2.

1500 Words
" เขาไม่ใช่ภาคินทร์ แต่เขาคือธนดล ลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมแชงกรีล่าที่หายตัวไป ที่พวกเราทำงานอยู่ " " แล้วไง พอจำทุกอย่างได้เลยทิ้งแกแล้วกลับไปเป็นคุณชายอย่างงั้นเหรอ แบบนี้มันเนรคุณชัดๆ" " เขาบอกว่ามีคนรักอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานกัน แต่มาเกิดอุบัติเหตุก่อน " " จะแต่งงานแล้วยังไงนั่นมันอดีต แต่แกคือปัจจุบัน แกเป็นเมียของเขา ถึงไม่ได้แต่งงานแต่จดทะเบียนสมรสอยู่กินกันมาเป็นปี เขาไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ " " เขาไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนนั้นเขาแค่สงสารฉัน อยากตอบแทนบุญคุณที่ฉันช่วยเขาไว้ แต่ตอนนี้เขาจำได้แล้ว ว่าเขามีคนรักและรักกันมาก รักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เขาต้องการกลับไปหาคนรักของเขา " " นี่มันสารเลว ตอนมันตาบอดแกเป็นตาให้มัน ตอนมันขาหักแกก็เป็นขาให้มัน จะเข้าห้องน้ำก็ได้แกคอยประคับประคอง จะแดกข้าวก็เป็นแกที่คอยป้อน ค่ายาค่าผ่าตัดก็เป็นแกที่ทำงานหนักหาเงินมารักษามัน พอมันหายดีจำทุกอย่างได้ก็ทิ้งแกไป มันเลวยิ่งกว่าหมา ขนาดหมาไอ้ด่างให้ข้าวมันกินมันยังรู้จักบุญคุณ แต่นี่เป็นคนแท้ๆ รู้งี้แกไม่น่าช่วยมันไว้เลย น่าจะปล่อยให้มันตายอยู่ข้างถนนนั่นแหละ " กวินนายิ่งพูดก็ยิ่งโมโหแทนเพื่อน " เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนแกเอง" " ไม่ต้องหรอก แกทำงานเถอะ วันก่อนแกก็พึ่งจะหยุดงานไป ฉันไปคนเดียวได้ไม่ต้องห่วง " " แน่นะ " " อืม " " ถ้างั้นมีอะไรให้รีบโทรหาฉันทันที เลิกงานตอนเย็นฉันจะเข้าไปหา " " รู้แล้ว " ที่สำนักงานเขต เมื่อชาริสามาถึงก็นั่งรออยู่สักพักธนดลก็มา ทั้งสองเซ็นเอกสารหย่าร้างเสร็จชาริสาก็รีบลุกเดินออกมา ธนดลตามมาติดๆ " เดี๋ยวผมไปส่ง " " ไม่จำเป็น ฉันมาเองได้ก็กลับเองได้ " ธนดลแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ฝนกำลังจะตก พอมองไปที่ชาริสาเธอก็ข้ามถนนไปแล้ว ร่างเล็กบอบบางค่อยๆเดินไปตามทางฟุตบาท เขารู้สึกวูบโหวงในใจ สายฝนหลั่งลงมาปรอยๆ เขาตัดสินใจสาวเท้าวิ่งตามเธอไป หมับ " ขึ้นรถผมจะไปส่ง ฝนกำลังจะตก" " ฉันบอกแล้วว่าไม่ไป เราไม่รู้จักกัน ปล่อย " คำว่าเราไม่รู้จักกันทำให้ธนดลถึงกับผงะหย่ากันได้ไม่ถึง10นาทีเขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอไปแล้ว ไม่รู้ทำไมใจถึงได้ไม่ยินยอม ยิ่งได้เห็นแววตาเศร้าสร้อยของเธอ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด นี่เขาทำถูกรึเปล่านะที่ทิ้งเธอ ชาริสาสะบัดแขนออกจากมือหนาของเขาเดินหนีไป แต่เขาก็กระชากแขนเธออย่างแรง จนเธอเซมาปะทะอกแกร่ง กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงติดอยู่ที่เสื้อของเขาลอยเข้าจมูก ก่อนมาที่นี่คงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันมาสินะ เธอยิ้มขมขื่น รวบรวมแรงที่มีผลักเขาออก คงเพราะใช้แรงมากไป บวกกับเมื่อตอนเย็นกินข้าวไปหน่อยเดียว ตอนเช้าก็ท้องว่างไม่ได้กินอะไร เมื่อคืนก็ร้องไห้ทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอน จึงได้มีอาการเวียนหัวหน้ามืด หลังจากผลักเขาออกอย่างแรง เธอถึงกับเซไปหลายก้าว พรวด เธอสำลอกออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ จึงรีบเช็ดปากแล้ววิ่งไปขึ้นรถแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดี ธนดลมองตามแท็กซี่ที่เธอนั่ง ขับออกไปจนลับตา ก่อนจะหันกลับไปขึ้นรถสายตาก็มองเห็นกองเลือด เขาตาเบิกโพลง เมื่อกี้เขาเห็นเธออาเจียนออกมา แล้วกองเลือดที่เห็นนี่มันหมายความว่ายังไง เธอป่วยเหรอ เป็นหนักขนาดนี้เธอได้ไปหาหมอหรือยังนะ เขาได้แต่ว้าวุ่นในใจ ชาริสาลงจากแท็กซี่เดินเข้าไปในสวนสาธารณะท่ามกลางฝนที่ตกลงมา เธอเดินช้าๆตากฝน ปล่อยให้สายฝนชะล้างน้ำตาที่ไหลมาไม่ขาดสาย ทั้งที่บอกตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก แต่เอาเข้าจริงมันกลับทำไม่ได้ เจ็บเหลือเกิน " ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ " เธอทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างไม่อาย ฝนฟ้าก็เป็นใจตกลงมาแรงกว่าเดิม ฟ้าร้องคำรามแลบแปลบปลาบน่ากลัว ชาริสากุมท้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะกระอักเลือดออกมาแล้วล้มลงหมดสติ คนขับรถแท็กซี่ที่เธอนั่งมา เห็นเธอมีอาการไม่ดีร้องไห้มาตลอดทาง และยืนยันว่าจะลงจากรถทั้งที่ฝนตกแรง เขาจึงจอดรถอยู่ไม่ไกล มองดูเธอด้วยความเป็นห่วง พอเห็นเธอล้มลงไป เขาก็รีบขับรถเข้าไปใกล้ๆแล้วอุ้มเธอขึ้นมาพาส่งโรงพยาบาลทันที ชาริสาลืมตาขึ้นมาก็เห็นกวินนานั่งอยู่ข้างๆ พอกวินนาเห็นเธอก็ปล่อยโฮออกมา ลุกขึ้นมากอดเธอเอาไว้ " แกเป็นหนักขนาดนี้ทำไมไม่บอกฉัน ยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม " " ฉันไม่อยากให้แกเป็นห่วง " " แล้วการที่ฉันรู้ทีหลังแบบนี้ คิดว่าฉันจะไม่เป็นห่วงรึไง ฮือ ฮือ " " นา อย่าร้องไห้ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา " " ไม่ ไม่เอา ฉันไม่ให้แกเป็นอะไร ฮือ ฮือ แกบอกฉันมา ว่าแกรู้มานานแล้วใช่ไหมว่าแกเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร" "อืม" " แกรู้แต่แกไม่ยอมรักษาตัวเอง เป็นเพราะไอ้สารเลวนั่นใช่ไหม " ชาริสาเบือนหน้าออกยิ้มขมขื่น ตอนนั้นเธอพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาลประเมินผลว่าพร้อมสำหรับผ่าตัดไหม เธอปวดท้องอาเจียนเป็นเลือดจนหมดสติ พอตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย หมอบอกว่าเธอเป็นมะเร็งกะเพาะอาหาร ต้องรีบทำการรักษาก่อนจะลุกลามไปมากกว่านี้ เธอห่วงเขากลัวว่าถ้าเธอรักษาตัวแล้วใครจะคอยดูแลเขาไหนจะค่าใช้จ่ายสำหรับผ่าตัดของเขาอีก เธอจึงปฏิเสธในการรักษา และลืมเรื่องป่วยของเธอเสียสนิท จนมาถึงวันนี้อาการกำเริบอีก ถึงนึกได้ว่าเธอป่วยอยู่ " เพราะแกกลัวว่าจะไม่มีค่าผ่าตัดมัน แกเลยไม่ยอมรักษา แล้วดูสิ่งที่แกทำสิมันคุ้มไหม สุดท้ายมันก็ทิ้งแกแบบไม่มีเยื่อใยเลย " " ช่างเถอะ คิดเสียว่าชาติก่อนฉันติดหนี้บุญคุณเขา ชาตินี้เลยต้องชดใช้ " หมอเดินเข้ามาในห้องตรวจพอดี เธอจึงได้ถามหมอว่าเธอจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ " ถ้าเริ่มรักษาตอนนี้อาจประคองประคองอยู่ได้อีกเป็นปี แต่ถ้าปฏิเสธที่จะรักษา มากสุดก็แค่เดือนเดียว " " แกรักษาตัวนะ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงฉันจะช่วยแกเองถ้าไม่พอฉันจะไปกู้มา " ชาริสายิ้มให้กวินนา เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอยู่เคียงข้างกันมาตลอด เราสองคนเป็นเด็กกำพร้ามาจากชุมชนแออัดเหมือนกัน ตอนนั้นเกิดไฟไหม้พ่อกับแม่ของเราตายในกองเพลิงพร้อมกับชาวบ้านอีกหลายคน เนื่องจากเป็นบ้านไม้หลังคาสังกะสี ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี บวกกับแดดร้อนระอุยิ่งทำให้เพลิงลุกโหมไวขึ้น รถดับเพลิงยากจะเข้าถึงเพราะเป็นซอยแคบและแออัด กว่าจะควบคุมเพลิงได้ก็มีคนตายหลายสิบ ส่วนเธอกับกวินนารอดชีวิตเพราะไปโรงเรียน ครูที่โรงเรียนช่วยจัดการงานศพให้ แล้วส่งเธอกับกวินนาเข้าบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่นั้นมา พอโตขึ้นเธอถึงได้รู้ความจริง ว่าที่บ้านไฟไหม้เป็นเพราะถูกเผาไล่ที่เพื่อสร้างเป็นห้างสรรพสินค้า " ฉันขอปฏิเสธในการรักษาค่ะ " " มิ้ง " " หมออยากให้คิดดูดีๆ ยังไม่ต้องให้คำตอบวันนี้ก็ได้ " " ไม่ค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะ1ปีหรือ1เดือนก็ต้องตายเหมือนกัน ฉันไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรที่อยากให้อยู่ต่อไปอีกแล้ว " " มิ้ง แกยังมีฉัน แกจะทิ้งฉันไปได้ยังไงแล้วฉันจะอยู่กับใคร ฮือ ฮือ รักษาเถอะนะฉันขอร้อง ช่วยยืดเวลาอยู่ต่อกับฉันอีกหน่อย ฮือ ฮือ " " แกยังมีศักดิ์" " ไม่เอา ผัวกับเพื่อนไม่เหมือนกัน " " นา ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว " ชาริสาหลับตาลงทั้งน้ำตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD