“น้องเหนือยังไม่ขอบคุณคุณหนาวเลยนะคะ ดูสิคะ อุตส่าห์ไปจตุจักรแต่เช้าแน่ะ”
“ขอบคุณค่ะ น้องหมาชื่ออะไรคะ” เด็กสาวยกมือไหว้ตามคำสั่งอย่างอัตโนมัติเหมือนโปรแกรมเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยว
“คุณหนาวยังไม่ได้ตั้งเลยค่ะ น้องเหนือเป็นเจ้าของ ตั้งเองเลยค่ะ” ภีมวัจน์เดินไปนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นพร้อมเด็กสาวและเจ้าตัวจิ๋ว
“น้องเหนือตั้งชื่อแตงไทยได้หรือเปล่าคะคุณหนาว” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่ง
“ทำไมถึงเป็นชื่อนี้ล่ะคะ”
“น้องเหนือชอบกินลอดช่องแตงไทยค่ะ เพื่อนน้องเหนือมีหมาชื่อแตงโมด้วย จะได้เป็นแตงเหมือนกันไงคะ นะคะคุณหนาว ให้น้องหมาชื่อแตงไทยนะคะ”
นี่ดูเหมือนจะเป็นประโยคยาวสุดตั้งแต่รู้จักกันมาที่เขาเคยได้ยินก็ว่าได้ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าตัวจิ๋วจะกลายเป็นตัวแปรทำให้สาวน้อยกลับมาสดชื่นเหมือนเดิมได้ในเร็ววัน “ได้สิคะ”
“ขอบคุณค่ะ แตงไทยมานี่เร็วๆ” สาวน้อยรีบตะครุบเจ้าตัวจิ๋วที่เริ่มวิ่งเล่นไว้ทันที พอได้มาอุ้มไว้กับอก มือบางก็ลูบหัวมันไปมาด้วยแววตาแห่งความรักและเอ็นดูยิ่ง ภีมวัจน์ยิ้มบางๆ ออกมาอย่างโล่งใจ
“งั้นเราลงไปกินข้าวดีมั้ยคะ เสร็จแล้วจะได้ดูบ้านให้มันเลย ป่านนี้พี่บุญมาคงกำลังทำอยู่ค่ะ”
“ค่ะ” สาวน้อยรับคำอย่างว่าง่ายแล้วอุ้มเจ้าตัวจิ๋วเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ลงบันไดไป
“ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง แล้วก็ต้มแซ่บกระดูกหมูค่ะเที่ยงนี้” กันยายกถาดเข้ามา วิไลยกถาดตามหลังมาเช่นเคย
“น้องเหนือไปล้างมือเร็วค่ะจะได้มากินข้าว” ไม่แค่น้องเหนือเท่านั้น คุณหนาวเองก็รู้ตัวว่าต้องล้างเหมือนกัน เลยเดินนำไปในครัว
“แตงไทยมานี่เร็วๆ” เจ้าตัวจิ๋วทำท่าจะวิ่งออกครัวไป ภีมวัจน์เลยได้เห็นท่าทีอันว่องไวของสาวน้อยวิ่งไปปิดประตูกันก่อน จะอุ้มก็ไม่ได้เพราะล้างมือแล้ว เลยใช้เท้าเปล่าต้อนมันไปในห้องอาหาร
“นี่ของน้องเหนือค่ะ ใส่ทุกอย่างยกเว้นพริก ของคุณหนาวมีตำไทยกับปูปลาร้าค่ะ ป้าไม่รู้กินแบบไหน”
“ผมกินได้ทุกอย่างครับ จะยกเว้นก็แต่...”
ภีมวัจน์ปรายตาไปหาจานส้มตำของเด็กสาวที่เดาได้ว่าคงจะจืดชืดไร้รสชาติขนาดหนัก เพราะไม่มีพริกแม้แต่เม็ดเดียว กันยาได้แต่ยิ้ม แล้วมองคุณหนูใช้ส้อมจิ้มไก่กับข้าวเหนียวในจานเข้าปาก
“น้องเหนือไม่กินเผ็ดเลยค่ะ แต่ชอบอาหารอีสาน พวกลาบ ซุปหน่อไม้ น้ำตกทุกอย่างห้ามใส่พริก”
“ครับ” ภีมวัจน์คิดว่าถ้าไม่ใส่พริกจะอร่อยตรงไหน แต่ก็เห็นอีกคนกินด้วยท่าทีชอบใจเลยถอนหายใจเบาๆ กับความแปลก
“แม่จ๋า! น้องเหนือจะพาแตงไทยไปดูบ้านนะคะ”
พออิ่มก็แทบจะถลาไปหาเจ้าตัวจิ๋วอุ้มวิ่งออกหลังบ้านทันที มีทั้งสองเดินตามไปไม่ห่าง บุญมากำลังง่วนอยู่กับอุปกรณ์ทำบ้านที่ภีมวัจน์ซื้อมาครบครัน แถมที่นอน ที่ใส่อาหาร ที่ให้น้ำ สบู่ แชมพู หวี และเสื้อหลากสีหลายแบบ
“คุณหนาวรอบคอบจังเลยนะคะ” จนกันยาอดชื่นชมไม่ได้
“คนขายประโคมให้ทั้งนั้นครับ ลำพังผมคงคิดได้ไม่หมดหรอกครับ” เขาผลักความดีออกจากตัว แล้วเดินไปนั่งยองๆ ช่วยบุญมาทำบ้านอย่างไม่ถือว่าตัวเป็นเจ้านาย
“แตงไทยมานี่เร็ว” มือเล็กๆ ปรบสองสามแปะ พอเจ้าตัวจิ๋วมันไม่มาเลยต้องวิ่งไปอุ้มเองแล้วพาเดินไปสำรวจดูข้าวของในถุง
“แม่จ๋า! ดูสิคะมีสร้อยกับจี้รูปน้องหมาด้วย น่ารักจังเลย แตงไทยชอบมั้ย” ภีมวัจน์หันกลับไปมองท่าทีสดใสกว่าหลายๆ วันที่ผ่านมาของเด็กสาว ก็ได้แต่หวังว่าของขวัญชิ้นนี้จะทำให้ความเศร้าหมองจางหายไปในเร็ววัน กันยาเองก็หวังเช่นกัน
แต่ดูเหมือนความหวังของทั้งสองจะเป็นจริงแค่ไม่กี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะผ่านมาครึ่งปีแล้ว แต่ปรารถนาคนเดิมยังไม่หวนกลับมาเลย อาการเก็บตัวในห้องแล้วร้องไห้ยังคงมีอยู่ แม้จะมีเจ้าตัวจิ๋ว ที่ทั้งสองจำยอมให้ขึ้นไปนอนบนห้องด้วยได้ตามคำขอแล้วก็ตาม
คุณนายขนุนเห็นอาการกลุ้มอกกลุ้มใจของลูกชาย ก็อดห่วงไม่ได้จนถึงกับออกปากให้พาไปหาที่บ้าน ได้ใบสั่งขนาดนี้มีหรือเขาจะกล้าขัด เพราะอยากมีคนมารับภาระเยียวยารักษาแผลในใจเด็กให้แม่ละคนในบ้านไปบ้าง เขารีบบอกกันยากับเด็กสาวล่วงหน้าเป็นอาทิตย์
‘น้องเหนือคะวันมะรืนคุณหนาวจะกลับไปดูงานที่เชียงใหม่ คุณยายขนุนเลยอยากจะทำอาหารอร่อยๆ ให้น้องเหนือลองชิม พี่หน่อยน้องสาวคุณหนาวก็จะพาขับรถเที่ยวด้วยนะคะ แล้วพี่ออมเพื่อนสนิทของคุณหนาว ก็จะตัดชุดสวยๆ ให้น้องเหนือด้วย น้องเหนืออยากไปมั้ย แม่จ๋าก็จะไปด้วยนะคะ คุณหนาวอนุญาตให้เอาเจ้าแตงไทยไปด้วยได้ สนใจหรือเปล่าเอ่ย’
‘ไปก็ได้ค่ะ’ เขาควรจะดีใจกับการตอบรับนี้ ถ้าเด็กสาวไม่ทำตัวเป็นเหมือนตุ๊กตาไขลาน ให้ใครๆ หิ้วไปไหนมาไหนอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ ไม่คิด ไม่ถาม ไม่ต่อรอง และไม่ปฏิเสธ
พอถึงวันจะเดินทาง เขาก็ไม่เห็นความกระตือรือร้นเลยสักนิด เขามองสาวน้อยอุ้มเจ้าสี่ขาที่อยู่ในเป้สะพายหน้าสีชมพูหวานแหว๋ว ระหว่างเดินไปหาเจ้านกยักษุ์กับกันยา
“แม่จ๋า! เราต้องขึ้นนี่ไปเหรอคะ” แถมสีหน้ามีแววกังวลหรือลังเลนิดๆ
“น้องเหนือกลัวเหรอคะ เคยขึ้นเครื่องบินมาแล้วนี่นา” กันยาเองก็ทำใจดีสู้เสือขณะมองเจ้าของร่างสูงใหญ่
“แต่ไม่เคยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ค่ะ แล้วแตงไทยจะกลัวเหมือนน้องเหนือหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ถ้าเคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนก็ไม่ต่างกันค่ะ มาเร็วจะได้รีบไปหาคุณยายหนุนกัน” ภีมวัจน์รู้ดีว่าสองสาวต่างวัยหวาดหวั่นไม่น้อย เขาคอยช่วยยื่นมือให้กันยาเกาะขึ้นไปก่อน ตามด้วยเด็กสาวที่ไม่ยอมห่างเจ้าตัวจิ๋วเอาเสียเลย
“น้องเหนือนั่งกับคุณหนาวนะคะ แม่จ๋าจะนั่งฝั่งนี้” กันยาไม่มั่นใจนักว่าจะดูแลคุณหนูแสนรักได้ เลยผลักภาระนี้ให้ภีมวัจน์ไปก่อน
“แตงไทยกลัวเหรอ” สาวน้อยเกาะแขนเขาไว้แน่น นั่นเป็นสัญญาณว่ากลัว แต่ไม่แสดงออก มั่นใจว่าถ้าเปลี่ยนจากเขาเป็นพ่อแม่ ป่านนี้คงต้องโผเข้ากอดแทนการนั่งตัวแข็งแล้วแน่นอน