“เก่งแล้วที่ตามทันได้ขนาดนี้ ตอนคุณบุหงาเริ่มงานใหม่ๆ เกือบปีเลยนะกว่าจะตามทัน คุณหัวไวอย่างที่บุหงาบอกเอาไว้เลย”
พร้อมพรอยากจะยิ้ม อยากดีใจในคำชมของชายผู้เป็นเจ้านายแต่เธอก็รู้สึกได้ไม่เต็มที่เท่าใดนัก ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า ว่าที่เขาพูดมานั้นไม่ได้ชมจากใจจริง เหมือนกับคำพูดกดดันเพื่อให้เธอเป็นงานให้ไวกว่านี้
“ทำงานกับผม อย่าคิดมาก ผมชมหมายถึงว่าคุณผ่านเกณฑ์ ถ้าไม่ผ่านผมจะช่วยเตือนให้ ผมไม่ชมใครเรี่ยราดเด็ดขาด”
พร้อมพรเหลือบตาไปมองเขาเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากเลยนะ
เธอเดินประกบวัชระเศรษฐ์เข้าลิฟท์ และกลับไปยังชั้นที่ทำงาน ก่อนจะแยกตัวไปยังโต๊ะของตนเอง วัชระเศรษฐ์เข้าไปในห้องแล้วก่อนจะ phone in ออกมาหา เขาขอเอกสารที่รายงานการประชุมเมื่อครู่นี้
วันนี้บุหงาไม่ได้เข้ามาทำงาน เพราะถูกผู้บริหารท่านหนึ่งเอ่ยปากขอตัวให้ไปช่วยสาขาย่อยที่ย่านสุขุมวิท วัชระเศรษฐ์ดูเงียบๆ วันนี้ตั้งแต่เช้า พร้อมพรรู้สึกได้เลยว่าวัชระเศรษฐ์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีซึ่งผิดแปลกจากปกติเป็นอย่างมาก เพราะโดยปกติแล้ววัชระเศรษฐ์จะพูดคุยบ้างหากมีใครมีคำถาม แต่วันนี้เขาดูเงียบและขรึมมากกว่าเดิม
พร้อมพรมองที่หน้าจอโทรศัพท์เมื่อเห็นมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามา
‘พี่จะไปหาลูกเย็นนี้’
เธอยังไม่ได้ตอบอะไรวันนี้วุ่นวายตั้งแต่เช้าโทรศัพท์ที่เสียบชาร์จไว้ทั้งคืนปรากฏว่าไฟไม่เข้า แบตโทรศัพท์ของเธอในตอนนี้ก็ใกล้หมดเต็มที พร้อมพรเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรจึงไม่ได้กระตือรือร้นที่จะตอบข้อความนั้นของรัฐศาสตร์
เธอรีบเอาเอกสารเข้าไปส่งวัชระเศรษฐ์ที่ในห้องแล้วก็พบว่าเขาคุยสายอยู่ วัชระเศรษฐ์ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าให้รอเขาก่อน อย่าเพิ่งออกไป เธอเลยยืนรออยู่อย่างนั้นเกือบ 5 นาทีกว่าที่เขาจะวางสายลง
วัชระเศรษฐ์ก้มหน้าแล้วจดตัวใส่กระดาษถึงหัวข้อที่ต้องการให้เธอไปค้นเอกสารมาให้
“ผมจดให้อย่างละเอียดว่ามีเอกสารอะไร ของปีไหนบ้าง ให้คุณไปเอามาคัดลอกสรุปรายงาน ไม่ต้องรีบ ไม่ใช่งานด่วนอะไร ค่อยๆ ทำไป มีเวลาให้ค้นหา 1 วีค”
พร้อมพรออกมาจากห้องของเขาแล้วก็รื้อหากุญแจเพื่อเข้าไปค้นหาเอกสารให้เขา เลขานุการของเขาอีกคนที่มาช่วยงานแทนบุหงาเอ่ยถามอย่างสนใจ
“บอสสั่งอะไรคะน้องเมย”
“หาเอกสารพวกนี้แล้วคัดลอกสรุปรายงานค่ะพี่อี๋”
“ไหนคะ มาให้พี่ดูหน่อย” อรณีรับกระดาษจดที่เป็นลายมือของเจ้านายไปอ่านแล้วก็พูดขึ้น “ของปีพวกนี้น้องเมยสามารถเข้าไปเลือกตามฝั่งได้เลยนะคะ ปีคู่จะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ส่วนปีคี่อยู่ทางขวามือ”
“ได้ค่ะ”
“แสดงว่างานไม่เร่ง ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ ค่อยๆ ทำ” อรณีบอกอย่างรู้จังหวะการทำงานมาเป็นอย่างดีเพราะทำงานที่นี่ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเช่นเดียวกันกับบุหงา
“บ่ายนี้มีอะไรไหมคะพี่อี๋” พร้อมพรถามก่อนที่จะไปค้นหาเอกสารตามที่ได้คำสั่งมาจากเจ้านาย อรณีส่ายหน้าแล้วตอบกลับไป
“ไม่มีค่ะ”
“อย่างงั้นเมยขอหาเอกสารที่ห้องเอกสารบ่ายนี้นะคะ มีอะไรเข้ามาตามเมยได้นะคะพี่”
อรณีพยักหน้าว่าไปเถอะ เธอเลยหยิบกุญแจเดินตรงไปยังห้องเก็บเอกสาร ทีแรกว่าจะกินข้าวเที่ยงก่อน แต่ไม่หิวเท่าไร เอาไว้หาได้สักสองสามแฟ้มค่อยกินก็ไก้
สิ่งที่เขาต้องการมีอยู่เกือบ 20 รายการ พร้อมพรหาเจอแล้ว 5 รายการภายใน 1 ชั่วโมงก็คิดว่าเธอน่าจะทำงานเสร็จตามที่เขาต้องการได้ภายในวันนี้
พร้อมพรไม่ได้มองเวลาเธอค้นหารายการเอกสารไปเรื่อยๆ จนเกือบครบแล้วนั่นเอง จึงได้เดินออกมาที่ด้านนอกพบว่า พี่เลขานุการของวัชระเศรษฐ์อีกคนหนึ่งหายไป
บนโต๊ะมี note แผ่นเล็กๆเขียนเอาไว้ว่า
‘พี่กลับแล้วนะคะน้องเมย’
พร้อมพรเห็นข้อความแล้วก็รู้ได้ในทันที ว่าตอนนี้เหลือเธอแค่คนเดียวทั้งชั้น เหลือบมองเวลาเห็นตัวเลข
19.23 น.
พร้อมพรไม่เคยอยู่ในออฟฟิศดึกขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนจบและทำงานใหม่ๆ ก่อนจะลาออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว เต็มที่ก็แค่หกโมงเฉียดๆ หนึ่งทุ่มเท่านั้น เธอเก็บของอย่างเร็วไวแล้วเดินกึ่งวิ่งไปยืนรอลิฟต์ก็ปรากฏว่าเสียงประตูห้องด้านในถูกเปิดออก
เธอไม่กลัวอะไรเลยเท่ากับสิ่งที่มองไม่เห็น แล้วก็หลุดเสียงหวีดร้องเบาๆ ออกมาเมื่อได้ยินเสียงของบางอย่างกระแทกตกลงมาอย่างหนัก
“สั่งอะไรเพิ่มไหมครับ”
เสียงถามไม่ได้ฟังดูดุ ออกจะนุ่มนวลด้วยซ้ำ นั่นเองพร้อมพรจึงได้สติ หลังจากที่เธอได้ยินเสียงประตูเปิดออกมาจากชั้นที่ทำงานตอนรอลิฟต์ แล้วยังมีเสียงของตกกระแทกพื้นหนักๆ จนหลุดเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ก็ค่อยตามเสียงเดินลงน้ำหนักแบบหนักแน่นคุ้นเคยก็ดังขึ้นก่อนที่มือใหญ่ๆ ของวัชระเศรษฐ์จะแตะเข้าที่ต้นแขนของเธอแล้วดึงขึ้นจากพื้น
“เมย”
เสียงเรียกชื่อเล่นของเธอทำเอาพร้อมพรชะงักไป
เสียงเรียกนั้นทุ้มและอ่อนโยนมาก เนื้อเสียงเหมือนกับเสียงของรัฐศาสตร์เอามาก ๆ มากจนพร้อมพรต้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เธอคิดไปว่ารัฐศาสตร์มาหาเธอถึงที่นี่ แต่พอได้สติแล้วก็พบว่าคนที่เรียกเธอไม่ใช่รัฐศาสตร์ แต่เป็นเจ้านายของเธอเอง
“บอส”
จิตของเธอปรุงแต่งเสียงให้คิดไปว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอดีตสามี
“ตกใจอะไร นึกว่าผีหรอครับ”
“ค่ะ” พร้อมพรรับเสียงสั่น ในโลกนี้เธอกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นที่สุดเลย นึกแล้วขนลุกไปทั้งตัว แต่ก็พยายามฝืนกลบความกลัวพวกนั้นเอาไว้
“ไปเถอะ ลงไปด้วยกัน”
วัชระเศรษฐ์ชวนเธอแล้วขอโทษที่เมื่อครู่นี้ทำเสียงดัง เขาทำที่ทับกระดาษที่ทำจากหินสลักตกลงบนพื้น นี่เองต้นตอของเสียงเมื่อครู่นี้ที่ทำเอาพร้อมพรตกใจจนเกือบหมดสติ
หลังจากนั้นวัชระเศรษฐ์ก็ชวนเธอไปกินข้าวด้วย เขาเลือกร้านอาหารตามสั่งถัดจากออฟฟิศไม่มาก
“ผมเล็งมานานแล้วร้านนี้”
“เห็นเขาว่าร้านนี้แพงตับพังเลยนะคะบอส”
“จริงหรือ งั้นกินเลยเต็มที่ ผมเลี้ยงเอง ผมทำให้คุณต้องเลิกงานค่ำ แล้วยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงอีก”