ชายหนุ่มผิวขาวผมหยักศกสีดำ ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว ลูบหัวหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามอย่างอ่อนโยน หญิงสาวคนนั้นโผเข้ากอดแล้วหอมแก้ม ผู้ชายก็กอดตอบภาพที่คนอื่นมอง ทั้งสองช่างเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แล้วทั้งคู่ก็จูงมือกันเข้าไปในร้านอาหาร สั่งอาหารเสร็จก็จ้องตากันหวานเยิ้ม พออาหารมาเสริฟผู้ชายก็ตักอาหารใส่จานของผู้หญิงส่วนผู้หญิงก็ป้อนอาหารให้ผู้ชาย ช่างมีความสุขกันเหลือเกิน
ชาริสามองดูภาพตรงหน้าน้ำตาเอ่อคลอ ผู้ชายตรงหน้าคือสามีของเธอเอง เลิกงานเธอแวะตลาดซื้อของสดทำ เพื่ออาหารไว้รอเขาเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้เธอแวะมาซื้อขนมที่เขาชอบแถวนี้ด้วย ไม่คิดว่าจะมาเจอเขาอยู่กับผู้หญิงอื่น ชาริสาปาดน้ำตาขึ้นสองแถวกลับห้องพักไป
มาถึงห้องพักเธอยังคงทำทุกอย่างเป็นปกติเข้าครัวทำอาหารไว้รอเขา ทำไปน้ำตาก็ไหลไป ภาคินทร์กลับบ้านมาตอนสี่ทุ่ม เห็นชาริสานั่งรออยู่ที่มุมห้อง ข้างหน้าเป็นโต๊ะญี่ปุ่นที่วางอาหารอยู่2-3อย่าง ถัดมามีโรตีสายใหมอยู่ด้วย เขาเดินเข้ามาหาเธอนั่งลงฝั่งตรงข้าม ชาริสาควบคุมอารมณ์พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ ฝืนยิ้มให้เขาถามคำถามเดิมเหมือนอย่างเคย
" มาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้กลับช้าหล่ะ ฉันทำแกงแพนงของโปรดไว้รอ รีบกินเถอะ "
ชาริสาตักข้าวใส่จานส่งให้เขา รู้ทั้งรู้ว่าเขากินมาแล้วและคงอิ่มไปทั้งกายทั้งใจ แต่เธอก็อยากจะรู้ว่าเขาจะกินข้าวกับเธออีกไหม ภาคินทร์มองเธอสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยอมรับจานข้าวมา เห็นเขานิ่งไม่ยอมกินเธอเลยตักแกงใส่จานข้าวให้เขา เขาตักข้าวใส่ปากเธอมองเขาน้ำตาคลอ เขาฝืนกินเธอรู้
" ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ "
"กินข้าวก่อนเถอะมีอะไรไว้ค่อยพูด "
ชาริสากลัวว่าเขาจะบอกเลิก เธอไม่อยากได้ยินไม่พร้อมยอมรับ ตักข้าวเข้าปากไม่รับรู้รสชาติใดๆ มีแต่ความขื่นขมน้ำตาก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ไหลลงมาใส่จานข้าว ภาคินทร์ชะงักก่อนเอ่ยถาม
" เป็นอะไรไป"
" เปล่า "
ภาคินทร์ถอนหายใจหนักๆ แม้เขาจะรู้สึกผิดกับเธอแต่ก็ไม่อยากยืดเยื้ออีกต่อไป ปีก่อนเขาประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อมได้ชาริสาช่วยเอาไว้ ความใกล้ชิดทำให้เขากับเธอมีความสัมพันธ์กัน และเขาก็ได้จดทะเบียนสมรสกับเธอ แต่ตอนนี้เขาจำทุกอย่างได้แล้วว่าเขาเป็นใคร เขาไม่ใช่ภาคินทร์ของเธอ แต่เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมชื่อดัง ที่สำคัญเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ก่อนเกิดอุบัติเหตุเขาทะเลาะกับโสรยาคู่หมั้นของเขาจึงได้ดื่มจนเมาขาดสติ และขับรถเร็วจนเกิดอุบัติเหตุ เขากับโสรยาคบกันตั้งแต่เรียนมหาลัย ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างรับรู้และให้หมั้นกันไว้ก่อนพอเรียนจบแล้วค่อยแต่ง แต่โสรยายังไม่อยากแต่ง เธอขอไปเที่ยวเล่นเมืองนอกสักปีก่อน พอเธอกลับมาเขาก็ทวงสัญญาเรื่องแต่งงาน แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงจนเราทะเลาะกัน
" คุณจำทุกอย่างได้แล้วใช่ไหม "
เสียงพูดของชาริสาดึงสติของเขาให้กลับมา เขาพยักงาน
" ใช่ ผมจำทุกอย่างได้แล้ว ผมไม่ใช่ภาคินทร์ผมชื่อธนดล "
" ผู้หญิงคนนั้น ที่อยู่ในร้านอาหาร "
" เธอชื่อโสรยาเป็นคู่หมั้นของผม เราคบกันมาหลายปีตั้งแต่เรียนอยู่มหาลัยปี1 ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุผมกับเธอกำลังจะแต่งงานกัน"
" แล้วฉันหล่ะ "
" ผม ผมขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลากับผมไปเป็นปี ผมจะชดใช้ให้ "
ชาริสาปล่อยโฮ เขาบอกว่าจะชดใช้ให้เธอ 1ปีที่เธอเสียเวลาไปกับเขา 1ปีที่เธอทุ่มเทหัวใจรักเขา ทำทุกอย่างเพื่อเขา ตอนนั้นเขาตาบอดชั่วคราวอยู่6เดือน เธอคอยปลอบโยนเขาเป็นกำลังใจให้เขา เป็นดวงตาให้เขา ดูแลเขาทุกอย่าง ไม่เพียงตาบอดแต่ขาข้างซ้ายยังหัก เธอต้องคอยประคองเขาเวลาไปไหนมาไหน ดูแลแม้กระทั่งอาบน้ำเข้าห้องน้ำก็ไม่เคยรังเกียจ เธอทำงานเป็นพนักงานจัดเลี้ยงในโรงแรมแห่งหนึ่ง ทุกวันช่วงพักเธอจะนั่งวินมอไซค์กลับมาที่พักเพื่อดูแลป้อนน้ำป้อนข้าวเขา หลังเลิกงานเธอต้องทำงานพิเศษต่อ เพื่อหาเงินผ่าตัดให้เขา ที่เขาตาบอดเพราะมีลิ่มเลือดอุดตันกดทับเส้นปราสาทบริเวณศีรษะ พอเขาได้รับการผ่าตัด ตาของเขาก็เริ่มกลับมามองเห็นอีกครั้ง ค่าใช้จ่ายทุกอย่างของเขา ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลค่ารักษาค่ายาล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ เพราะเธอรักเขาและคิดว่าเขาก็คงรักเธอเช่นกัน เธอก็ลืมคิดไป ว่าวันนึงหากเขาจำทุกอย่างได้ เขาก็คงจะทิ้งเธอ ผู้หญิงจนๆจะไปสู้คุณหนูที่ร่ำรวยได้ยังไง
" เราหย่ากันเถอะ ผมจะให้เงินคุณ10ล้านชดใช้กับ1ปีที่ คุณช่วยดูแลผม "
" ไหนคุณเคยบอกว่ารักฉัน บอกว่าจะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต คุณลืมไปแล้วเหรอ "
" ผม ตอนนั้นผมยังจำอะไรไม่ได้ ผมเป็นภาคินทร์ ไม่ใช่ธนดลเหมือนตอนนี้ "
ชาริสาแค่นหัวเราะ นั่นสินะตอนนั้นเขาคือภาคินทร์ ชายความจำเสื่อมตาบอดขาหัก ไม่ใช่ผู้ชายตรงหน้าเธอ ตอนนี้เขาชื่อธนดลตาเขามองเห็นแล้ว ขาที่หักก็ใส่เหล็กดามเอาไว้แล้ว เงินเธอทั้งนั้น เธอยิ้มทั้งน้ำตาให้เขา
" คนพูดไม่เคยจำ แต่คนฟังไม่เคยลืม ตอนที่คุณพูด คุณพูดเพราะสงสารอยากตอบแทนบุญคุณฉัน เลยพูดไปแบบนั้นให้ฉันรู้สึกดี เพราะคุณรู้ว่าฉันชอบคุณใช่ไหม ที่จริงแล้วคุณไม่เคยคิดอะไรกับฉันเลย คุณเห็นฉันเป็นที่พึ่ง เลยหลอกให้ฉันรักให้ฉันดูแล พอคุณหายดีก็ถีบหัวฉันส่ง "
ธนดลนิ่งเงียบเม้มปากไม่กล้าสบตาเธอ ในใจเขารู้สึกหน่วงแปลกๆ เขาตอบไม่ได้ว่ารักเธอไหม เขารู้แต่ว่าเขาก็รู้สึกดีที่มีเธออยู่ด้วย ตอนนั้นที่เขาบอกรักเธอเขาก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจ พอเขาจำทุกอย่างได้ เขาก็ยังมีโสรยาอีกคน เขาผูกพันธ์กับโสรยามากกว่า และเขาทิ้งเธอไม่ได้ถึงต่อให้เขาไม่เลิกกับชาริสา ยังไงพ่อกับแม่ของเขาก็ต้องบังคับให้เราเลิกกันอยู่ดี ฐานะเราสองคนต่างกัน ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกันหรอก
" พรุ่งนี้คุณพร้อมไหม "
ชาริสาเงยหน้ามองเขา น้ำตาหลั่งรินมาไม่ขาดสาย ธนดลใจกระตุกวูบเมื่อเห็นเธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร เอื้อมมือจะไปเช็ดน้ำตาให้ แต่เมื่อคิดถึงโสรยาขึ้นมาก็ชักมือกลับ
" ดึกแล้วคุณเข้านอนเถอะ "
เขาหันหลังกลับไป มือดึงประตูเปิดออก ชาริสากลืนก้อนสะอื้นรีบพูดก่อนเขาจะไป
" พรุ่งนี้เจอกันที่เขต "
ธนดลหันกลับมามอง เธอก็เดินเข้าห้องนอนไปแล้ว
ชาริสานอนกอดตุ๊กตาร้องให้ เสียงรถเขาไปนานแล้ว แต่น้ำตาก็ไม่มีทีท่าจะหยุดไหลซะที ร้องให้ให้พอแล้วพรุ่งนี้เธอจะไม่ร้องให้อีก เขาไม่รักไม่แคร์เธอเลยสักนิด ถ้าเธอรู้ว่าการได้พบเขาได้รักเขา แล้วตัวเองต้องทุกข์ทรมานแบบนี้ วันนั้นเธอจะไม่ช่วยเขาเลย เธอปาดน้ำตาออกจากหน้า กอดปลอบตัวเอง
"ไม่เป็นไรนะ มีความสุขกับการหย่านะ ชาริสา"
ชาริสาไม่ได้นอนทั้งคืนเธอลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า มองดูตัวเองในกระจกดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้หนัก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเธอกดรับสาย
" ฮัลโหล "
" หือ ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น วันนี้ทำไมไม่มาทำงาน แกเป็นอะไรรึเปล่า "
" ฉันลาหน่ะ "
" เป็นอะไรไม่สบายตรงไหนแล้วไปหาหมอรึยัง "
" ไม่ได้เป็นอะไร ฉันกำลังจะไปหย่า "
" อะไรนะ ทำไมถึงหย่าหล่ะ แกทะเลาะกับคินเหรอ มีเรื่องอะไรค่อยพูดค่อยจากันดีๆบางที "
" เขาจำทุกอย่างได้แล้ว "
ชาริสาพูดแทรกขึ้นมา กวินนาถึงกับนิ่งอึ้ง