพื้น
"มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าเพื่อนพี่มึงทำอะไรที่ร้านอาหาร แต่ยังไม่ทันข้ามคืน มันก็นอกใจออมแล้ว"
"เออ! กูเห็น แต่มึงจะไปยุ่งอะไรกับเค้าวะ ให้เค้าไปเคลียร์กันเองสิ" ธนภพพูดเพื่อตัดปัญหา
"มึงจะยืนดูเฉยๆ ได้เหรอวะ มึงรักเค้า แต่เห็นแฟนเค้านอกใจ มึงจะอยู่เฉยๆ เหรอไอ้แทน"
"มึงใจเย็นๆ” ธนภพพยายามห้ามเพื่อน “แพรพาพี่กฤษกลับก่อนเถอะ ทางนี้พี่เคลียร์เอง"
กฤษนัยยืนกดอารมณ์ อยากตะโกนใส่หน้าธีรนนท์ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้นอกใจอัญญา แค่มาคุยกับแพรพิชชาเรื่องที่ยังค้างคาเท่านั้น แต่พูดไปคงไม่มีประโยชน์ และก็โคตรเซ็งที่โลกกลม น้องของเพื่อนสนิท ดันรู้จักกับศัตรูหัวใจ แต่ถ้าไม่ได้ธนภพคอยห้าม เขาอาจจะโดนต่อยจนหมดสติไปเลยก็ได้
"หยุด!”
ธีรนนท์สั่งแพรพิชชาที่กำลังพยุงร่างของกฤษนัยไปที่รถ ก่อนจะต่อยกฤษนัย แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้ทั้งๆ ที่สามารถทำได้ แต่เขารู้ตัวดีว่าเขาทำผิด สมควรที่เขาจะโดนแล้ว
"โอกาสของมึงจบแล้วนะ กูเตือนมึงแล้วว่ามึงอย่าพลาด กูจะไม่ยอมมึงแล้ว"
กฤษนัยมองธีรนนท์คล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะเงียบและเดินขึ้นรถไป
"ถ้ายังเห็นพี่เป็นพี่อยู่ เลิกทำตัวแบบนี้ซะ พี่ไม่อยากให้เราเสียใจ" ธีรนนท์บอกแพรพิชชา น้องสาวคนนี้เป็นคนดีและมีความสามารถ เธอสามารถอยู่ได้ด้วยสองมือและสองขาของตัวเอง และคู่ควรกับผู้ชายที่ดีกว่ากฤษนัย
“กูกลับละแทน ฝากบอกเพื่อนข้างในด้วยว่ากูไม่ว่าง”
“เออ” ธนภพพูดจบก็ถอนหายใจ มองเพื่อนเดินจากไป ก่อนจะเข้าไปดูอาการกฤษนัยที่ร่างกายไม่เป็นอะไรมาก แค่เลือดกบปากนิดหน่อย แต่จิตใจนี่สิ อาการโคม่าชัวร์
"พี่กฤษ ผมว่าพี่รีบไปเคลียร์กับแฟนพี่ดีกว่านะ เพื่อนผมมันอารมณ์กำลังร้อน ถ้ามันพูดอะไรออกไปมันจะแย่นะพี่ ให้แฟนพี่รู้จากปากพี่น่าจะดีที่สุด ถึงแม้ว่าผมจะมั่นใจว่ามันไม่พูดหรอก แต่ก็นั่นแหละพี่ คนมันกำลังโมโห" ธนภพไม่อยากลำเอียงเข้าข้างใคร จึงพูดไปสองแง่สองง่าม อีกคนก็เพื่อน อีกคนก็พี่รู้จักกันมานาน
“พี่แทนรู้ได้ยังไงคะว่าพี่ธีจะไปบอกแฟนพี่กฤษ” แพรพิชชาสงสัย
“นั่นสิไอ้แทน ทำไมมึงคิดแบบนั้น”
"อ้าวพี่ ก็ห้องเค้าอยู่ตรงข้ามกัน อย่าบอกนะว่าพี่ไม่รู้" เขาพูดตามคำบอกเล่าของเพื่อนเมื่อช่วงค่ำวันนี้
กฤษนัยได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่สบายใจ ตอนนี้เขากระจ่างแล้วว่าทำไมธีรนนท์ถึงยังตัดใจกับอัญญาไม่ได้สักที เป็นเพราะได้เห็นหน้าอัญญาทุกวันทั้งตอนทำงาน และตอนเลิกงานด้วยนี่เอง ทำไมเขาไม่เคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ
"ขอบใจมากนะแทนที่ดูแลพี่ พี่ไปละ" กฤษนัยบอกพร้อมกับโยนผ้าซับเลือดตัวเองทิ้ง "ส่วนแพร... “
”เรื่องของเรา หวังว่าคงจบจริงๆ แล้วนะ เชื่อที่พี่ชายคุณบอกเถอะ ผมขอโทษสำหรับที่ผ่านมาและขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ด้วย" เขาสงสารแพรพิชชาจับใจ เธอไม่ควรมาเจอกับอะไรแบบนี้เลย
"พี่กฤษ..."
"พี่ผิดเองที่ไม่เด็ดขาดกับแพร"
"พี่กฤษ..." เธอเข้ามากอดกฤษนัย เธอพยายามรั้งเขาไว้ แม้รู้ว่าสุดท้ายเขาก็ต้องไปจากเธออยู่ดี
"พอเถอะแพร เชื่อที่ไอ้ธีมันบอกนะ" ธนภพเดินเข้าไปดึงตัวแพรพิชชา ใครจะสงสารใครก็สงสัยไป แต่ช่วยแบ่งความสงสารมาให้ผมสักนิดนะครับ ผมนี่แหละคนซวยตัวจริง แค่จะมาเจอเพื่อนเพื่อกินเหล้า แต่ได้เป็นกรรมการห้ามมวยซะงั้น
"พี่กฤษ..." แพรพิชชารู้ว่าเดินตามเขาไปก็ไม่ได้อะไร รู้ว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ทำใจไม่ได้ น้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย คงยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเธอเสียใจแค่ไหน
"น้องออม นอนหรือยังครับ" กฤษนัยโทร.หาคนรักและพยายามพูดให้เสียงเป็นปกติที่สุด
"ยังค่ะ” เสียงงัวเงียตอบกลับ หลังจากเผลอหลับไประหว่างรอโทรศัพท์จากคนรัก
“ทำไมวันนี้ถึงบ้านช้าจัง รถติดเหรอคะ"
"น้องออม พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย พี่ไปหาได้ไหม"
“ตอนนี้เลยเหรอคะ” เธอดูนาฬิกาด้วยความแปลกใจ อีกไม่กี่นาทีจะเที่ยงคืนแล้ว
"ให้พี่ไปหานะ"
"ก็ได้ค่ะ แต่เสียงพี่กฤษทำให้ออมไม่สบายใจเลย"
"รอพี่นะ เดี๋ยวพี่ไปหา"
"ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ” เธอวางสายพร้อมกับความง่วงที่หายไปหมด โดยที่ความกังวลเข้ามาแทนที่
"พี่กฤษมีปัญหาอะไรนะนมสด คุณแม่เป็นห่วงจัง" อัญญาพูดกับเจ้าแมวนมสดที่นอนสบายอยู่บนตัก
ห้านาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่อัญญากำลังแต่งตัว เธอคิดว่าคงเป็นคนรักโทร.มา แต่ก็ทายผิด
"ว่าไงธี"
"ออม เราโทร.มากวนรึเปล่า"
"ไม่กวน มีอะไรเหรอ"
"เรามีเรื่องอยากคุยด้วย ลงมาหาเราข้างล่างหน่อยได้ไหม"
"ทำไมไม่คุยเลยล่ะ ไหนๆ ธีก็โทร.มาแล้วนิ" อัญญาพยายามปฏิเสธที่จะลงไปหาธีรนนท์ กลัวว่าถ้ากฤษนัยมาเห็นเข้า เขาจะเข้าใจผิด
"นะออม เราขอเวลาแป๊บเดียว"
"โอเค" อัญญาตัดสินใจลงไปหาธีรนนท์ เพราะคิดว่าเขาคงมีเรื่องด่วนที่ต้องคุยกับเธอจริงๆ
"ธี" เธอส่งยิ้มให้เขาในฐานะเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน
"ออม... ขอบคุณที่ลงมาหาเรานะ"
"มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าเครียดขนาดนี้" ปกติเขาจะยิ้มให้เธอเสมอ แต่คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนหน้าของเขาเลย
"คือ..." ธีรนนท์ลังเลในสิ่งที่เขากำลังจะพูด
"มีอะไรก็พูดมาเลยธี" อัญญาใจร้อน เขาอยากรู้จะแย่แล้วว่าจะพูดเรื่องอะไร
"คือ..."
"ธี พูดมาเถอะ"
"คือ..." ธีรนนท์ยังคงลังเลว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นดีไหม ถ้าเขาบอก เธอจะเชื่อเขาหรือเปล่า เขาอาจจะกลายเป็นคนที่ทำลายความรักของเธอก็ได้
"ถ้าไม่พูดเราไปแล้วนะ"
"เดี๋ยวออม!” ธีรนนท์เอื้อมมือไปจับแขนอัญญา
"ว่าไงละธี"
"คือ... วันนี้เราไปเจอแฟนออมมา" ธีรนนท์ตัดสินใจพูดในที่สุด
“ที่ไหน?”
“ร้านอาหาร”
“ถ้าเจอพี่กฤษก็ต้องเจอเราด้วยสิ?” ความคิดของเธอติดอยู่ที่ร้านเมื่อตอนเย็น
"คุณธีไปเจอพี่ที่ผับ" กฤษนัยพูดแทรก “ไม่ใช่ที่ร้านอาหาร”
อัญญาและธีรนนท์หันไปตามเสียงของกฤษนัย เธอมองเขาอย่างพิจารณา ก่อนจะเห็นหน้าตาฟกช้ำและที่มุมปากนั่นเป็นแผลใช่ไหม
"พี่กฤษเป็นอะไรคะ"
กฤษนัยไม่ตอบและจับมือเธอไม่ให้โดนหน้าคราบเลือดบนหน้า
"หลังจากที่พี่ส่งน้องออม พี่ก็ขับรถกลับบ้าน แต่ระหว่างทางพี่เปลี่ยนใจ พี่จะไปหา..."
ธีรนนท์มองอัญญาที่ตอนนี้ทำหน้าสงสัยกับสิ่งที่กฤษนัยพูด
“ไปหาใครคะ”
“พี่ไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง”
"แล้วยังไงต่อคะ พี่กฤษจะบอกอะไรออม" เธอเริ่มใจร้อน มันเป็นต้องเรื่องเดียวกับที่ธีรนนท์จะบอกเธอแน่
"พี่จะไปรับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่น แล้วจะพาเค้าไปเคลียร์”
“เคลียร์อะไรพี่กฤษ”
“เราเป็นแฟนกันแล้ว พี่เลยจะคุยกับเค้า ไปบอกว่าจะไม่มาเจอกันอีก”
“พี่กฤษ...” อัญญาทำได้เพียงเรียกชื่อเขา คำถามเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด
“ออม...” เขาจับมือเธอไว้แน่น ยิ่งเห็นเธอกำลังจะร้องไห้เขาก็ยิ่งเกลียดตัวเอง
“แล้ววันอื่นๆ ที่เราคุยกัน พี่เคยไปเจอเธอไหม” เธอจะให้โอกาส หากห้าเดือนที่ผ่านมาเขาซื่อสัตย์และจริงใจกับเธอเสมอ
“เคย”
“กี่ครั้ง”
“...สอง” กฤษนัยสารภาพความจริง เขาผิดเอง เขามันไม่รู้จักห้ามใจ
"พี่กฤษ..." อัญญาน้ำตาไหล เขาเพิ่งขอเธอเป็นแฟนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง แล้วนี่คือสิ่งที่เขาตอบแทนเธอในวันแรกที่คบกันเหรอ
"พี่ขอโทษ พี่รู้ว่าพี่ผิด น้องออมอย่าโกรธพี่ได้ไหม" เขาจับมือเธอไว้ แต่อัญญาก็สะบัดมือออก ก่อนจะถอยมายืนอยู่ด้านหลังธีรนนท์
เธอไม่อยากให้เขาแตะต้องตัวเธอแม้แต่ปลายเส้นผมหรือปลายเล็บ เธอรู้สึกรังเกียจเขา และรังเกียจตัวเองที่ยอมให้จับมือและหอมแก้ม ยอมให้เขาเข้ามาเป็นคนรู้ใจ
"น้องออม..." กฤษนัยเดินเข้าไปหาคนรักแต่ก็ถูกธีรนนท์บังไว้
"อย่ายุ่งกับออม" เสียงเข้มบอกอย่างเอาเรื่อง
"เรื่องนี้ใช่ไหมที่ธีจะบอกเรา เรื่องที่เค้านอกใจเรา" อัญญาสะอื้น
"ออม วันนี้พี่จะเคลียร์กับเค้าจริงๆ พี่ไม่ได้คิดจะพาเค้าไปทำอย่างอื่นเลยนะครับ”
"แล้วทำไมมึงไม่คุยที่ร้าน มึงมารับเธอไปไหน” ธีรนนท์ถามหาความจริง
"มึงยุ่งเกินไปแล้วนะ!” กฤษนัยเริ่มหมดความอดทน ส่วนธีรนนท์ก็ง้างมือจะต่อยกฤษนัยอีกครั้ง
"อย่าธี! อย่าทำเค้า" อัญญาร้องห้าม เธอเสียใจแต่ก็ไม่อาจทนเห็นเขาเจ็บปวดได้ แค่ใบหน้าช้ำๆ ของเขาตอนนี้ เธอก็ทนเห็นไม่ได้แล้ว
"มึงเห็นไหม! มึงเห็นไหมว่าออมเป็นห่วงมึงแค่ไหน แล้วดูสิ่งที่มึงทำกับออม!” ธีรนนท์ผลักร่างนัยลงไปนอนลงกับพื้น
"พอได้แล้วธี! พอแล้ว" เธออยากจะลงไปช่วยเขา แต่ความรู้สึกเจ็บตอนนี้ มันถ่วงขาไม่ให้ก้าวออกไป
"น้องออม พี่ขอโทษ" กฤษนัยลุกขึ้นยืน พยายามจะเข้าไปหาอัญญา แต่ก็ถูกธีรนนท์บังไว้อีกเช่นเคย
"ผมขอคุยกับออม" กฤษนัยขอร้องธีรนนท์ รอยยิ้มที่เคยสดใสของเธอหายไป เพียงเพราะความไม่เด็ดขาดและไม่รู้จักห้ามใจ แค้นใจตัวเองที่ปล่อยให้ธีรนนท์มีโอกาสได้ปกป้องอัญญา
"ออมไม่คุยค่ะ พี่กฤษกลับไปก่อนนะคะ"
อัญญาบอกด้วยเสียงสะอึกสะอื้น เธอซบหน้าลงบนหลังของธีรนนท์ ไม่อยากให้กฤษนัยเห็นน้ำตาจากความอ่อนแอของเธอ
"ออมขอร้องนะคะ"
“ออม”
“ถอยไป” ธีรนนท์ผลักกฤษนัยเบาๆ
"พรุ่งนี้พี่โทร.หานะครับ" กฤษนัยบอกอัญญาก่อนจะเดินกลับไป
เขารู้ว่าวันนี้อัญญาคงไม่ยอมคุยกับเขาดีๆ จึงตัดสินใจทำตามที่เธอบอก แต่พอขึ้นรถขาก็หมดแรง ไม่สามารถเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ได้แต่มองธีรนนท์ยืนปลอบใจคนรัก และเธอก็ดีเหลือเกินที่ยืนห่างจากธีรนนท์แล้ว
"ที่หน้าพี่กฤษ... ฝีมือธีเหรอ"
"ใช่" ธีรนนท์ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา "ออมโกรธหรือเปล่า ที่เราทำร้ายเค้า"
"เราไม่โกรธหรอก"
"ออมขึ้นไปนอนก่อนดีกว่านะ มีอะไรก็เรียกเรา โทร.มาหาเราก็ได้" ธีรนนท์บอกด้วยความเป็นห่วง เธอควรจะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองและทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
"ขอบใจนะธี ขอบใจที่คิดถึงเราตลอด" อัญญาฝืนส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินหันหลังเข้าประตูที่พักไป
ธีรนนท์รู้สึกดีใจที่ได้ปกป้องอัญญา แต่ยังกังวลและเป็นห่วงความรู้สึกของเธอด้วย เธอต้องเสียใจมาก แต่มันก็แลกกับการที่เธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับกฤษนัย ถ้าเขารู้ว่าเธอยังถูกกฤษนัยปิดบังความจริง เขาต้องบ้าตายแน่ๆ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ และวันนี้เธอได้รู้ว่าเขาห่วงใยและรู้สึกดีๆ กับเธอไม่เคยเปลี่ยน มันก็คุ้มค่ากับเวลาที่เขาเสียไปตั้งห้าเดือนแล้ว
อัญญาแบกหัวใจพังๆ กลับขึ้นห้องก็ต่อสายถึงกมลเนตร เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาครึ่งชีวิต
"กุ๊บกิ๊บ..."
"ว่าไงคะว่าที่คุณนายห้างดิ เอ็มไพร์ แล้วอีกห้างที่เพิ่งเปิดชื่ออะไรนะ เดอะคริสตัลใช่ไหม" ปลายสายถามอย่างอารมณ์ดี
“กิ๊บ...”
ด้วยความที่ทั้งสองสนิทกันมาก เพียงแค่ได้ฟังเสียงของเพื่อนชัดๆ ก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่
"ออม เป็นอะไร ใครทำอะไรแก บอกมา ฉันจะไปจัดการให้” กมลเมตรพรวดพราดลุกจากเตียง อยากหายตัวไปเจอเพื่อนซะตอนนี้เลย
"พี่กฤษเค้า..." เธอพูดต่อไม่ได้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น หายใจแทบไม่ทัน
“ออม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ พูด”
“โอเค” เธอทำตามที่เพื่อนบอก กว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนเข้าใจก็ผ่านไปเกือบสิบนาที แต่โชคดีเพื่อนใจเย็นมากพอที่จะรอ
"ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าแกไม่รู้จะทำยังไงก็ฟังฉันนะ" กมลเนตรบอกหลังจากตั้งใจฟังและวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดอย่างดีแล้ว
"หนึ่ง แกต้องเข้าใจว่า อารมณ์ผู้ชายมันก็แบบนี้แหละ”
"สอง แกเองก็มีส่วนทำให้เค้าไปหาคนอื่น เพราะเค้าทำได้มากสุดแค่จับมือ แต่แกทำถูกแล้ว ผู้หญิงไม่ใช่วัตถุทางเพศ ถ้าแกไม่พร้อม พี่กฤษก็ไม่สิทธิ์ทำอะไรแกทั้งนั้น"
"สาม แต่พี่กฤษทำผิดมาก ที่ไม่รู้จักอดทนอดกลั้น แทนที่จะปลดปล่อยความอัดอั้นด้วยสองมือของตัวเอง กลับไปใช้วิธีแบบตอนยังโสด"
"สี่ ฉันโกรธมาก ที่เค้าทำให้แกเสียใจ"
"ห้า ฉันขอแนะนำโดยที่แกไม่ต้องถาม เลิกซะ!"
"เลิกเลยเหรอกิ๊บ”
“แล้วมีเหตุผลอะไรที่ไม่ควรเลิก หรือว่าแกเชื่อที่เค้าพูดว่าไปรับผู้หญิงคนนั้นเพื่อไปเคลียร์เฉยๆ”
“ก็...”
“แปลว่าแกเชื่อ ถ้างั้นฉันขอพูดอีกข้อ”
“ยังไม่หมดอีกเหรอ”
"หก นี่เป็นแฟนกันวันแรก เค้าก็ทำแบบนี้แล้ว วันต่อๆ ไปล่ะ?"
"เจ็ด”
“ไหนบอกพูดอีกข้อเดียว”
“ฉันจะพูดอีกกี่ข้อก็ได้ คนไม่มีสติอย่างแกมีหน้าที่ฟัง โอเค?”
“โอเค” อัญญาอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้เพื่อนคงยืนเท้าเอวและจินตนาการอากาศเป็นหน้าเธอแล้วแยกเขี้ยวใส่แน่
“ข้อเจ็ด ถ้าแกให้โอกาสเค้าแก้ตัว แล้วแกจะเลิกระแวงเค้าไหม แกเชื่อใจเค้าเหมือนเมื่อก่อนได้หรือเปล่า"
"แปด เจ็บวันนี้ อีกไม่กี่วันก็หายเจ็บ"
"เก้า หายเจ็บเร็ว ก็เริ่มต้นใหม่ได้เร็ว"
"สิบ ฉันเป็นเพื่อนแกมาตั้งแต่ ม.1 ฉันไม่อยากเห็นแกเสียใจ น้ำตาของแกควรเสียให้กับซีรีส์เกาหลีเท่านั้น"
“มีข้อสิบเอ็ดไหม” คนเศร้าถามเมื่อเพื่อนเงียบไป
“ไม่มีจ้า แต่ถ้าคิดได้อีกฉันโทร.ไปบอก”
"ขอบใจนะกุ๊บกิ๊บ" อัญญาซาบซึ้งใจในความรักและความเป็นห่วงของกมลเนตร แม้จะโทร.มาแล้วเหมือนโดนบ่นมากกว่าให้คำแนะนำก็ตาม
"กลับไปคิดนะออม ทบทวนดีๆ แกจะตัดสินใจยังไง ฉันก็อยู่ข้างแกอยู่ดีนั่นแหละ"
"ฉันรักแกนะกุ๊บกิ๊บ"
"ค่ะคุณเพื่อน เอาเวลาบอกรักฉันไปหาคำตอบให้ตัวเองนะ แล้วก็รีบๆ นอนด้วย อย่าให้ผู้ชายทำให้เราหน้าโทรม พอหน้าพังแล้วก็ต้องเสียเงินซื้อครีมบำรุงดีๆ มาทา มีแต่เสียกับเสีย”
“มันเกี่ยวเหรอวะกิ๊บ”
“เกี่ยวสิวะ”
“เกี่ยวก็เกี่ยว”
“ดีมาก นอนไม่หลับก็โทร.นะออม ถึงฉันจะหลับแล้ว แต่ฉันตื่นมารับสายแกแน่ เพราะฉันรักแกมาก”
“โอเค ขอบคุณนะคะ แค่นี้แหละ” เธอวางสายพร้อมรอยยิ้ม
กมลเนตรคือคนที่เคยอยู่ข้างๆ เธอเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เธอค่อยๆ หลับตา คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ดีใจเหลือเกินที่วันนี้เธอกับกฤษนัยมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน แต่เขาก็ทำให้เธอเสียใจ ถ้าธีรนนท์ไม่บังเอิญเจอกฤษนัย ป่านนี้เขาคงมีความสุขอยู่กับผู้หญิงคนอื่นจนลืมเธออย่างสนิทใจ
“น้องออม พี่ขอโอกาสแก้ตัวนะคะ”
ข้อความของกฤษนัยปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์
“ข้อเจ็ด ถ้าแกให้โอกาสเค้าแก้ตัว แล้วแกจะเลิกระแวงเค้าไหม แกเชื่อใจเค้าเหมือนเมื่อก่อนได้หรือเปล่า"
คำเตือนของเพื่อนรักดังขึ้นในหัว เธอสับสนไปหมด เพราะยังรู้สึกดีกับกฤษนัยไม่เปลี่ยน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาดีกับเธอเหลือเกิน แต่ความผิดครั้งนี้มันทำให้เธอเจ็บช้ำจริงๆ
"นมสด คุณแม่ควรทำยังไง" อัญญาหันไปลูบหัวเจ้าแมวตัวยุ่งที่นอนหลับสบายอยู่ข้างๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟนอน แต่จะนอนหลับหรือไม่... เธอไม่รู้เลย
ตลอดทั้งวัน... กฤษนัยพยายามติดต่อกับอัญญาแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งเธอหมางเมินเขาก็ยิ่งใจร้อน อยากจะปรับความเข้าใจ อยากขอโทษ แต่เธอก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย
"โธ่เว้ย!"
กฤษนัยปัดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะอย่างโมโห ลุกจากเก้าอี้และหยิบกุญแจรถบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
"บ่ายนี้ยกเลิกนัดทั้งหมดของผมนะ เลื่อนไปเป็นอาทิตย์หน้า"
กฤษนัยบอกเลขาคนสนิทที่นั่งอยู่หน้าห้อง
"คุณกฤษจะไปไหนครับ" ทรงผลเห็นท่าทีรีบร้อนของเจ้านายก็อดใจถามไม่ได้
"ผมจะไปทำธุระ แล้วเรื่องที่ผมให้จัดไปการ ได้เรื่องหรือยัง"
"เมื่อเช้าคุณอัญญาไปทำงานคนเดียวครับ ไม่ได้ไปกับคุณธีรนนท์" ทรงพลยื่นโทรศัพท์มือถือที่แสดงรูปของอัญญา รอยยิ้มของเธอที่ยิ้มให้กับแม่ค้าขายอาหารที่เธอซื้อประจำยังคงสดใสเหมือนเดิม แต่ดวงตานั้นบอบช้ำ ซึ่งมีสาเหตุมาจากเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
"ขอบคุณมากครับ ตอนเย็นอย่าลืมให้คนของคุณรายงานเรื่องนี้อีกนะ” เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก อดชื่นชมเธอไม่ได้ เธอเข้มแข็งมากที่ยังมีแรงไปทำงาน ต่างกับเขาที่เป็นคนทำให้เธอเจ็บช้ำ ยังไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานได้เกินสองนาที