SET :: Nice to meet you.
Ginx’s to meet you.
Touch, Sex and Love
ความสัมพันธ์ของเราเป็น Toxic ให้กันและกัน
ยิ่งเป็นพิษมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดึงดูดมากขึ้นเท่านั้น
“ช่วงเวลาต่อจากนี้จะเป็นการเดินแบบเพื่อโชว์เครื่องเพชรแต่ละแบรนด์ ใครสนใจจะประมูลสามารถประมูลได้เลย ชื่นชอบเครื่องเพชรแบบไหนก็รับไปเลยครับผม!”
มองบนเวทีขนาดใหญ่ในห้องโถงของโรงแรมระดับห้าดาวที่ชื่อว่า ‘Hotel The Ginx’ ที่เป็นโรงแรมชื่อดังแถวหน้าของประเทศ ที่สำคัญเวลานี้ได้จัดงานเดินแบบยิ่งใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ ภายในงานมีผู้มีอิทธิพล ดาราและเซเล็ปมากมายเข้าร่วม เป็นงานการกุศลที่เงินจากการประมูลจะนำไปบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กยากไร้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนจัดงานนี้ต้องการเอาเงินไปบริจาคเพื่อหวังให้ตัวเองมีชื่อเสียง ออกข่าวจะได้ปกปิดซ่อนเร้นการเสียภาษีของตัวเองซะมากกว่า ดูแค่นี้ก็รู้ว่างานนี้จัดขึ้นเพื่อตัวเองไม่ใช่เพื่อใครหรอกนะ แม้จะมีพวกหน้าโง่ที่พร้อมจะประมูลเครื่องเพชรหรือเอาเรื่องนี้มาบังหน้า เพื่อประมูลทั้งคนทั้งเพชรก็อาจเป็นได้ ทำไมผมจะดูไม่ออกล่ะก็คนที่เชิญผมมางานนี้เป็นคนบอกเองทั้งหมดนี่นา ทว่าใช่ว่าใครจะยอมตกลงก็ต้องเป็นการดีลกันทั้งสองฝ่ายสิ คนอย่างผมไม่จำเป็นต้องขืนใจใครหรอก
เพราะแค่มองหน้า... แค่กระดิกนิ้ว ผู้หญิงก็พร้อมจะพลีกายให้ผมเสพสมอยู่แล้ว
“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าคุณจะมาด้วย”
“นั่งหัวโด่แบบนี้ คงไม่มามั้ง” ตวัดขาไขว่ห้างยกแขนทั้งสองพาดอก มองค้อนผู้ชายคนนี้ที่เข้ามาทักทายด้วยสีหน้าเจือนลงทันที พอผมไม่สนใจก็หมุนตัวเดินจากไปอันที่จริงผมไม่ค่อยชอบเสวนากับคนที่สอพอหรอกนะ มันดูน่ารังเกียจ
“เป็นมิตรหน่อยสิครับ”
“เรื่องอะไร?” ผมเงยหน้ามองคนสนิทที่ชื่อว่า ‘เอียน’ เป็นหนุ่มหล่อวัย 33 ปี สูง 185 ซม. เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเป็นกันเองและยิ้มเก่งมากๆ แถมพูดจาก็น่าฟังต่างจากผมโดยสิ้นเชิง เอียนสนิทกับผมทำงานด้วยกันมานานหลายปีแล้ว “กูไม่จำเป็นต้องตีสนิทกับใคร”
“แต่คุณจิณณ์ก็ทำหน้าทำตารับแขกหน่อยเถอะครับ งานสังสรรค์นะครับไม่ใช่งานศพ”
“เหรอ คิดว่างานศพซะอีก”
ผมกระตุกยิ้มมุมปากพลางหันหน้ามามองทางเวทีอีกครั้ง ผมมีชื่อว่า ‘จิณณ์ ปริยาภรกุล’ ทั้งชื่อเล่นกับชื่อจริงคือชื่อเดียวกันทั้งหมด อายุ 28 ปี สูง 189 ซม. ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผมอายุน้อยกว่าเอียนแล้วใช้คำว่ากูมึง ก็เขาเป็นลูกน้องผมจะใช้คำว่ากูมันก็ได้หรือเปล่า? ที่สำคัญผมไม่สนหรอกเรื่องอายุบ้าบอแบบนั้น ที่ผมสนคือผมเป็นเจ้านายผมจะใช้ศัพท์แบบไหนมันก็สิทธิ์ของผม ที่สำคัญเอียนเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีสักนิดนะ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเอาใครหรอกนะถึงจะเป็นนักธุรกิจชื่อดังและโรงแรมที่เหยียบอยู่ตอนนี้จะเป็นของผมก็ตามทีเถอะ นิสัยของผมทำให้เอียนปวดหัวบ่อยครั้งที่ต้องคุยเจรจากับหุ้นส่วนหรือลูกค้าด้วยความเป็นผู้ชายเลือดเย็นแถมเย็นชาหน้าตาย พูดเฉือดเฉือนและพูดจาเหน็บแนมได้สุดยอด จนเอียนยกนิ้วเลยล่ะ
“ถ้าจะมานั่งแบบนี้ จะมาทำไมล่ะครับ?”
“เจ้าของงานเชิญเอง ที่สำคัญที่นี่โรงแรมฉัน” เอียนทิ้งตัวลงนั่งข้างผมขณะได้รับไม้อะไรสักอย่างเป็นไม้สำหรับไว้ชูขึ้นเพื่อประมูลเครื่องเพชร เวลานี้เวทีไฟดับลงและมีแสงสีม่วงส่องไปที่ผู้คนที่กำลังชื่นชมนางแบบ แน่นอนว่ามีแต่พวกแก่หัวงูทั้งนั้นเลยนะที่เดินมาทักทายผมอย่างนอบน้อมน่ะ
“เธอได้มาหรือเปล่า?” จู่ๆ ผมก็พูดขึ้นมาจนเอียนที่กำลังชมนางแบบที่ยังไม่มีใครเดินออกมามีเพียงเสียงเพลงเท่านั้นที่ดังขึ้นเพื่อเป็นการต้อนรับนางแบบ
“คุณจิณณ์หมายถึง...” หันไปสบตากับเอียนเขายิ้มอ่อนให้ผมพลางส่ายหน้าไปมา
“งั้นเหรอ”
“เธอไม่รับงานแบบนี้หรอกครับ”
“ใช่ ระดับเธอไม่มาเปลืองตัวแบบนี้หรอก”
“คิดถึงเหรอครับ?”
“ตลอดไป”
คำตอบของผมทำให้เอียนวางมือบนบ่าและบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจผมที่ถามหาคนๆ หนึ่ง... หากแต่ว่าผมก็ต้องหยุดความคิดนี้ซะเวลานี้เสียงปรบมือดังขึ้นมีนางแบบที่สวมชุดราตรีเซ็กซี่เดินออกมาโชว์เครื่องเพชรบนตัวที่ผมนั่งมองคนแล้วคนเล่าผ่านไปสามคนก็ยังไม่มีชิ้นที่ถูกใจเลยสักนิด ทุกคนกำลังแย่งกันประมูลเครื่องเพชรรวมไปถึงนางแบบด้วยมั้ง
กระทั่งสายตาของผมมองลึกลงไปด้านหลังเวทีที่เวลานี้มีนางแบบหุ่นดีสวมชุดราตรีสีดำเว้าช่วงอกและเปลือยไหล่ ผิวขาวเนียนกระทบกับแสงไฟพร้อมเครื่องเพชรที่ส่องประกายระยิบระยับ ใบหน้าสวยคมกำลังฉีกยิ้มให้กับผู้คนที่จับจ้องมองเธอ กระทั่งสองเท้าของเธอเดินมาหยุดตรงหน้าเวทีและมันก็ตรงหน้าผมพอดี เครื่องเพชรที่เป็นสร้อยคอ ต่างหู กำไลและแหวนเป็นอัญมณีเขียวมรกตที่สวยงามรวมไปถึงนางแบบคนนี้ที่เธอมองไปรอบๆ กระทั่งสายตาของเราสองคนปะทะเข้าหากัน ผมยกยิ้มมุมปากโดยที่เธอเองก็เผยรอยยิ้มให้ผมเล็กน้อย
“เครื่องเพชรมรกตสีเขียวที่แบรนด์ xx รังสรรค์ด้วยความพิถีพิถัน ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทครับผม คุณวันชัยเชิญประมูลครับ”
“สองล้าน” ผมกระดิกเท้าไปมาพลางมองคนแล้วคนเล่าที่ประมูลเครื่องเพชรของนางแบบคนนี้ ที่ผมเห็นปุ๊บก็อยากจับกินชะมัด ช่วงนี้ขาดแคลนซะด้วยสิอาจจะเพราะงานหนักด้วยผมก็เลยไม่ค่อยได้กระดิกนิ้วเรียกผู้หญิงมานอนด้วย
“แปดล้าน!” เลิกคิ้วขึ้นมองชายแก่วัยหกสิบปีที่มองนางแบบคนนี้น้ำลายหกเลยล่ะ คงอยากจะกินแล้วมั้ง ไม่ดูสังขารตัวเองเลยโคตรน่าสมเพช
“คุณธวัชชัย ประมูลอยู่ที่แปดล้านครับ มีใครเสนอต่อไหมครับ?” พิธีกรเอ่ยถามทุกคนที่ทำหน้าฟึดฟัดที่ชายแก่คนนี้ประมูลในราคาที่สูงแล้วไง “แปดล้านครั้งที่หนึ่ง แปดล้านครั้งที่สอง...”
“สิบห้าล้าน”
“ครับ?” เอียนหันมามองผมที่กระซิบบอกราคาประมูล เข้าใจความหมายของผมเอียนก็ยกมือขึ้น
“คุณเอียนครับ”
“สิบห้าล้านครับ” ทุกคนต่างพากันมองเอียนและกระซิบกันเสียงดัง ผมหันไปมองชายแก่คนนั้นที่กำหมัดแน่นหากแต่ว่าผมกลับเบ้ปากใส่หมอนั่นและหันกลับมามองนางแบบคนนี้
“มีใครประมูลเพิ่มไหมครับ?”
“...”
“ถ้าไม่มีขอจบการประมูลที่สิบห้าล้านของคุณเอียนครับ ขอเสียงปรบมือให้คุณเอียนหน่อยครับผม!”
“ตอนไปเอาเครื่องเพชร ช่วยไปถามนางแบบคนนั้นทีนะว่าอยากนอนกับฉันหรือเปล่า”
“แต่คุณจิณณ์ไม่ได้ประมูลเอง จะได้เหรอครับ?”
“ลองดูก็ไม่เสียหาย กูรอที่ห้อง 2801”
บอกเอียนแค่นั้นผมก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถงของโรงแรม ซึ่งโรงแรมของผมมี 35 ชั้นเลยนะ ผมเลือกชั้นนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ เจ้าของโรงแรมก็แบบนี้ล่ะจะอยู่ชั้นไหนก็ได้สะดวกสบายไม่ต้องไปเช่าห้องให้เสียเวลา เข้ามาในห้องที่เป็นห้องสวีทรูมแม่บ้านก็เอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยนคงจะได้นอนที่นี่ล่ะ ผมมั่นใจว่านางแบบคนนั้นจะต้องมาหาผมแน่นอน ถ้าไม่มาผมให้เอาตีนมาเหยียบหน้าผมเลย
วิวทิวทัศน์เวลานี้มองเห็นได้รอบทิศ ผมยืนสูบบุหรี่หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยซึ่งรอมาเกือบครึ่งชั่วโมงเอียนก็ยังไม่มาสักทีหรือผมจะมั่นใจเกินไปนะ ทว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธผมได้ลงหรอกนะ ยิ่งได้รู้ว่าผมเป็นใครด้วยแล้วคงจะรีบแจ้นมาหาโดยไม่รีรอ สูบบุหรี่จนหมดมวนก็ยกมือเสยเส้นผมสีดำสนิทที่ตัดเข้าทรงปล่อยรากไทรตรงท้ายทอยยาวไม่มา เจาะหูทั้งสองข้างและสักแผ่นหลังคำว่าตัว G เป็นชื่อของผมเองพร้อมผีเสื้อที่ดอมดมดอกไม้ ผีเสื้อคือตัวแทนของคนๆ นั้นที่แนะนำให้ผมสักผีเสื้อเพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
เสียงเปิดและปิดประตูดังขึ้นผมจึงหันไปมองร่างบอบบางที่สวมเสื้อสายเดี่ยวสีขาวกับกระโปรงยีนส์สั้นโชว์เรียวขายาว ตอนที่เธอแต่งหน้าก็ว่าสวยแล้วนะพอไม่ได้แต่งหน้าคือดูสวยปนน่ารักชะมัด สายตาของหล่อนมองผมอย่างยั่วยวนเนื่องจากผมสวมแค่ชุดคลุมอาบน้ำตัวเดียว ผมกอดอกมองเธอที่เดินมาหยุดตรงหน้าผมพอได้มองหน้าใกล้ๆ ก็คือยิ่งอยากจับกดให้รู้แล้วรู้รอดซะจริง
“คุณเองสินะที่ประมูลเครื่องเพชร”
“ไม่ต้องถามมาก เธอพร้อมจะวันไนท์ฯ กับฉันหรือเปล่า?” ผมเข้าเรื่องทันทีจึงได้เห็นรอยยิ้มของเธอที่เวลานี้ฝ่ามือเล็กๆ กำลังดึงเชือกชุดคลุมอาบน้ำออกอย่างเชื่องช้า “แต่มาขนาดนี้คงพร้อม”
“หึ” เธอแสยะยิ้มก่อนจะดันชุดคลุมอาบน้ำของผมหลุดไปกองตรงข้อเท้าซึ่งผมก็โชว์เรือนร่างเปลือยเปล่า ขณะที่สายตาของเธอมองลงมาที่ความเป็นชายของผม “ใหญ่จัง”
“แน่นอน”
“ขนาดยังไม่แข็งดีเลยนะคะ” มือของเธอกอบกุมมันทันทีและรูดชักอย่างเชื่องช้าจนมันดิ้นในมือเธอ ส่วนผมก็กอดอกมองเธอทำด้วยสีหน้าพอใจ รู้งานขนาดนี้คงผ่านมาไม่น้อยสินะ
“ผ่านมากี่คนล่ะ?”
“แค่แฟนเก่าคนเดียว” อ๋อ แบบนี้ผมก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่เธอเคยผ่านมากี่คน
“ทำไมถึงเป็นแฟนเก่า”
“ไม่ต้องถามหรอกค่ะ มาทำคืนนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า” เธอย้อนคำพูดของผมใส่ตัวผมเอง ก่อนจะคุกเข่าลงผมก็ไม่ถามอะไรมากเพราะเราสองคนแค่วันไนท์ฯ ไม่จำเป็นต้องถามเรื่องส่วนตัวอะไรขนาดนั้นหรอก ใบหน้าของผมเชิดขึ้นพลางอ้าปากค้างยามที่อุ้งปากเล็กๆ ครอบครองความใหญ่โตของผมที่แข็งเต็มที่ขนาด 60 มม. ไม่ได้มาง่ายๆ นะบอกไว้ก่อน พ่อให้มาเยอะเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ามือของผมจิกเส้นผมสีดำไฮไลต์สีน้ำเงินของเธอ มือซ้ายเท้าสะโพกของตัวเองที่โยกเข้าออกในโพรงปากของเธอที่ไม่เบาเลยนะบอกได้แค่นี้
เวลานี้ผมมองเธอคนนี้ที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อกำลังเคลื่อนไหวโยกเอวอยู่บนตัวของผม ถุงยางที่มีน้ำขาวขุ่นถูกทิ้งไว้บนเตียงมัดปมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมมองเรือนร่างที่สวยงามมีเหงื่อไหลท่วมตัวทั้งที่ในห้องเย็นขนาดนี้ แถมฝนข้างนอกยังตกหนักจนแทบจะไม่เห็นตึกราบ้านช่อง ทรวงอกใหญ่โตคัพดียอดอกสีชมพูแข็งเป็นไตให้ผมได้ดูดกลืนอย่างมัวเมา บนร่างกายเธอมีรอยฟันและรอยคิสมาร์กที่ผมทำไว้แทบจะทุกตารางนิ้วยกเว้นแค่ที่ตรงซอกคอขาวๆ เธอกระตุกเกร็งบนตัวผมตัวสั่นเหมือนคนกำลังโดนผีเข้าสิง ขอเปรียบเทียบแบบนี้นะขณะที่ผมสั่งให้เธอลงจากตัวไปยืนหันหน้าเข้ากระจกที่เวลานี้เม็ดฝนเกาะติดเป็นหยดน้ำ เธอแอ่นก้นมาถูไถความยาวใหญ่ของผมที่เวลานี้สอดใส่เข้าไปมือขวากดท้ายทอยเธอจนใบหน้าแนบกับกระจก มือซ้ายก็บีบเอวบางแน่นก่อนจะกระหน่ำกระแทกเข้าไปจนเกิดเสียงดังลามกแข่งกับเสียงฝน สอดฝ่ามือเข้าที่เรือนผมจากนั้นก็กระชากจนใบหน้าสวยเชิดขึ้น เซ็กซ์ของผมมักจะดุเดือดแบบนี้เสมอผมเป็นพวกที่เอาดุ เอาดิบเถื่อนมากๆ
ค่ำคืนนี้ผ่านไปราวครึ่งคืน ถุงยางที่ผมใช้เป็นชิ้นที่สองถูกมัดปมทิ้งไว้บนเตียงโดยมีร่างบอบบางที่นอนคว่ำหอบหายใจและหลับไปเรียบร้อย ผมยืนมองเธอคนนี้และดึงผ้าห่มคลุมตัวหล่อนพลางหยิบกระเป๋าเงินที่หัวเตียงเอาธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งแสนวางไว้ข้างตัวหล่อน ตรงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายก็สวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแล็คสีดำออกมายืนสูบบุหรี่มองเม็ดฝนที่ซาลงตามเซ็กซ์ของผมที่เพิ่งจะจบลงไป
พอได้เห็นเม็ดฝนที่โปรยปรายและอากาศที่หนาวเหน็บทำให้ผมยกมือที่คีบบุหรี่ลูบไล้ใบหน้าตัวเอง ทำยังไงถึงจะลืมเธอไปได้สักทีนะ ฉันต้องทำยังไงดี... เธอเองก็คงจะไม่ต่างจากฉันใช่ไหม? เธอคงยังคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงเธอ จะรู้ไหมว่าฉันเจ็บมากแค่ไหนที่ต้องมองเธออยู่แบบนี้โดยที่ทำอะไรไม่ได้ มันเจ็บปวดเหลือเกิน
“ฉันรักเธอเหลือเกิน”
พึมพำออกมาขณะมองหน้าจอมือถือสุดหรูรุ่นที่แพงหูฉีกสีดำ หากแต่ว่าคนที่อยู่หน้าจอเวลานี้ที่เคียงคู่กันกับผม กอดคอและยิ้มยามที่ถ่ายเซลฟี่ เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้จักกับคำๆ นี้และเป็นรักที่ทำให้ผมเสียใจมากที่สุดในชีวิต หลับตาลงเอนศีรษะพิงกับกระจกเวลานี้ผมยืนอยู่ตรงนี้นานพอควรที่ฝนจะหยุดตก ดังนั้นผมเลยเดินออกจากห้องนั้นและลงจากโรงแรมมาถึงลานจอดรถวีไอพีของผม รถ Jaguar F-Type 5.0 V8 สีดำเงาราคาสิบสามล้านกว่า ผมขับรถออกจากโรงแรมมาถึงบ้านที่ต้องเรียกว่าแบบนั้นหรือเปล่า? เพราะใหญ่โตเกินกว่าจะเรียกว่าบ้านด้วยซ้ำไป
ประตูบ้านยังคงเปิดอยู่และแสงไฟในบ้านบ่งบอกว่ายังคงไม่ดับลง คงจะยังไม่มีใครนอนสินะดูจากคนของบ้านที่ยังคงเดินสวนผมไปมาค้อมศีรษะให้ขณะที่ผมกึ่งวิ่งขึ้นบันไดหวังจะเข้าห้องเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้ผมมีงานต้องทำต่อไงเวลานี้มันก็ตีสองกว่าแล้วถึงได้งงว่าทำไมยังไม่มีใครปิดไฟบ้านเลยนะจะว่าเปิดรอผมก็ไม่ใช่หรือเปล่า
“จิณณ์” น้ำเสียงเข้มแหบพร่าเอ่ยเรียกก่อนที่จะถึงห้องด้วยซ้ำ ผมค่อยๆ หันไปมองร่างสูงใหญ่ที่เปลือยเปล่าท่อนบนท่อนล่างสวมกางเกงผ้าบางสีขาวกำลังเท้าเอวมองผม คนตรงหน้าสูง 185 ซม. สูงเท่ากับเอียนเตี้ยกว่าผมสองเซ็นกำลังจ้องมองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาที่คล้ายคลึงกับผมแค่ 1% นอกนั้นหน้าตาของผมจะไปทางแม่ซะมากกว่า ซึ่งแม่ของผมเป็นผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าและใจดีเหมือนกับใบหน้าสวยหวานของท่าน “ไปไหนมา กลับดึกๆ ดื่นๆ”
“อยู่โรงแรม” ผมตอบเขาเสียงห้วนและถึงแม้ว่าอายุจะ 55 ปี ความหล่อมีมากกว่าความแก่ด้วยซ้ำไป “พ่อต่างหาก ทำไมยังไม่นอน”
“พ่อนอนไม่ค่อยหลับ” ใช่ คนตรงหน้าผมคือพ่อบังเกิดเกล้า “งานเยอะหรือไง?”
“เปล่า ผมไปร่วมงานแฟชั่นมา” บอกแค่นั้นผมก็ขยับไปยืนหน้าห้องตัวเองมือกำลูกบิดก้านโยก เพราะปกติผมกับพ่อเราแทบจะไม่คุยกันเลยด้วยซ้ำ
“แกยังโกรธพ่อเรื่องนั้นอยู่เหรอ?” มือของผมสั่นเล็กน้อยกับสิ่งที่พ่อพูด “พ่อขอโทษ”
“ช่างมันเถอะ” หันไปสบตากับพ่อที่มองผมด้วยสายตาที่อ่อนโยน ในขณะที่ผมเลือดเย็นพ่อเป็นเหมือนน้ำที่คอยชโลมไฟอย่างผมให้มอดไหม้ ทว่าใช้น้ำแค่ไหนก็คงดับไฟอย่างผมไม่ได้หรอก “มันผ่านมาแล้ว”
“พ่อผิดเองที่ทำให้ทุกอย่างมันพังลง”
“...”
“ไม่งั้นป่านนี้แกกับ...” พ่อเงียบทันทีที่ผมมองท่าน “พ่ออยากให้แกเข้าใจนะว่าครอบครัวของเรา ไม่มีทางสานสัมพันธ์กันติดหรอก”
“ผมไม่อยากฟัง”
“แกยังรักเขาอยู่สินะ” พูดแทงใจผมจนเจ็บหนึบ ทั้งที่หัวใจของผมมันด้านชามานานกว่าจะทำใจได้ ทำไมพ่อจะต้องตอกย้ำกันด้วยไม่เข้าใจจริงๆ
“ถ้าผมตอบว่าใช่ พ่อจะห้ามไหมล่ะ?” หลังจากที่เงียบมานานจำต้องพูดขึ้นมาบ้าง “ห้ามเหมือนตอนนั้น”
“จิณณ์”
“ผมกับเธอไม่ได้เข้าไปอยู่ในวังวนของพวกพ่อนะ ทำไม...” ผมเค้นเสียงลอดไรฟัน “แม่ง”
“แกจะโกรธจะเกลียดพ่อก็ได้นะจิณณ์ แต่พ่อรู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำแบบนั้น”
“ก็ถ้าคิดได้ก่อนจะทำมัน ผมก็คงไม่เสียใจมาถึงทุกวันนี้หรอก”
เข้าห้องพลางปิดประตูจนดังสนั่นจนคิดว่าถ้ามันพังลงก็คงได้ ผมเดินมานั่งทิ้งนั่งบนเตียงโน้มตัวลงผสานมือเข้าหากัน ก้มหน้าลงหลับตาและนึกไปถึงเรื่องที่ผมไม่อยากจะนึกถึงมันด้วยซ้ำ ก็เพราะเป็นพวกพ่อไม่ใช่เหรอที่ทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นน่ะ สายตาของผมเหลือบไปมองลิ้นชักหัวเตียงกรอบรูปฝั่งซ้ายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยหวานกำลังยืนถือช่อดอกกุหลาบสีขาวซึ่งมันบริสุทธิ์เหมือนกับเธอไม่มีผิด คนนั้นก็คือแม่ของผมเอง
ส่วนฝั่งขวาเป็นรูปของผมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ถ่ายรูปคู่กันที่ทะเล ด้านหลังเป็นทะเลยามเย็นและเราสองคนนั่งบนโขดหินจับมือ ส่งยิ้มให้กันและกัน ใต้รูปมีปากกาหมึกซึมสีดำเขียนคำว่า ‘G LUV K’ ลายมือของผมและลายมือของเธอ ‘K LUV G xoxo’ มองรูปนั้นจำต้องหยิบขึ้นมาดูพลางใช้นิ้วโป้งปาดไปยังใบหน้าสวยที่ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นยังไงบ้าง
ตั้งแต่วันนั้นที่ต้องปล่อยมือกัน... ผมกับเธอเราไม่เคยเจอกันอีกเลย
“เธอคงสบายดีนะ” ได้แต่พูดกับรูปของเธอ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะส่งไปถึงเธอหรือเปล่า ผมโน้มใบหน้าจรดจูบรูปเบาๆ ราวกับทะนุถนอมเธอให้ได้มากที่สุด “อยากเจอเธออีก”
แม้จะรู้ว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้ แต่ผมก็อยากเจอเธอ อยากกอดเธอเหมือนที่เธอคอยกอดให้กำลังใจผม