“เฮ้ย... ถึงหรือยังวะไอ้หมอนัส”
เสียงเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนดังลั่นมาตามสายโทรศัพท์
“ใกล้ถึงแล้ว ว่าแต่มึงมาถึงยัง ไอ้แบงค์”
“กูนั่งรอมึงนานแล้วว่ะ รถติดหรือมึงออกมาช้าวะเนี่ย”
“ขอโทษทีว่ะ กูออกมาช้าเองนั่นแหละ คนไข้คนสุดท้ายมีปัญหา กูเลยเสียเวลาไปหน่อย”
“เออๆ มึงไม่ต้องแก้ตัวแล้ว มึงรีบมาเลยนะ นี่กูนั่งรอมึงจนเหล้าจะหมดขวดอยู่แล้ว”
“โอเค อีกแปบเดียว”
ฐานัสวางสายจากทยากร เขาเร่งความเร็วรถมากขึ้น เพื่อที่จะให้ไปถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด
สักพักเขาก็หักพวงมาลัยรถเข้ามาภายในสถานบันเทิง กำลังวนหาที่จอดรถ แต่ให้ตายเถอะ ยายป้าสติไม่ดีที่ไหนนะเดินตัดหน้ารถกะทันหัน
เอี๊ยดดดดด!
“ว๊ายยยย!”
เสียงล้อรถครูดไปกับพื้นคอนกรีตดังสนั่นหวั่นไหว เขากระแทกลมหายใจออกมาอย่างโมโห เพราะหากเขาเหยียบเบรกไม่ทัน คงได้เป็นฆาตกรฆ่าคนไปแล้ว
ชายหนุ่มเปิดประตูลงมาจากรถ และตรงไปยังร่างของผู้หญิงผมเผ้ายุ่งเหยิงที่กำลังก้มหน้าก้มตาจับข้อเท้าของตนเองทันที
“เป็นอะไรมากไหมครับ”
ความจริงเขาควรจะด่าว่าผู้หญิงคนนี้ก่อนที่จะถามอาการด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาถูกเลี้ยงมาให้เป็นสุภาพบุรุษ ทำให้เขาจำต้องสะกดกลั้นโทสะเอาไว้
“เจ็บ... ข้อเท้าค่ะ”
เสียงของผู้หญิงตรงหน้าแผ่วเบา และเจือสะอื้น เขาย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าของตนเอง พร้อมกับยื่นมือไปกุมข้อเท้าเล็กเอาไว้
“อ๊ะ... คุณจะทำอะไรคะ”
“ขอดูข้อเท้าหน่อยครับ”
ล้อมดาวช้อนตาขึ้นมองเจ้าของมือใหญ่สะอาดสะอ้านทั้งน้ำตา ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงในความหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้า
นี่หล่อนถูกรถชนตายไปแล้วใช่ไหม ถึงได้ขึ้นมาเจอเทพบุตรบนสรวงสวรรค์แบบนี้
พระเจ้า... เขาหล่อ... หล่อวัวตายควายล้ม หล่อราวกับไม่ใช่มนุษย์จริงๆ
ทำไมหล่อได้ขนาดนี้นะ
“คุณ... หล่อจัง...”
คนที่ก้มหน้ามองข้อเท้าเล็กแดงช้ำ ช้อนตาขึ้นมองเจ้าของเสียงตะกุกตะกักตื่นเต้น พร้อมกับมุมปากหยักสวยข้างหนึ่งที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ขอบคุณที่ชมครับ”
แล้วเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับหล่อนอีกเลย นอกจากกดๆ ที่ข้อเท้าของหล่อน สักพักก็เงยหน้าขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
“ข้อเท้าคุณไม่เป็นไรมากหรอกครับ น่าจะแค่เคล็ดนิดหน่อย”
“เอ่อ... ขอบคุณมากค่ะ”
หล่อนฝืนใจลุกขึ้นยืน โดยมีมือใหญ่อบอุ่นคอยช่วยพยุงเอาไว้ตลอดเวลา
“พอเดินได้ไหมครับ”
หล่อนลองลงน้ำหนักที่ข้อเท้าข้างที่มีปัญหา และก็พบว่าตัวเองพอเดินไหว
“พอได้ค่ะ”
“โอเค งั้นเราแยกกันตรงนี้นะครับ ผมต้องเอารถไปหาที่จอดก่อน”
เขาปล่อยมือจากต้นแขนของหล่อนทันที ในขณะที่หล่อนมองเขาอย่างเสียดาย
“เอ่อ... ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
ฐานัสระบายยิ้มบางๆ ให้กับสตรีตรงหน้า
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ แค่คุณไม่เดินใจลอยตัดหน้ารถใครอีกก็พอแล้วครับ”
หล่อนรู้สึกเหมือนถูกด่าอ้อมๆ ยังไงยังงั้น แต่มันก็เป็นจริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ
“เอ่อ... ขอโทษนะคะ ฉัน...”
เขาไม่รอให้หล่อนพูดจนจบ เพราะแทรกขึ้นเสียก่อนด้วยน้ำเสียงนุ่มสุภาพ
“ขอให้คุณโชคดีครับ”
แล้วเขาก็ก้าวเดินอย่างสง่างามขึ้นไปบนรถคันใหญ่ หล่อนมองยืนอยู่สักพักก็ตัดสินใจเดินเขย่งไปเคาะกระจกรถฝั่งคนขับ
กระจกรถถูกลดจนแทบหมดบาน ก่อนที่น้ำเสียงนุ่มๆ ของพ่อเทพบุตรจะดังขึ้น
“มีอะไรหรือครับ”
“เอ่อ...”
“ครับ?”
เขารอฟัง และแสดงความเบื่อหน่ายออกมาให้เห็นเล็กน้อย
“คือ... ฉันขอไลน์คุณได้ไหมคะ”
ฐานัสมองสตรีในชุดเดรสสีดำตรงหน้าด้วยสายตาเป็นมิตร ก่อนจะปฏิเสธเสียงสุภาพ
“ขอโทษทีนะครับ ผมไม่ได้ใช้ไลน์ครับ”
“เอ่อ... งั้นเฟซบุ๊คก็ได้ค่ะ”
ปิ๊นนนนน...
เสียงแตรรถยนต์คันหนึ่งที่จอดต่อท้ายรถของฐานัสดังกังวานขึ้น และมันก็ดับความฝันของหล่อนจนมืดมิดเลยทีเดียว
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ดะ... เดี๋ยวสิคะ...”
เขาไม่สนใจหล่อนอีก กระจกรถถูกกดให้เลื่อนขึ้นจนมิด ก่อนที่เขาจะเคลื่อนรถจากไป
ล้อมดาวยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือเล็กยกขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายเอาไว้ ก่อนจะพึมพำออกมาอย่างเหลือเชื่อ
“นี่เรา... ตกหลุมรักผู้ชายคนนี้อย่างนั้นเหรอ”
หล่อนไม่เคยรู้สึกพิเศษกับผู้ชายคนไหนมาก่อน จนเคยคิดว่าตนเองตายด้านเรื่องพวกนี้ไปแล้ว แต่วันนี้การที่ได้สบตากับผู้ชายคนนี้ มันทำให้หล่อนรู้ตัวว่า ตนเองนั้นไม่ได้ตายด้าน แต่ที่ไม่ได้รู้สึกดีกับผู้ชายคนไหน ก็เพราะว่ายังไม่เจอคนที่ใช่นั่นเอง
“คุณ... คุณทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงมากเลยค่ะ”
แล้วนี่หล่อนจะมีโอกาสเจอกับเขาอีกไหมนะ เพราะข้อมูลติดต่อหรือแม้แต่ชื่อของเขาหล่อนก็ยังไม่มีเลย
ล้อมดาวถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเสียดาย ก่อนจะเดินคอตกกลับเข้าไปในผับ