" เขาไม่ใช่ภาคินทร์ แต่เขาคือธนดล ลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมแชงกรีล่าที่หายตัวไป ที่พวกเราทำงานอยู่ "
" แล้วไง พอจำทุกอย่างได้เลยทิ้งแกแล้วกลับไปเป็นคุณชายอย่างงั้นเหรอ แบบนี้มันเนรคุณชัดๆ"
" เขาบอกว่ามีคนรักอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานกัน แต่มาเกิดอุบัติเหตุก่อน "
" จะแต่งงานแล้วยังไงนั่นมันอดีต แต่แกคือปัจจุบัน แกเป็นเมียของเขา ถึงไม่ได้แต่งงานแต่จดทะเบียนสมรสอยู่กินกันมาเป็นปี เขาไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ "
" เขาไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนนั้นเขาแค่สงสารฉัน อยากตอบแทนบุญคุณที่ฉันช่วยเขาไว้ แต่ตอนนี้เขาจำได้แล้ว ว่าเขามีคนรักและรักกันมาก รักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เขาต้องการกลับไปหาคนรักของเขา "
" นี่มันสารเลว ตอนมันตาบอดแกเป็นตาให้มัน ตอนมันขาหักแกก็เป็นขาให้มัน จะเข้าห้องน้ำก็ได้แกคอยประคับประคอง จะแดกข้าวก็เป็นแกที่คอยป้อน ค่ายาค่าผ่าตัดก็เป็นแกที่ทำงานหนักหาเงินมารักษามัน พอมันหายดีจำทุกอย่างได้ก็ทิ้งแกไป มันเลวยิ่งกว่าหมา ขนาดหมาไอ้ด่างให้ข้าวมันกินมันยังรู้จักบุญคุณ แต่นี่เป็นคนแท้ๆ รู้งี้แกไม่น่าช่วยมันไว้เลย น่าจะปล่อยให้มันตายอยู่ข้างถนนนั่นแหละ "
กวินนายิ่งพูดก็ยิ่งโมโหแทนเพื่อน
" เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนแกเอง"
" ไม่ต้องหรอก แกทำงานเถอะ วันก่อนแกก็พึ่งจะหยุดงานไป ฉันไปคนเดียวได้ไม่ต้องห่วง "
" แน่นะ "
" อืม "
" ถ้างั้นมีอะไรให้รีบโทรหาฉันทันที เลิกงานตอนเย็นฉันจะเข้าไปหา "
" รู้แล้ว "
ที่สำนักงานเขต เมื่อชาริสามาถึงก็นั่งรออยู่สักพักธนดลก็มา ทั้งสองเซ็นเอกสารหย่าร้างเสร็จชาริสาก็รีบลุกเดินออกมา ธนดลตามมาติดๆ
" เดี๋ยวผมไปส่ง "
" ไม่จำเป็น ฉันมาเองได้ก็กลับเองได้ "
ธนดลแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ฝนกำลังจะตก พอมองไปที่ชาริสาเธอก็ข้ามถนนไปแล้ว ร่างเล็กบอบบางค่อยๆเดินไปตามทางฟุตบาท เขารู้สึกวูบโหวงในใจ สายฝนหลั่งลงมาปรอยๆ เขาตัดสินใจสาวเท้าวิ่งตามเธอไป หมับ
" ขึ้นรถผมจะไปส่ง ฝนกำลังจะตก"
" ฉันบอกแล้วว่าไม่ไป เราไม่รู้จักกัน ปล่อย "
คำว่าเราไม่รู้จักกันทำให้ธนดลถึงกับผงะหย่ากันได้ไม่ถึง10นาทีเขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอไปแล้ว ไม่รู้ทำไมใจถึงได้ไม่ยินยอม ยิ่งได้เห็นแววตาเศร้าสร้อยของเธอ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด นี่เขาทำถูกรึเปล่านะที่ทิ้งเธอ
ชาริสาสะบัดแขนออกจากมือหนาของเขาเดินหนีไป แต่เขาก็กระชากแขนเธออย่างแรง จนเธอเซมาปะทะอกแกร่ง กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงติดอยู่ที่เสื้อของเขาลอยเข้าจมูก ก่อนมาที่นี่คงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันมาสินะ เธอยิ้มขมขื่น รวบรวมแรงที่มีผลักเขาออก คงเพราะใช้แรงมากไป บวกกับเมื่อตอนเย็นกินข้าวไปหน่อยเดียว ตอนเช้าก็ท้องว่างไม่ได้กินอะไร เมื่อคืนก็ร้องไห้ทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอน จึงได้มีอาการเวียนหัวหน้ามืด หลังจากผลักเขาออกอย่างแรง เธอถึงกับเซไปหลายก้าว พรวด เธอสำลอกออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ จึงรีบเช็ดปากแล้ววิ่งไปขึ้นรถแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดี
ธนดลมองตามแท็กซี่ที่เธอนั่ง ขับออกไปจนลับตา ก่อนจะหันกลับไปขึ้นรถสายตาก็มองเห็นกองเลือด เขาตาเบิกโพลง เมื่อกี้เขาเห็นเธออาเจียนออกมา แล้วกองเลือดที่เห็นนี่มันหมายความว่ายังไง เธอป่วยเหรอ เป็นหนักขนาดนี้เธอได้ไปหาหมอหรือยังนะ เขาได้แต่ว้าวุ่นในใจ
ชาริสาลงจากแท็กซี่เดินเข้าไปในสวนสาธารณะท่ามกลางฝนที่ตกลงมา เธอเดินช้าๆตากฝน ปล่อยให้สายฝนชะล้างน้ำตาที่ไหลมาไม่ขาดสาย ทั้งที่บอกตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก แต่เอาเข้าจริงมันกลับทำไม่ได้ เจ็บเหลือเกิน
" ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ "
เธอทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างไม่อาย ฝนฟ้าก็เป็นใจตกลงมาแรงกว่าเดิม ฟ้าร้องคำรามแลบแปลบปลาบน่ากลัว ชาริสากุมท้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะกระอักเลือดออกมาแล้วล้มลงหมดสติ
คนขับรถแท็กซี่ที่เธอนั่งมา เห็นเธอมีอาการไม่ดีร้องไห้มาตลอดทาง และยืนยันว่าจะลงจากรถทั้งที่ฝนตกแรง เขาจึงจอดรถอยู่ไม่ไกล มองดูเธอด้วยความเป็นห่วง พอเห็นเธอล้มลงไป เขาก็รีบขับรถเข้าไปใกล้ๆแล้วอุ้มเธอขึ้นมาพาส่งโรงพยาบาลทันที
ชาริสาลืมตาขึ้นมาก็เห็นกวินนานั่งอยู่ข้างๆ พอกวินนาเห็นเธอก็ปล่อยโฮออกมา ลุกขึ้นมากอดเธอเอาไว้
" แกเป็นหนักขนาดนี้ทำไมไม่บอกฉัน ยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม "
" ฉันไม่อยากให้แกเป็นห่วง "
" แล้วการที่ฉันรู้ทีหลังแบบนี้ คิดว่าฉันจะไม่เป็นห่วงรึไง ฮือ ฮือ "
" นา อย่าร้องไห้ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา "
" ไม่ ไม่เอา ฉันไม่ให้แกเป็นอะไร ฮือ ฮือ แกบอกฉันมา ว่าแกรู้มานานแล้วใช่ไหมว่าแกเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร"
"อืม"
" แกรู้แต่แกไม่ยอมรักษาตัวเอง เป็นเพราะไอ้สารเลวนั่นใช่ไหม "
ชาริสาเบือนหน้าออกยิ้มขมขื่น ตอนนั้นเธอพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาลประเมินผลว่าพร้อมสำหรับผ่าตัดไหม เธอปวดท้องอาเจียนเป็นเลือดจนหมดสติ พอตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย หมอบอกว่าเธอเป็นมะเร็งกะเพาะอาหาร ต้องรีบทำการรักษาก่อนจะลุกลามไปมากกว่านี้ เธอห่วงเขากลัวว่าถ้าเธอรักษาตัวแล้วใครจะคอยดูแลเขาไหนจะค่าใช้จ่ายสำหรับผ่าตัดของเขาอีก เธอจึงปฏิเสธในการรักษา และลืมเรื่องป่วยของเธอเสียสนิท จนมาถึงวันนี้อาการกำเริบอีก ถึงนึกได้ว่าเธอป่วยอยู่
" เพราะแกกลัวว่าจะไม่มีค่าผ่าตัดมัน แกเลยไม่ยอมรักษา แล้วดูสิ่งที่แกทำสิมันคุ้มไหม สุดท้ายมันก็ทิ้งแกแบบไม่มีเยื่อใยเลย "
" ช่างเถอะ คิดเสียว่าชาติก่อนฉันติดหนี้บุญคุณเขา ชาตินี้เลยต้องชดใช้ "
หมอเดินเข้ามาในห้องตรวจพอดี เธอจึงได้ถามหมอว่าเธอจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่
" ถ้าเริ่มรักษาตอนนี้อาจประคองประคองอยู่ได้อีกเป็นปี แต่ถ้าปฏิเสธที่จะรักษา มากสุดก็แค่เดือนเดียว "
" แกรักษาตัวนะ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงฉันจะช่วยแกเองถ้าไม่พอฉันจะไปกู้มา "
ชาริสายิ้มให้กวินนา เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอยู่เคียงข้างกันมาตลอด เราสองคนเป็นเด็กกำพร้ามาจากชุมชนแออัดเหมือนกัน ตอนนั้นเกิดไฟไหม้พ่อกับแม่ของเราตายในกองเพลิงพร้อมกับชาวบ้านอีกหลายคน เนื่องจากเป็นบ้านไม้หลังคาสังกะสี ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี บวกกับแดดร้อนระอุยิ่งทำให้เพลิงลุกโหมไวขึ้น รถดับเพลิงยากจะเข้าถึงเพราะเป็นซอยแคบและแออัด กว่าจะควบคุมเพลิงได้ก็มีคนตายหลายสิบ ส่วนเธอกับกวินนารอดชีวิตเพราะไปโรงเรียน ครูที่โรงเรียนช่วยจัดการงานศพให้ แล้วส่งเธอกับกวินนาเข้าบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่นั้นมา พอโตขึ้นเธอถึงได้รู้ความจริง ว่าที่บ้านไฟไหม้เป็นเพราะถูกเผาไล่ที่เพื่อสร้างเป็นห้างสรรพสินค้า
" ฉันขอปฏิเสธในการรักษาค่ะ "
" มิ้ง "
" หมออยากให้คิดดูดีๆ ยังไม่ต้องให้คำตอบวันนี้ก็ได้ "
" ไม่ค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะ1ปีหรือ1เดือนก็ต้องตายเหมือนกัน ฉันไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรที่อยากให้อยู่ต่อไปอีกแล้ว "
" มิ้ง แกยังมีฉัน แกจะทิ้งฉันไปได้ยังไงแล้วฉันจะอยู่กับใคร ฮือ ฮือ รักษาเถอะนะฉันขอร้อง ช่วยยืดเวลาอยู่ต่อกับฉันอีกหน่อย ฮือ ฮือ "
" แกยังมีศักดิ์"
" ไม่เอา ผัวกับเพื่อนไม่เหมือนกัน "
" นา ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว "
ชาริสาหลับตาลงทั้งน้ำตา