เจ้าของใบหน้าคมเข้มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำเรียบหรูหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ นั่งสะสางงานได้ไม่นาน ดวงตาคมกริบก็จ้องจอมอนิเตอร์ที่บรรจุสาวใช้คนสวยไม่กะพริบ เมื่อเห็นความผิดปกติก็หรี่นัยน์ตาสีควันบุหรี่ให้แคบลงพร้อมเลื่อนเก้าอี้เข้าไปหาเพื่อจะได้มองให้ชัดๆ ก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ชายร่างยักษ์สองคนกำลังลวนลามแม่สาวใช้ตัวแสบของเขา เธอกำลังโดนต้อนให้จนมุม เมื่อเห็นดังนั้นมาร์โบโลก็ไม่อาจทนนิ่งดูดายได้ ภายในใจมันร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว
ร่างใหญ่รีบกระเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ทำงานแล้วสาวเท้าผลุนผลันออกจากห้องทำงานไปหาลักษณ์ณาราในคาสิโนทันที ทั้งที่เรื่องความไม่สุภาพของลูกค้ากับพนักงานของเขาก็เกิดขึ้นออกบ่อยครั้ง ซึ่งทุกครั้งเขาก็แค่โทรไปสั่งให้ลูกน้องจัดการ ทุกอย่างก็เรียบร้อย แล้วทำไมครั้งนี้เขาถึงได้อยากจะไปจัดการด้วยตัวเองก็มิอาจทราบได้ รู้แต่ว่ามันร้อนรนกระวนกระวายแปลกๆ ภายในจิตใจจนนั่งไม่ติด
“ปล่อยฉันนะ!” เสียงของลักษณ์ณาราตวาดแว้ดๆ พร้อมทั้งพยายามบิดข้อมือกลมกลึงออกจากอุ้งมือสากของฝรั่งตัวอ้วน
“ไปสนุกกับเราที่ห้องเถอะนะสาวน้อย แล้วเธอจะได้ติ๊บงามๆ” หนึ่งในสองยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะหอบหิ้วเอาสาวน้อยจอมพยศไปร่วมสนุกในห้อง ยิ่งลักษณ์ณาราได้ยินวาจาหยาบโลนก็ยิ่งขยะแขยงในตัวฝรั่งทั้งสอง ร่างบางสั่นเทาจนแทบทนยืนไม่ไหว
“ขอโทษนะครับ ทางคาสิโนของเราไม่มีนโยบายให้พนักงานไปบริการแขกถึงห้อง” เสียงทุ้มที่ส่งมาห้ามปรามการกระทำอันอุกอาจราวกับจะฉุดเธอเข้าห้อง ทำให้ลักษณ์ณาราต้องหันขวับ เมื่อเห็นว่าเป็นมาร์โบโลเธอก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาในบัดดล
“จะไม่มีได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นความต้องการของลูกค้าอย่างเรา” หนึ่งในสองกล่าวอย่างพาลๆ ด้วยความไม่พอใจ ยังคงดันทุรังอย่างที่ตัวเองต้องการ
“ผมขอยืนยันว่าบนเรือลำนี้ ไม่มีผู้หญิงมาคอยบริการลูกค้าในแบบที่คุณต้องการ หากคุณอยากได้โสเภณีสักคน คุณต้องขึ้นบกไปหาเอาเอง” เจ้าพ่อหนุ่มใช้เสียงเย็นยะเยือกตอบโต้ หากทั้งสองได้รับรู้ถึงกิตติศัพท์ความเลือดเย็นของเขามาบ้าง คงจะไม่ทำตัวกร่างวางกล้ามอย่างเช่นในตอนนี้
“เราไม่เชื่อ ในเมื่อแม่นี่แต่งตัวอ่อยผู้ชายขนาดนี้ ไปตามเจ้าของเรือมา” ชายร่างอ้วนพุงพลุ้ยขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ หากไม่ได้ดั่งใจเขาก็พร้อมจะตีโพยตีพาย
“ผมนี่แหละมาร์โบโล คอฟอร์ด เจ้าของเรือสำราญที่คุณกำลังเหยียบอยู่” น้ำเสียงอาจฟังดูเรียบนิ่งทว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจและความน่าเกรงขาม ทำเอาชายทั้งสองคนแทบผงะ เมื่อรู้ว่าขณะนี้ตนกำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับใคร ใครล่ะจะไม่เกรงกลัวกับอิทธิพลของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างมาร์โบโล คอฟอร์ด
“พวกคุณมีอะไรสงสัยเกี่ยวกับเรือสำราญของผมอีกไหมครับ” เสียงฟังดูสุภาพแต่นัยน์ตาคมปลาบกลับทำให้ชายทั้งสองหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
“มะ…ไม่มีแล้วครับ ไม่มีแล้ว” รีบตะกุกตะกักละล่ำละลักตอบคำถามเจ้าพ่อ ใบหน้าที่เคยอวดเบ่งถือดีมาบัดนี้กลับซีดเผือดแทบไม่มีสีเลือด
“หวังว่าพวกคุณคงจะมีความสุขกับการล่องเรือสำราญในครั้งนี้ แต่หากยังเอะอะโวยวายและสร้างความรำคาญให้คนอื่นไม่เลิก ผมจะให้คนของผมโยนคุณสองคนลงไปเป็นของเคี้ยวเล่นแก่ปลาฉลาม”
กล่าวเสียงกระด้างในขณะที่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม เรียกเหงื่อเม็ดโตให้ผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าอวบอูมของชายทั้งสอง ความโหดของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างมาร์โบโล คอฟอร์ด ที่ผู้คนต่างขนานนามว่าเจ้าพ่อแห่งท้องทะเลบอลติก มันไม่ได้เป็นเพียงแค่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง หากแต่มันคือความจริงทุกประการ วันนี้พวกเขาทั้งสองคนได้ประจักษ์มันด้วยตัวของตัวเองแล้ว
เมื่อสะสางเรื่องชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียกับชายร่างอ้วนทั้งสองเสร็จสิ้น มาร์โบโลก็ลากลักษณ์ณารามาทางห้องทำงานของตน ไม่พูดไม่จา เอาแต่ทำหน้าบูดบึ้ง คนอะไรชอบตวาดและทำหน้ายักษ์ใส่เธอ ทั้งที่หน้าหล่อๆ ของตัวเองก็มีแต่กลับไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์ เจ้าของขาเรียวยาวเอาแต่เดินอาดๆ โดยไม่อนาทรคนขาสั้นเลยสักนิด
“โอ๊ย!” เสียงอุทานด้วยความเจ็บที่หลุดออกมาจากปากคนตัวเล็ก ทำให้ชายหนุ่มชะงักเท้าที่กำลังก้าวฉับๆ ไปข้างหน้า แล้วค่อยๆ เบือนหน้าหันกลับมามองหน้างาม
“เฮ้ย…มือเธอไปโดนอะไรมา!” ทำท่าตกใจเมื่อตาคมเหลือบเห็นสภาพข้อมือน้อยที่เขากุมอยู่ ตอนนี้มันกำลังแดงเถือกไม่ต่างจากข้อมืออีกข้างที่ไร้ซึ่งการพันธการจากเขา
“ก็โดนไอ้ฝรั่งพุงโลทั้งสองฉุดกระชากลากดึง แล้วก็โดนไอ้ฝรั่งหน้ายักษ์ลากมานี่ยังไงล่ะ” เจ้าของใบหน้างอง้ำกล่าวอย่างประชดประชัน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างเคืองๆ วาจาจิกกัดทำให้เขาอยากจะหัวเราะออกมาเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องทำเป็นเก๊กหน้าขรึมเอาไว้
“แล้วค่อยไปหายาทาก็แล้วกัน” ไหวไหล่กว้างเบาๆ แล้วทาบนิ้วมือลงไปกดรหัสลับของห้องทำงานสุดไฮเทค เพียงเสี้ยวนาทีประตูบานใหญ่ก็เปิดออก จากลากดึงก็เปลี่ยนมาออกคำสั่งทางสายตาให้เธอเดินตามเขาเข้ามาภายใน
ลักษณ์ณาราพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ใบหน้างามบูดบึ้งเพราะไม่พอใจกับความช่างเผด็จการของอีกฝ่าย แต่ก็ยอมที่จะกระแทกส้นเท้าปึงปังเข้าไปภายใน ทำเอามาร์โบโลระบายยิ้มออกมา
‘เด็กหนอเด็ก ไม่พอใจก็ทำท่ากระบึงกระบอน’ เจ้าพ่อหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าห้องตามคนตัวเล็กที่เดินเชิดหน้าเข้าไปก่อนแล้ว
ทันทีที่ร่างใหญ่นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พยักพเยิดให้คนตัวเล็กนั่งลงบ้าง แต่แม่สาวจอมพยศก็ยังยืนทำเฉย ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอก เชิดหน้าน้อยๆ บ่งบอกถึงอาการต่อต้านจนเจ้าพ่อหนุ่มต้องทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ นี่แม่คุณจะทำท่าพยศอวดดีกับเขาไปถึงไหน อยากจะจับมาหวดให้ก้นลายนัก กล้าดียังไงถึงมาทำท่าหยิ่งทระนงใส่มาร์โบโล คอฟอร์ด
“นั่งลงสิ จะยืนค้ำหัวผู้ใหญ่หรือไงกัน” ในน้ำเสียงราบเรียบของคนชอบออกคำสั่งนั้น แฝงไปด้วยการตำหนิติเตียน และไม่สบอารมณ์กับความดื้อด้านของเธอ
“ฉันไปยืนค้ำหัวคุณเมื่อไหร่กัน ฉันก็ยืนอยู่ของฉันดีๆ” ลักษณ์ณาราเลิกคิ้วแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตอบโต้เขาอย่างหน้าซื่อตาใสเสียจนน่าหมั่นไส้
มาร์โบโลผุดลุกขึ้นแล้วเดินย่างสามขุมเข้าหาคนลอยหน้าทำท่าอวดดีใส่เขา ร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างข่มจนลักษณ์ณาราดูเล็กลงไปถนัดตา หญิงสาวผงะถอยร่นไปข้างหลังไม่เป็นขบวน เมื่อใบหน้าคมที่ประดับไปด้วยเครื่องหน้าเข้มชวนให้ใจละลายก้มวูบลงมาหาแบบไม่ทันตั้งตัวจนทำให้เธอเกือบจะหงายหลัง หากแต่มีแขนแข็งแรงวาดมาโอบรัดเอวบางเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวหลุดอุทานออกมาเบาๆ ยกแขนเรียวเสลาโอบรอบลำคอหนา รั้งไม่ให้ตนเสียหลักโดยอัตโนมัติ แรงเหนี่ยวรั้งก่อให้เกิดเป็นความใกล้ชิดแบบไม่ตั้งใจ เพียงวินาทีแรกแห่งการสัมผัส ก็เกิดกระแสบางอย่างแล่นพล่านไปทั้งร่างของคนทั้งคู่
“อย่างอวดดีให้มันมากนัก ถ้าไม่อยากโดนสั่งสอนโดยการล้างปากเหมือนวันนั้นอีก” เสียงเรียบเอ่ยตักเตือน นัยน์ตาพราวระยับจับจ้องที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างมีความหมาย ขู่ชิดริมฝีปากอวบอิ่มเสร็จก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานดังเดิม
“บ้า!” ลักษณ์ณาราตวาดแว้ด ค้อนควัก ใบหน้างามแดงเป็นลูกตำลึงสุก เมื่อนึกถึงวิธีล้างปากของคนห่ามอย่างเขา ก่อนที่จะถลึงตาใส่คนหน้ามึนที่เอาแต่จ้องริมฝีปากของเธอตาเป็นมัน ท่าทางดูไร้เดียงสาของแม่สาวน้อยจอมพยศทำให้เขาอดที่จะเผยยิ้มกว้างออกมาไม่ได้
“ต่อไปเธอไม่ต้องทำงานที่คาสิโนแล้วนะ” หลังจากที่หญิงสาวพาร่างน้อยกระแทกก้นงามงอนนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขาเสร็จสรรพ เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นทันที
“อ้าว…ทำไมล่ะ” ลักษณ์ณาราตีหน้ายุ่ง ทำเสียงโวยวายใส่หน้าหล่อๆ แต่ใจดำอย่างไม่นึกยำเกรงหรือกลัวจนหัวหดเหมือนอย่างคนอื่นเขา
“มันไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ ดูอย่างวันนี้สิ หากฉันไม่ไปเห็นเข้าเสียก่อน ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะพาเธอไปทำอะไรบ้าง” อธิบายให้แม่สาวจอมพยศฟังเสียงเครียด คิดแล้วมาร์โบโลก็อยากจะโยนไอ้นักพนันกระจอกงอกง่อยทั้งสองคนนั้นลงทะเลให้ฉลามคาบเล่นนัก
“ถ้าไม่ให้ฉันทำงาน แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้คุณล่ะ” ถึงแม้หญิงสาวจะเห็นด้วยกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย แต่เรื่องที่จะหลุดพ้นจากการอยู่ใต้การปกครองของคนบ้าอำนาจจอมบงการย่อมมาก่อน เธอดูเป็นเดือดเป็นร้อน แต่คนฟังกลับตีหน้าตายไม่รู้สึกรู้สา ราวกับจะบอกเป็นนัยว่านั่นมันเรื่องของเธอ
“เธอก็ทำงานเป็นสาวใช้ให้ฉันไปก่อนก็แล้วกัน” นั่นมันเป็นทางออกที่ไม่น่าฟังเอาเสียเลยในความคิดของลักษณ์ณารา เป็นสาวใช้อย่างเดียว แล้วเมื่อไรกันเธอถึงจะหักลบกลบหนี้ได้หมด
“แค่เป็นสาวใช้แล้วเมื่อไหร่ฉันจะหลุดพ้นจากอุ้งมือคุณกันล่ะ” ลักษณ์ณาราค้านหน้าหงอย นึกถึงการทำหน้าที่เป็นนังแจ๋วให้เขางกๆๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะเอาค่าแรงเธอไปหักลบกลบหนี้ให้หมดสิ้นไป แค่คิดก็ละเหี่ยใจมากพอแล้ว
“ฉันมีวิธีทำให้เธอหลุดพ้นจากการเป็นหนี้เร็วขึ้น สนใจไหมล่ะ” เอนแผ่นหลังกว้างไปพิงพนักเก้าอี้ ยกลำแขนแข็งแรงวาดขึ้นกอดอก ตาคมทอดมองใบหน้าจิ้มลิ้ม แล้วบอกเธอด้วยท่าทางแสนสบาย แต่ดวงตาคมกริบกลับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ที่อีกฝ่ายไม่อาจล่วงรู้
“อื้อ…สนสิ ว่ามาเลย” คนตัวเล็กพยักหน้ายิกๆ พร้อมทั้งเร่งเร้าอีกฝ่ายอย่างใจร้อน มาร์โบโลแอบยิ้มกริ่มๆ ที่มุมปาก ในที่สุดแม่สาวแสบก็หลงกลเขาเข้าจนได้ ชักจะสนุกแล้วสิ
“ก็เป็นคนอาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้ฉันยังไงล่ะ” เห็นหน้าเหวอของสาวเจ้ามาร์โบโลก็ต้องกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ลักษณ์ณาราค้อนให้คนหวังดีประสงค์ร้ายจนตาคว่ำ
“จะให้ฉันปะแป้งและป้อนข้าวป้อนน้ำให้ด้วยเลยไหมล่ะคะ คุณมาร์โบโล คอฟอร์ด” เอาสิ…ถ้าเขาชอบรวน เธอก็พร้อมที่จะตั้งรับโดยการประชดประชันด้วยเช่นกัน
‘แหม…พ่อคุณ พ่อมหาจำเริญ พ่อพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ มีมือมีเท้าอยู่แท้ๆ แต่ดันจะมาให้เธออาบน้ำแต่งตัวให้’ แม่สาวแสบแอบค่อนแคะชายหนุ่มในใจด้วยความหมั่นไส้สุดๆ