“ยื่นเซ่อทำไมว่ะ กูบอกให้ขึ้นไปลากไต้ก๋งมันลงมา”
น้ำเสียงโกรธกริ้วโมโหถูกสบถออกมาจากผู้เป็นนายอีกครั้ง ลูกกระจ๊อกของเสี่ยพารุณพากันขยับเข้ามาใกล้สะพานเรือด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นท่าเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือของลูกเรือ
เสี่ยพารุณสบถด่าในลำคอเมื่อเห็นท่าทางขี้ขลาดของลูกน้อง เขาใช้ด้ามปืนแหวกลูกน้องออกเป็นทางแล้วเดินตรงมาที่สะพานเรือแต่ก็ต้องหยุดชะงักอยู่แค่นั้นเพราะลูกเรือที่ยืนคุมเชิงทำหน้าที่ได้เข้มแข็งไม่ยอมให้คนแปลกหน้าขึ้นมาบนเรือได้ง่ายๆ
“ปล่อยให้มันขึ้นมา” กัปตันบารอนตะโกนสั่งเสียงทุ้มลึกทรงอำนาจ
เสี่ยพารุณยิ้มเยาะ เข้าใจว่าอีกฝ่ายขลาดกลัวพวกพ้องของตนเอง แต่เท้าขวาที่กำลังจะก้าวขึ้นบนสะพานเรือด้วยความลำพองใจมีอันต้องหยุดชะงักกึกกลางอากาศเมื่อได้ยินประโยคถัดไป
“ขาข้างไหนเหยียบเรือกู กูจะยิงข้างนั้นก่อน”
กัปตันบารอนเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ นัยน์ตาสีทองเฉยชาใบหน้าคมเข้มสีแทนไร้ความรู้สึกขณะยกปืนเก็บเสียงขึ้นตั้งลำกล้องไปยังคนที่กำลังจะก้าวขึ้นมา
ลูกเรือเดอะรอยัล อาดามัส ที่ฟังอยู่ถึงกับขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัวเพราะรู้ว่ากัปตันเป็นคนพูดจริงทำจริงเสมอ...
เสี่ยพารุณยิ้มเยาะตรงมุมปากคิดว่าชายหนุ่มที่อยู่บนเรือสำราญลำใหญ่คงไม่กล้าทำตามที่พูดจริงๆ ขาสั้นๆ แบบคนอ้วนเตี้ยม่อต้อก้าวขึ้นบนสะพานเรืออย่างท้าทาย
“ฟิ๊วววว!...”
กระสุนนัดแรกลอยเข้าไปเจาะรองเท้าหนังสีดำตรงตำแหน่งหัวแม่เท้าพอดิบพอดี ซึ่งไม่ใช่การยิงพลาดแต่เป็นการเจาะจงยิงตำแหน่งนี้โดยเฉพาะ
เสี่ยพารุณไม่รู้ว่ากระสุนลอยมาตอนไหนแต่ที่เขารู้สึกได้คือตอนนี้รองเท้าด้านขวาเป็นรูโบ๋ หัวแม่เท้าร้อนฉ่าจากลูกตะกั่วที่ลอยมากระทบจนทำให้เลือดอาบไหลเป็นทางยาว ร่างอ้วนเตี้ยทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นสกปรกที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน เมื่อเห็นเลือดสดๆ ไหลเป็นทางยาว นักเลงใจปลาซิวอย่างเสี่ยพารุณถึงกับหน้าซีดเผือดทำท่าจะเป็นลมให้ได้
“ยืนเซ่อทำไม ยิงเจาะกะบาลพวกมันสิว่ะ” เสี่ยพารุณสั่งเสียงดังเอามือไปกุมหัวแม่เท้าไว้แน่นเพื่อห้ามเลือดที่ยังไหลไม่ขาดสาย
ลูกน้องของเสี่ยพารุณยังไม่ทันได้ชักปืนออกจากซอกเอว แสงเลเซอร์สีแดงก็ล็อคเป้าอยู่ตรงหน้าผากของแต่ละทุกคนรวมถึงหน้าผากเกลี้ยงๆ ของตัวเสี่ยพารุณด้วย ลูกกระจ๊อกทั้งสิบคนต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลักเหงื่อแตกพลั่กเรียงเม็ดด้วยความหวาดกลัวหัวหดเมื่อเห็นหน้าผากของเพื่อนๆ ถูกล็อคเป้าจากคนบนเรือ
“ใครอยากเป็นผีเฝ้าท่าเรือก็เชิญหยิบปืนออกมาได้เลย”
กัปตันบารอนสั่งเสียงเย็นยะเยือก ซึ่งฝ่ายที่อยู่ข้างล่างไม่มีใครกล้าหยิบปืนออกมาสักคน อย่าว่าแต่
หยิบปืนเลย แม้แต่จะขยับตัวก็ยังไม่กล้าขยับ...
กัปตันบารอนเหยียดยิ้มตรงมุมปากกับพวกนักเลงกระจอกหน้าตัวเมียกล้าทำเฉพาะกับคนที่ไม่มีทางต่อสู้ ด้วยความรำคาญที่จะต่อกรกับพวกหมาขี้เรื้อน เขาจึงหันไปส่งซิกให้ลูกเรือแล้วแกล้งขึ้นไกปืนพร้อมๆ กัน
คลิ๊ก!...
คราวนี้ทั้งเสี่ยพารุณทั้งลูกกระจ๊อกเบิกตากว้างตาเหลือกค้างเมื่อได้ยินเสียงขึ้นไกปืน ร่างอวบอูมพยายามกระเสือกกระสนพยุงตัวขึ้น พอหันไปมองด้านหลังก็เห็นลูกน้องบางคนพากันวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต
“รอกูด้วย พากูกลับไปด้วย”
เสี่ยพารุณละล่ำละลักตะโกนเรียกลูกน้องให้มาช่วยพยุงตนเอง พอมาเจอคนจริงแบบนี้ก็ทำให้เสี่ยพารุณกลัวตายจนแทบฉี่ราดก็ว่าได้
กัปตันบารอนเห็นแล้วก็นึกสมเพชเขาแกล้งยิงปืนออกไปอีกนัดเอาให้เฉียดๆ ใบหูที่เห็นอยู่รำไร ลูกเรือเดอะรอยัล อาดามัส ต่างก็พากันหัวเราะขบขำด้วยความสนุกตอนที่เห็นเสี่ยร่างอ้วนกระโดดเป็นเจ้าเข้าเพื่อหลบลูกกระสุนที่ถูกยิงแบบเฉียดๆ ไปหลายนัด
หญิงสาวที่เปียกซกสั่นไปทั้งตัวยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะ เธอสะใจที่สุดตอนที่เห็นเสี่ยพารุณกลัวจนหน้าซีดกระโดดหลบลูกกระสุนเป็นว่าเล่น จากช่องแคบๆ ระหว่างลังสัมภาระทำให้เธอมองเห็นคนที่ยิงเสี่ยพารุณได้ไม่ชัดนัก จะเห็นก็แค่ด้านหลังที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงไม่สะทกสะท้านกับภัยที่รออยู่เบื้องล่าง เสียงที่เอ่ยสั่งทุ้มลึกทรงอำนาจในบางครั้งก็ฟังดูเยือกเย็นไร้ความรู้สึกจนเธอนึกกลัวแทนเสี่ยพารุณ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกนิดๆ ที่เปียกชื้นน้ำฝนแบนติดไปกับศีรษะ เสื้อเชิ้ตสีตุ่นเปียกละอองฝนแนบติดกับเรือนกายทำให้เห็นแผ่นหลังกว้างแข็งแกร่งได้อย่างชัดเจน ส่วนชายวัยค่อนคนที่ยืนอยู่ติดๆ กันเธอสามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน ท่าทางเขาจะเป็นคนใจดี เพราะเธอเห็นมีรอยยิ้มประดับทั่วใบหน้าตลอดเวลา
สายฝนที่ตกหนักมาตลอดทั้งคืนเริ่มซาลงแล้ว ร่างบางระหงที่ตากน้ำฝนมาเกือบทั้งคืนเริ่มหนาวสั่น
ริมฝีปากอวบอิ่มซีดเผือดสั่นระริกจนเจ้าตัวต้องกัดเม้มไว้ มือบางยกขึ้นกอดอกไว้แน่นเพื่อบรรเทาอาการหนาวเหน็บ เธอแอบมองลอดช่องว่างอีกครั้ง เสี่ยพารุณกับลูกน้องวิ่งหนีไปไกลแล้ว แต่บุรุษหนุ่มทรงอำนาจซึ่งเดาได้ว่าคงจะเป็นกัปตันเรือ และลูกเรือบางส่วนไม่ยอมลงไปจากดาดฟ้าสักที ตอนนี้เธอกำลังรอเวลา รอว่าเมื่อไหร่คนเหล่านี้จะขยับตัวไปจากดาดฟ้า จากนั้นเธอจะได้หลบลงจากเรือลำนี้บ้าง แต่ไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับคำสั่งทรงอำนาจที่ตะโกนสั่งแข่งกับเสียงสายฝนเย็นฉ่ำ
“เอาสัมภาระลงไปเก็บใต้ท้องเรือ”
หญิงสาวไม่มีเวลาคิดใคร่ครวญแล้ว เมื่อสิ้นสุดเสียงคำสั่งเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เริ่มเดินขวักไขว่เข้ามาใกล้ อาศัยว่าตรงตำแหน่งที่เธอซ่อนตัวอยู่ค่อนข้างมืดไร้แสงนำทาง เธอจึงผลุบออกจากช่องสัมภาระแล้วรีบวิ่งลงไปยังด้านล่างของลำเรือทันที ร่างบางเปียกซกสั่นเทากลัวจะถูกจับได้แล้วส่งต่อให้เสี่ยพารุณ เมื่อวิ่งลงบันไดมาจนสุดทางเดิน เธอก็ผลักประตูไม้โอ๊กาหนาใหญ่ออกกว้างจากนั้นก็ผลุบกายเข้าไปนั่งซ่อนตัวอยู่ตรงมุมมืดของห้อง เธอนึกดีใจที่เจ้าของห้องไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้จะมีก็แค่แสงสว่างจากดวงไฟบนดาดฟ้าที่ส่องเข้ามาเล็กน้อยทำให้การซ่อนตัวของเธอเป็นไปได้ง่ายขึ้น
กัปตันบารอนยืนกอดอกมองดูลูกเรือช่วยกันขนสัมภาระลงไปใต้ท้องเรือท่ามกลางสายฝนที่ยังเทลงมาปรอยๆ ไม่ขาดสาย เขาละสายตาหันกลับไปมองต้นหนที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบนสะพานเรือ
“กัปตันครับ ไต้ก๋งเรือหาปลาเกือบสิบคนถูกไอ้พวกหน้าตัวเมียเล่นงานยับเลยครับ”
ลุกซ์รายงานกัปตันด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด เขาเชื่อได้ว่าถ้ากัปตันเห็นสภาพไต้ก๋งแต่ละคนก่อนที่ไอ้พวกหน้าตัวเมียมาขอค้นเรือ พวกมันคงไม่ได้วิ่งออกไปสบายๆ แบบนี้แน่ บางคนนอกจากจะถูกทำร้ายแล้วยังถูกปล้นเงินทองของมีค่าไปด้วย
“ส่งคนไปสักสิบคน ดูว่าช่วยเหลืออะไรได้บ้าง อ้อ...ลุกซ์ นายส่งคนไปสืบหน่อยว่าไอ้พวกที่มาหาเรื่องเมื่อสักครู่เป็นใคร”
กัปตันบารอนกอดอกนิ่งเอ่ยสั่งเสียงราบเรียบ รอให้ต้นหนไปสั่งงานลูกเรือต่อ เมื่อต้นหนเดินกลับมาหาอีกครั้งเขาก็เอ่ยเสียงเย็น
“ลูกเรือมาครบแล้วให้ออกเดินเรือได้เลย”
“กัปตันจะออกเดินเรือเดี๋ยวนื้หรือครับ”
ลุกซ์เอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ ก้มลงมองนาฬิกาเห็นเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี ปกติแล้วเรือสำราญกึ่งขนส่งสินค้า เดอะรอยัล อาดามัส จะออกจากท่าน้ำก็เฉพาะตอนเช้ามืดเท่านั้น
“ใช่ เราจะออกเดินทางคืนนี้ นายไปสั่งลูกเรือให้เตรียมพร้อมด้วย”
กัปตันบารอนสั่งย้ำหนักแน่น เขาสังหรณ์ใจว่าการเดินเรือไปลองไอแลนด์คราวนี้คงจะไม่ราบรื่นเท่าใดนัก