เมื่อรถยนต์คันหรูวิ่งผ่านรั้วอัลลอยด์ทรงสูง ตีโค้งเข้ามาจอดเทียบเชิงบันไดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ร่างสูงเด่นเป็นสง่าของเจ้าอาณาจักรคอฟอร์ดก็รีบเปิดประตูแล้วเบี่ยงกายออกมาสู่ภายนอกทันที ไม่แยแสต่อคำทักทายและโค้งคำนับให้ของเหล่าบอดี้การ์ด ขาเพรียวยาววิ่งขึ้นสู่ชั้นสองของตัวคฤหาสน์ มุ่งหน้าไปทางปีกซ้ายซึ่งเป็นที่ตั้งห้องนอนของน้องสาว เสียงฝ่าเท้าหนักๆ หยุดลงเพียงเสี้ยววินาทีก็ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูแผ่วเบา ก่อนที่ร่างองอาจจะก้าวผ่านธรณีประตู พาตัวเองเข้ามาภายในห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าสดใสอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลชั้นนำของสวีเดนกำลังระดมมันสมอง และเครื่องมือแพทย์อันทรงประสิทธิภาพในการยื้อชีวิตของคนไข้สาวอย่างเต็มกำลังความสามารถ
“มิเชล” เสียงเรียกชื่อน้องสาวเบาหวิวจนแทบจับใจความในน้ำคำไม่ได้ ใบหน้าของมาร์โบโลซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำ สภาพของน้องสาวที่กำลังนอนหายใจรวยรินทำให้หัวใจดวงแกร่งที่ฝังอยู่ในอกซ้ายของเขาแทบจะขาดรอนๆ หากเป็นไปได้ เขาอยากจะขอถ่ายถอนความเจ็บปวดเหล่านั้นมาแทนแต่เพียงผู้เดียว
“เราคงต้องผ่าตัดเอาเด็กออกครับท่าน” น้ำเสียงและท่าทางนอบน้อมของหมอบอกญาติคนไข้ตามสภาพความเป็นจริง
“ไม่ ผมจะไม่ยอมเสียใครไป หมอต้องช่วยทั้งสองคนให้ได้ เข้าใจไหม!” ดวงตาที่ฉายแววสะเทือนใจแปรเปลี่ยนเป็นคุกรุ่นไปด้วยความไม่ได้ดั่งใจเพียงชั่วพริบตา เสียงกัมปนาทที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากกระด้างของผู้เปรียบเหมือนคนชี้ชะตาชีวิตของทุกคนในที่นี้ สร้างความลำบากใจให้ทีมแพทย์และพยาบาลเหลือคณา ต่างเหงื่อตกไปตามๆ กัน
จากนั้นทีมแพทย์ก็ระดมช่วยชีวิตของมิเชลอีกครั้ง ถึงแม้จะใส่เครื่องช่วยหายใจครอบใบหน้าซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด อัตราการเต้นของหัวใจยังดูเหมือนว่าจะแผ่วเบาลงเรื่อยๆ อย่างน่าใจหาย ราวกับว่าเจ้าของร่างผ่ายผอมที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ไม่ปรารถนาจะฝ่าฟันนาทีวิกฤตอันทรมานแสนสาหัสที่กำลังเผชิญอยู่ จนหมอผู้เชี่ยวชาญทั้งสามต่างส่ายหัวให้แก่กัน
“เราคงต้องเอาเด็กออกแล้วล่ะครับ เพราะนี่คงจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะช่วยให้เด็กรอดชีวิตได้” หมอหนึ่งในสามกล่าวกับเจ้าของไข้ด้วยสีหน้าลำบากใจ อีกทั้งยังหวาดหวั่นต่อแรงอารมณ์ของผู้อุปการคุณรายสำคัญของทางโรงพยาบาล
เจ้าพ่อหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตอย่างเสียไม่ได้ ที่สุดมาร์โบโลก็ต้องยอมจำนนต่อคำอธิบายของแพทย์ด้วยหัวใจเจ็บปวดรวดร้าว ราวกับมีใครกำลังเอามีดมากระหน่ำจ้วงแทงไม่ยั้ง ใจจริงเขาไม่อยากจะสูญเสียใครไปแม้แต่คนเดียว อยากจะเก็บไว้ทั้งน้องสาวและหลานตัวน้อย หากแต่ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ บางทีเขากับมิเชลอาจจะทำบุญร่วมกันมาเพียงเท่านี้ก็เป็นได้ แต่เขายังหวังว่าจะได้ทำหน้าที่คุณลุง คอยเลี้ยงดูอุ้มชูลูกของมิเชลที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแทนผู้เป็นแม่ที่แสนดี หากแต่ไม่มีวาสนาพอที่จะได้อยู่ดูแลแก้วตาดวงใจของเธอด้วยตัวของตัวเอง
“ทำเถอะครับหมอ ขอให้ช่วยชีวิตหลานผมไว้ให้ได้ก็แล้วกัน” ท้ายประโยคคล้ายกับการออกคำสั่งเสียงแข็ง ก่อนจะระบายลมหายใจออกมายืดยาว ราวกับจะให้มันช่วยปลดปล่อยความอัดอั้นให้คลายตัวลง
เมื่อได้ใบเบิกทางจากมหาเศรษฐีหนุ่ม ทั้งหมอและพยาบาลก็เตรียมเครื่องมือผ่าตัดเอาเด็กในครรภ์ของผู้ป่วยออก ทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างที่สุด เพื่อช่วยชีวิตน้อยๆ ที่มีอายุแปดเดือนในครรภ์มารดาให้ออกมาลืมตาดูโลกด้วยความปลอดภัย
“คุณมิเชลคะ เราจะผ่าเอาเด็กออกนะคะ” คนที่กำลังนอนหายใจรวยรินรับรู้ในวลีที่พยาบาลบอกกล่าวริมหูทุกประโยค แต่ไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยอันใดออกมาเพราะเหนื่อยล้าเหลือเกิน จึงทำเพียงพยักหน้าน้อยๆ ยอมรับการตัดสินใจของแพทย์ทั้งน้ำตา
“มิเชล พี่รักน้องนะ ได้โปรดอย่าจากพี่ไป” ร่างสูงสง่าเข้าไปยืนชิดขอบเตียง ยื่นมือใหญ่ทว่าสั่นเทาฉวยข้อมือที่ไม่ต่างจากหนังหุ้มกระดูกมาแนบที่อกซ้าย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยน้ำคำกับน้องสาวเสียงสั่นเครือ
มิเชลเห็นสีหน้าเศร้าสลดของพี่ชายก็ยกมืออ่อนแรงข้างที่ว่างเว้นจากการเกาะกุมขึ้น หมายจะดึงเอาหน้ากากเครื่องช่วยหายใจออกจากจมูก พยาบาลจึงเข้ามาช่วยอีกแรง ถึงแม้จะรู้ดีว่าไม่สามารถช่วยชีวิตคนไข้สาวไว้ได้ แต่ก็อยากให้เธอมีโอกาสพูดคุยและสั่งลากับพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย
“พะ…พี่มาร์สคะ มะ…มิเชลฝากลูกด้วย…นะคะ” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นฝากฝังลูกน้อยที่จะออกมาจากอุทรในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าไว้กับพี่ชาย นัยน์ตาเศร้าหมองมีหยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย
“ไม่ มิเชลต้องหาย และกลับมาดูแลหลานของพี่ด้วยตัวเอง” ทั้งที่ไม่เคยปฏิเสธคำขอของน้องสาวสุดที่รักเลยสักครั้ง แต่หนนี้มาร์โบโลกลับไม่รับปากมิเชลเอาดื้อๆ เพราะต้องการกระตุ้นให้คนป่วยแข็งใจกัดฟันสู้ ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันแสนทรมานนี้ไปได้
“มะ…ไม่ค่ะ มิเชลไม่ไหว มิเชลเหนื่อย…เหลือเกิน” ส่ายหน้าพร้อมขยับริมฝีปากสีซีดปฏิเสธแผ่วเบาราวกระซิบ สีหน้าที่แสดงออกมาการันตีตามคำพูดได้เป็นอย่างดี
“มิเชลไม่สงสารพี่เหรอ ต่อไปพี่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว” เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ยังคงไม่รับปากน้องสาว แต่หันมาพูดเชิงตัดพ้อนิดๆ นัยน์ตาสีควันบุหรี่แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์
“พะ…พี่มาร์สก็อยู่กับหลานไงคะ นะคะ ดะ…ได้โปรด” เสียงแผ่วแย้งว่าเธอไม่ได้ทิ้งให้เขาอยู่คนเดียว ท้ายประโยคไม่ลืมที่จะเว้าวอนพี่ชายให้ดูแลลูกน้อยแทนตน
“ก็ได้ มิเชล พี่รับปากว่าจะดูแลหลานแทนมิเชล และจะรักเขาประดุจดั่งลูกในไส้” คำมั่นสัญญาที่พี่ชายได้ลั่นวาจาออกมา ทำให้มิเชลค่อยๆ คลี่ริมฝีปากที่เม้มเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดออกเป็นรอยยิ้มด้วยความสมใจ เธอหมดห่วงแล้วในวินาทีนี้
จากนั้นมาร์โบโลก็ก้มลงบรรจงจูบขมับ เปลือกตาทั้งสอง และข้างแก้มที่เลอะคราบน้ำตา ก่อนจะตัดสินใจปล่อยมือน้อยที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่อย่างอ้อยอิ่งด้วยความอาลัยอาวรณ์ ร่างใหญ่ถอยออกมาจากเตียงคนไข้ เปิดทางให้หมอและพยาบาลได้ทำหน้าที่อย่างสะดวก
หมอใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการช่วยชีวิตทารกน้อยให้ลืมตามาสู่โลกกว้างอย่างปลอดภัยและครบสามสิบสอง ท่ามกลางการลุ้นจนตัวโก่งของใครหลายๆ คน
“แงๆๆๆ” พอลืมตาขึ้นมาดูโลกได้ ทารกน้อยแรกเกิดตัวแดงๆ ก็เปิดปากสีชมพูระเรื่อรูปกระจับที่ถอดเค้ามาจากผู้เป็นแม่ แผดเสียงร้องจ้าสนั่นห้อง
“คุณได้ลูกสาวค่ะ” พยาบาลนำเด็กไปล้างแล้วอุ้มมาให้ผู้เป็นแม่ที่กำลังหายใจโรยรินได้มองหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะไม่มีโอกาสตลอดไป
เมื่อเห็นว่าน้องสาวคงไม่มีแรงมากพอที่จะรับแม่หนูน้อยไว้ในอ้อมแขน มาร์โบโลก็อ้าแขนรับหลานสาวตัวน้อยแทนเสียเอง ความรู้สึกอ่อนโยนและสัญชาตญาณแห่งการปกป้องดูแลแล่นลิ่วเข้ามาเยือนยังหัวใจกร้าวกระด้างของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ในครั้งแรกที่ได้อุ้มเด็กหญิงมิเกล คอฟอร์ด เสียงร้องไห้จ้าทำให้มาร์โบโลถึงกับน้ำตาซึม สงสารและเวทนาหนูน้อยเหลือเกิน พอลืมตาดูโลกก็ต้องกำพร้าแม่เสียแล้ว
“มิเชล หลานสาวพี่น่ารักมากเลย” ชายหนุ่มโน้มตัวลงยื่นเจ้าตัวน้อยในวงแขนให้น้องสาวได้ดู พร้อมทั้งบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หากแต่แฝงไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี
มิเชลปรือตาขึ้นมองหน้าลูกแล้วยิ้มหวาน ยื่นมือสั่นเทาไปลูบไล้แก้มย้วยที่เลอะคราบน้ำตาเบาๆ ลูกสาวของเธอช่างน่ารักนัก เสียดายที่เธอไม่มีโอกาสได้ดูแลลูกอีกต่อไป อย่าว่าแต่ดูแลเลย แม้แต่ให้นมลูกครั้งแรกในชีวิต แม่อย่างเธอก็ไม่มีวาสนามากพอ
“มิเชลจะให้ยายหนูชื่อมิเกล คล้องจองกับชื่อมิเชล พี่มาร์สว่าดีไหมคะ” น้ำเสียงผาดแผ่วยังคงอุตส่าห์ถามความคิดเห็นของพี่ชาย นัยน์ตาที่คลอขังไปด้วยหยาดน้ำตามองใบหน้าของลูกสาวไม่คลาดคลา ราวกับจะจดจำใบหน้าอันน่ารักน่าชังนี้จวบจนชั่วนิจนิรันดร์
“ถ้ามิเชลชอบ พี่ก็ว่าดีจ้ะ” เจ้าพ่อหนุ่มกัดฟันปั้นสีหน้ายิ้มแย้มให้น้องสาว ทั้งที่ในใจกำลังกลัดหนองและร้าวระบมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“มิเชลฝากบอกยายหนูด้วยนะคะว่าพ่อของแกชื่อ…อธิป” เสียงระโหยโรยแรงบอกพี่ชายถึงสิ่งที่ตนประสงค์และยังค้างคาในใจ แม้ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกจะไม่เคยมาดูดำดูดี แต่เธอก็ยังรักเขาไม่เสื่อมคลาย เพราะเขาคือรักแรกและรักสุดท้ายของเธอ
“ได้สิ แล้วพี่จะบอกหลานให้นะ” พยักหน้ารับคำไปอย่างนั้น แต่ไม่คิดจะบอกหลานหรอกว่าไอ้สารเลวนั่นมันเป็นพ่อของมิเกล
“ขะ…ขอบคุณมากค่ะ มิเชลรักพี่มาร์สกับลูกมากนะคะ ฝากดูแลมิเกลด้วย” ขาดคำร่างผอมแห้งที่นอนแหมะอยู่บนเตียงก็เกร็งกระตุก ลมหายใจแผ่วเบาลงเรื่อยๆ และที่สุดมิเชลก็จากไป
“มิเชล!” เสียงห้าวตะโกนเรียกชื่อน้องสาวดังก้องห้องนอนใหญ่ น้ำตาเม็ดโตรินไหลออกมาจากดวงตารวดร้าวของเจ้าพ่อหนุ่ม
เรียกน้องสาวอีกครั้งและอีกครั้ง เพื่อหวังว่าเธอจะฟื้นคืนสติกลับมา แต่ก็เปล่าประโยชน์ มิเชลได้จากโลกนี้ไปแล้ว จากไปทั้งรอยน้ำตาอย่างน่าสงสาร และยังได้ทิ้งความเศร้าหมองจากการสูญเสียไว้ให้พี่ชายอย่างเขา พร้อมหลานตัวน้อยที่กำลังแผดเสียงร้องไห้ ราวกับรู้ชะตาชีวิตตัวเองว่าต่อไปจะไม่มีแม่คอยเลี้ยงดูอุ้มชู
“หลับให้สบายนะ มิเชล พี่จะดูแลมิเกลให้น้องเอง” จ้องมองใบหน้าของน้องสาวด้วยความอาลัยอาวรณ์ พร้อมบอกคนที่จากไปเสียงสั่นเครือเจือสะอื้น
ส่วนสองแขนนั้นก็โอบกระชับร่างกระจ้อยร่อยของหลานสาวเข้าแนบอกอุ่นยิ่งขึ้น ราวกับจะเห่กล่อมให้เจ้าตัวน้อยที่ยังไม่ประสาคลายเศร้าซึ่งมันก็ได้ผล เมื่อเจ้าหนูตัวขาวอวบหยุดแผดเสียงร้องลั่น มีเพียงแรงถอนสะอื้นจนตัวโยน ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตามองหน้าผู้เป็นลุง ก่อนจะเอียงหน้าซบแผงอกกว้างราวกับฝากฝังชีวิตของตนไว้ในกำมือของเจ้าพ่อหนุ่มตลอดไป เห็นอย่างนั้นนัยน์ตาสีควันบุหรี่ที่เพิ่งปราศจากหยาดน้ำตาไปหมาดๆ ก็มีม่านน้ำใสๆ คลอเคล้าจนพร่ามัวอีกครั้งอย่างสะเทือนใจ