Ginx’s to meet you.
[1]
ยินดีที่ได้รู้จัก
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเข้ามาในโสตประสาท สิ่งที่ทำได้คือการเอื้อมมือไปปิดมันก่อนที่จะหมดความอดทนกับการนอนตื่นสายของฉัน เวลานี้นาฬิกาถูกปิดลงฉันก็ดึงผ้าห่มคลุมโปงด้วยเพราะแสงแดดในช่วงเช้าส่องเข้ามาจนทำให้แสบตาขึ้นมาเสียดื้อๆ ทว่าพอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งมองนาฬิกาติดผนังปลายเตียงเหนือชั้นทีวี
“ซวยแล้วไง!”
รีบลุกจากเตียงตรงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายแบบลวกๆ จากนั้นก็หยิบเสื้อเกาะอกสีขาวมาสวมกับกางเกงยืนขาสั้น ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิงจนแต่ไม่มีเวลาที่จะมัดมันหรอกนะ ออกจากห้องก็เห็นแผ่นหลังบอบบางกำลังทำอะไรสักอย่างตรงครัวก่อนจะหันมามองฉันและยิ้มขำ
“อะไรของลูกน่ะ”
“ไนล์จะสายแล้วค่ะ” ตอบคำถามของแม่พลางยืนใส่รองเท้าส้นสูงสีดำแบบทุลักทุเล สวัสดีนะ ฉันชื่อว่า ‘ไนล์’ อายุ 25 ปี สูง 167 ซม. อาชีพของฉันคือเป็นนางแบบแถวหน้าของวงการ หลังจากที่ต่อสู้ดิ้นรนมาเกือบสามปีตอนนี้ฉันกลายเป็นนางแบบชื่อดังที่มีงานถ่ายแบบ โฆษณาและอีกมากมายนับไม่ถ้วน ฉันต้องหาเงินเพื่อที่จะทำให้ชีวิตของฉันกับแม่ดีขึ้นกว่านี้
เพราะเราสองคนมีแค่สองแม่ลูกเท่านั้น พ่อทิ้งแม่ไปตอนที่แม่ท้องฉันได้แค่สามเดือนเท่านั้น ผู้ชายคนนั้นรู้และไม่ยอมรับผิดชอบหากแต่ว่าแม่ก็อุ้มท้องและเลี้ยงดูฉันจนเติบโต เวลานี้ฉันตอบแทนแม่ด้วยการให้ท่านอยู่เฉยๆ ไม่ต้องตกระกำลำบากหางานทำเพื่อเลี้ยงชีพ จากที่เคยอยู่ห้องเช่าเล็กเท่ารูหนู กลายเป็นคอนโดหรูใจกลางเมืองราคาล้านกว่าบาทที่ฉันทำงานเพื่อผ่อนมันให้เป็นของตัวเอง
“กินอะไรก่อนสิลูก”
“ไม่ทันแล้วค่ะ ไนล์มีถ่ายงานอีกหนึ่งชั่วโมง” เมื่อสวมใส่รองเท้าเรียบร้อยฉันก็วิ่งไปจูบแก้มแม่ที่กอดฉันเพื่อให้กำลังใจก่อนไปทำงาน “วันนี้มีเดตใช่ไหมคะ?”
“ไม่โอเคเหรอ”
“ไนล์ไม่มีสิทธิ์ห้ามแม่นี่คะ ถ้าเขาเป็นคนดีและดูแลแม่ของไนล์ได้ ไนล์ก็ยอมรับค่ะ” ด้วยเพราะแม่ไม่เคยคิดมีใครเลย ท่านอายุ 43 ปี แล้วแต่ก็ยังสวย แม่ท้องฉันตั้งแต่อายุสิบแปดต้องออกจากมหาลัยเพื่อมาดูแลฉันทั้งที่เอาฉันออกก็ได้ แต่แม่ก็ไม่ทำเพราะแบบนี้ฉันถึงได้รักแม่มากๆ เพราะแม่ทั้งอ่อนหวานต่างจากฉันที่เซ็กซี่และเอาแต่ใจนิดหน่อยนะ ต่างจากแม่เยอะเลยล่ะแม่ฉันเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ ถ้าใครได้ไปเป็นคู่ครองต้องมีความสุขมากแน่ๆ ที่สำคัญแม่ก็เปิดใจให้กับผู้ชายคนหนึ่งมาสองปี ดังนั้นเขาคงเป็นคนไม่งั้นแม่คงไม่เปิดใจให้ขนาดนี้ “ไนล์อยากเห็นแม่มีความสุข”
“ขอบใจนะลูก”
“ไนล์ไปก่อนนะคะ ขอให้เดตผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ”
ฉันหอมแก้มแม่อีกรอบและรีบออกจากคอนโดขับรถเก๋งสีขาวธรรมดาที่พาฉันกับแม่ไปเที่ยวได้ทุกที่ ขับรถผ่านโรงแรมแห่งหนึ่งและโรงแรมนี้ทำให้ฉันนึกไปถึงเมื่อหนึ่งปีก่อนที่มีงานเดินแบบโชว์เครื่องเพชรสำหรับให้คนประมูล วันนั้นเป็นวันที่ฉันได้วันไนท์ฯ กับผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อมาก แถมยังเย็นชาแต่เอาดุมาก ใช่ เอาฉันแทบตายคาเตียงเลยล่ะแถมตื่นมาก็ไม่เห็นเขาในห้องแต่มีเงินจำนวนหนึ่งแสนทิ้งไว้ให้ ฉันก็รีบเอาสิเพราะตอนนั้นฉันกำลังหาเงินมาผ่อนรถอยู่ ได้เงินก้อนนั้นมาเลยทำให้ฉันได้รถคันนี้เป็นของตัวเอง
ตอนนั้นเขาก็ถามฉันนะว่าผ่านมาเยอะเลยสินะถึงได้ช่ำชองขนาดนั้น เปล่าเลย... เมื่อหนึ่งปีก่อนฉันคบกับแฟนเก่าที่เป็นนายแบบด้วยกันเนี่ยล่ะ แต่เลิกกันเพราะนิสัยของเขาที่แอบไปกินกับคนอื่น พอรู้ก็เลยบอกเลิกเลยฉันไม่ค่อยชอบผู้ชายแบบนี้เท่านั้นถึงจะคบกันได้หนึ่งปีก็เถอะ เป็นแฟนกันก็ต้องมีเซ็กซ์กันไง เขาเป็นคนแรกของฉันและสอนให้ฉันเก่งเรื่องเซ็กซ์ถึงได้ทำให้เขาคนนั้นรู้สึกว่ามีเซ็กซ์กับฉันดีที่สุด จำแบบไม่มีวันลืมไปเลย... อย่ามองว่าฉันเป็นผู้หญิงที่นอนกับคนมั่วนะ ฉันนอนกับอดีตแฟนและเพิ่งเคยนอนกับเขาคนนั้นที่ประมูลเครื่องเพชรไปในราคาสิบห้าล้านเลยนะ ตอนที่เขาให้คนของตัวเองมาบอกตอนแรกฉันก็ลังเลนะ แต่เพราะเขารวยเอาง่ายๆ ก็เลยไปนอนด้วยแค่คืนเดียวเท่านั้น แล้วเป็นไงล่ะ? ได้เงินมาเป็นแสน โคตรจะโชคดีอะ
สำคัญคือฉันโสด ฉันจะวันไนท์ฯ กับใครก็ได้มันก็แค่คู่นอนคืนเดียวนี่นา
รถของฉันมาจอดที่สตูดิโอแห่งหนึ่งเป็นสตูดิโอบริษัทที่ฉันเซ็นสัญญาเป็นนางแบบตั้งแต่เริ่มเข้าวงการแรกๆ อันที่จริงแต่ละคนเขาก็จะมีผู้จัดการส่วนตัวใช่ปะ? สำหรับฉันไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร ที่สำคัญฉันเสียดายเงินที่ต้องจ้างผู้จัดการในราคาที่ค่อนข้างแพง ฉันอยากเก็บเงินให้ได้มากที่สุดฉันสัญญากับแม่ไว้ว่าจะพาท่านไปเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์ด้วยกัน เพราะแม่บอกว่าอยากไปที่นั้น ก็เลยแพลนไว้ว่าถ้าเก็บเงินได้มากพอฉันจะลางานสักครึ่งเดือนแล้วก็พาแม่ไปพักผ่อนบ้าง
“กำลังมองหาพอดีเลยไนล์”
“โทษทีนะคะ ตื่นสายไปหน่อย” ฉันเอ่ยขอโทษช่างแต่งหน้าที่ชื่อว่าพี่จิ๊บ เป็นช่างแต่งหน้าประจำตัวฉันเลยล่ะ ฉันเอากระเป๋าวางไว้บนหน้ากระจกและนั่งให้พี่จิ๊บกับช่างอีกหนึ่งคนทำผมสำหรับถ่ายแบบซึ่งชุดก็อยู่ด้านหลังประมาณสามชุด เป็นธีมดาร์ก “สตูดิโอพร้อมแล้วเหรอคะ?”
“ค่ะ แต่ก็ยังมีเวลา” พี่จิ๊บตอบ
“ไนล์รู้ใช่ไหมว่าต้องถ่ายแบบกับใคร” คำถามของพี่จิ๊บทำให้ฉันที่มองตัวเองสะท้อนกับกระจก มองช่างกำลังจัดทรงผมให้ฉันเป็นแบบมัดรวบและฉีดสเปรย์ให้ผมเงาเนี้ยบ ในวงการฉันมีพี่จิ๊บเนี่ยล่ะที่เป็นคนเข้าใจฉันมากที่สุด เธอเหมือนพี่สาวฉันนะที่คอยให้คำปรึกษามากมายแถมยังรู้เรื่องที่ฉันเลิกกับแฟนเก่าด้วยเหตุผลอะไร
“งานก็คืองานค่ะ ไนล์แยกแยะที่สำคัญงานนี้สำคัญเงินเยอะด้วย”
“เรานี่นะ” ฉีกยิ้มให้กับพี่จิ๊บที่ส่ายหน้าไปมา ฉันยังไม่รู้เลยนะว่าถ้าวันไหนพี่จิ๊บไม่ได้เป็นช่างแต่งหน้าแล้วฉันจะจ้างใครต่อดี อย่างน้อยพี่จิ๊บก็แต่งหน้าให้ฉันสวยเข้ากับใบหน้ามากที่สุดถึงพี่จิ๊บจะเป็นช่างแต่งหน้าคิวทองก็เถอะ เธอก็มีเวลาให้ฉันเสมอๆ เลย “เข้มแข็งมาก”
“ไนล์ไม่มีเวลามาเศร้าหรอกค่ะ”
ตอบพี่จิ๊บเมื่อแต่งหน้าและสวมชุดเดรสสีดำเกาะอกที่เข้ากับผิวขาวๆ ของฉันก็เดินไปยังสตูดิโอข้างๆ ซึ่งเวลานี้พนักงานกำลังเซตฉากกันอยู่ โดยมีตากล้องชื่อดังกำลังคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่สูง หุ่นดีและหุ่นล่ำ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มให้กับตากล้องก่อนจะรู้ว่ามีสายตาของฉันจับจ้องเขาก็กระตุกยิ้มมุมปาก ส่วนฉันก็ทำได้เพียงเบ้ปากใส่และเดินเข้าไปในฉากที่มีโซฟาสีดำตัวเดียวกับโต๊ะที่มีพล็อพแก้วกาแฟกับแจกันดอกกุหลาบสีดำ ฉันขึ้นมานั่งบนพนักโซฟาตวัดขาไขว่ห้างเตรียมตัวถ่ายงานทั้งหมดสามธีม พอผู้กำกับเรียกให้พนักงานออกจากฉากคนตัวสูงที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแล็คสีดำ เดินมาซ้อนด้านหลังฉันพลางโน้มใบหน้าลงมาข้างใบหู
“เธอเนี่ย ยังสวยเซ็กซี่เสมอเลยนะไนล์”
“...” ฉันไม่ตอบอะไรเขาเลยสักนิด แต่กลับโพสท่าถ่ายแบบให้ตากล้องลั่นชัตเตอร์
“โดนฉันเขี่ยทิ้งไป ยังหาผัวใหม่ไม่ได้เหรอ?” ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“อย่าพูดเหมือนตัวเองดูดีเลยคิง” ใช่ แฟนเก่าของฉันชื่อว่าอายุ 27 ปี เป็นผู้ชายที่คบกันก็คือดีมากนะ แต่คงจะเบื่อล่ะมั้งเพราะความสัมพันธ์ของเรามันราบรื่นผิดปกติ หมอนี่ก็เลยไปกินตับกับผู้หญิงคนอื่นและคนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย คือเพื่อนนางแบบด้วยกันกับฉันเนี่ยล่ะ แถมหล่อนยังโดนฉันตบจนหน้ายับเป็นข่าวซุบซิบอยู่ช่วงหนึ่ง ฉันสนใจซะที่ไหนกันผู้ชายชั่วกับผู้หญิงสารเลวก็ต้องโดนแบบนั้นล่ะ หล่อนหายหน้าหายตาไปนานพอควรเพิ่งจะโผล่หน้ามาและแสร้งตีหน้าเศร้ากับนักข่าวว่าไปรักษาตัวที่ไหนได้โดนฉันตบจนหน้ายับมาทำงานไม่ได้ต่างหาก “ทั้งที่นายก็หน้าตัวเมียตัวพ่อ”
“ไนล์” เค้นเสียงลอดไรฟันมีเหรอว่าฉันจะสนใจเขา กลับกลอกตาขึ้นบนและหันหน้าเข้ากล้องเพราะฉันแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างง่ายดาย เพราะฉันเห็นเงินสำคัญกว่าผู้ชายใจหมาคนนี้ พอมานั่งคิดก็เสียดายนะที่คบกับเขามาได้หนึ่งปีแถมยังเป็นคนแรกของฉัน แต่ก็นั่นแหละเสียดายทำไมกับอีแค่เยื่อบางๆ “หาผัวใหม่ให้ดีเท่าฉันก่อนนะ”
“ทำไมฉันต้องหาด้วย?”
“คนอย่างฉันเพอร์เฟคทุกอย่างทั้งหน้าตา การงานและฐานะ” ทำยังกับว่าคนอื่นเขาไม่ได้มีเหมือนตัวเองอะนะ ทำเป็นพูดดีถึงมันจะถูกต้องทั้งหมดก็เถอะนะ “หาให้ได้ก่อนนะแล้วค่อยมาด่าฉัน”
“เรื่องนี้ฉันไม่เถียงนะ แต่เรื่องสันดาน หมาข้างถนนยังดีกว่านายเลย”
“ไนล์!”
“เปลี่ยนฉากได้” เสียงผู้กำกับดังขึ้นขัดจังหวะก่อน ฉันจึงลุกขึ้นเดินนวยนาดตามพี่จิ๊บเข้าไปในห้องแต่งตัวแต่ระหว่างเดินไปถึงก็ต้องพบกับร่างบอบบางที่ส่งยิ้มหวานให้ฉัน
“อย่าตอแหล”
“พะ พี่ไนล์” หล่อนคนนี้มีชื่อว่ายัยมุก หล่อนเป็นนางแบบรุ่นน้องฉันอายุน้อยกว่าฉันสองปีและเป็นคนที่แย่งแฟนเก่าฉันไปไง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าหล่อนไปทำยังไงให้คิงมันหลงหัวปรักหัวปรำหรือจะเพราะทำตัวไร้เดียงสาหมอนั่นก็คงจะชอบ ซึ่งมันก็เหมาะสมกันนะผีเน่ากับโลงผุ “คือว่าเรื่องพี่คิง มุกไม่ได้ตั้งใจนะคะ”
“ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ ยังนอนกับเขาได้เลยทั้งที่คนทั้งวงการรู้ว่าฉันคบกับเขา”
“มุก...”
“เลิกเสแสร้งสักทีเถอะ เห็นแล้วจะอ้วก”
ฉันเบ้ปากก่อนจะเดินชนไหล่หล่อนและตรงเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อแต่งหน้าเปลี่ยนชุดสำหรับถ่ายแบบธีมต่อไป เป็นธีมแนวใสๆ แต่ฉันของใช้คำว่าไสยๆ ก็แล้วกัน มันดูไม่เหมาะกับฉันเลยด้วยซ้ำ จะให้ยัยมุกมาถ่ายก็คงไม่ได้เพราะหล่อนยังไม่ได้ดังขนาดนั้นถึงจะเปิดตัวคบกับคิง แฟนคลับของฉันบางส่วนก็ไปโจมตีหล่อนในโซเชียลว่าแย่งแฟนฉันไป ซึ่งฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลยนะ ก็แอบสะใจนิดๆ ซึ่งแฟนคลับของเราก็ตีกันไปมา ฉันห้ามไม่ได้นี่นา
งานถ่ายแบบจบลงในช่วงเที่ยง ฉันเหนื่อยสายตัวแทบขาดขณะที่กำลังยืนให้พี่พี่จิ๊บซับเหงื่อแม้ว่าในสตูดิโอจะเย็นฉ่ำ ขนาดที่ว่าฉันสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นยังหนาวจนขนลุก พวกพนักงานต่างพากันเก็บของและผู้กำกับกำลังคุยกับตากล้องที่ให้เขาเลือกภาพไปลงนิตยสารปกหนังสือชื่อดังและลงหน้าเว็บไซต์ของทางแอพหนังสือสำหรับถ่ายแบบที่มีพวกดารา เซเล็ปและนางแบบนายแบบไปถ่ายปกแต่ละเดือน ซึ่งฉันโดนเลือกให้มาถ่ายคู่กับคิงที่ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังฉัน
หมับ
“!” ตกใจสุดขีดหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งที่เมื่อกี้ยังจับก้นฉันแถมยังบีบอีกต่างหาก ไอ้เวรนี้!
“ไนล์เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ แค่รู้สึกเหมือนมีแมลงมาเกาะที่ก้น” ตอบพี่จิ๊บที่ทำหน้ามึนงงก็ไม่ได้ซักไซ้ถามต่อ กระทั่งทางเข้าสตูดิโอมีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาแต่ไม่ใช่พนักงานของสตูดิโอนะดูจากชุดและของที่อยู่ในมือ
“ขอโทษนะครับ คุณไนล์คือคนไหนครับ?”
“ฉันเองค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ผู้ชายคนนั้นเห็นฉันเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าพลางยื่นช่อดอกไม้เป็นดอกลิลลี่สีขาวสลับกับดอกเดซี่มาให้ฉันซึ่งช่อใหญ่มากๆ “ของฉันเหรอคะ”
“ครับ ช่วยเซ็นรับทีนะครับ” ฉันมึนงงไม่น้อยก่อนจะเซ็นรับ “ใครส่งมาเหรอคะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ทางร้านแค่มีหน้าที่มาส่งให้ อ่อ มีการ์ดด้วยนะครับ”
“อ๋อ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณนะคะ” เอ่ยขอบคุณพนักงานที่ค้อมศีรษะและเดินจากไป ฉันจึงหยิบการ์ดขนาดเล็กขึ้นมาอ่านแบบออกเสียงเพราะฉันรู้ไงว่ามีคนเสือกอยู่หลายคนและหนึ่งในนั้นคือคิง “แด่คนสวยอย่างคุณ จาก T ใครอะ?”
“มีคนสนใจไนล์หรือเปล่าเนี่ย?”
“นั่นสิคะ เฮ้อ ไนล์เนี่ยเสน่ห์แรงนะคะพี่จิ๊บว่าไหม”
หันไปแสยะยิ้มให้กับคิงที่มองฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ฉันก็หอบดอกไม้ออกจากสตูดิโอและหยิบหัวเราะกับพี่จิ๊บ ทว่าฉันก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นร่างบอบบางที่อยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินรัดรูป สวมส้นสูงสีขาวและผมสีดำก็ปล่อยสยายรับกับใบหน้าที่สวยราวกับไม่มีอยู่จริง ฉันว่าตัวเองสวยแล้วนะพอมาเจอกับเธอคนนี้คือสวยจนฉันเขินหน้าร้อนผ่าว ด้านหลังเธอมีผู้ชายสวมชุดสูทเดินตามหลังมาแน่นอนว่าสรรพนามของเธอค่อนข้างมีอิทธิพลมากและที่สำคัญเธอไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธอด้วยซ้ำรวมไปถึงพวกแวดวงบันเทิงเพราะเธอมีอิทธิพลในแบบที่ใครๆ ก็ไม่การหือด้วย
และเพราะเธอเป็นเหมือนนางพญาจึงทำให้ฉันชื่นชอบเธอ แน่นอนเธอคือไอดอลที่เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำให้ฉันก้าวเข้ามาสู่แวดวงนางแบบ ฉันฉีกยิ้มให้กับเธอที่เบนสายตามองมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ความหยิ่งของเธอมันเข้ากับบุคคลิกให้ดูน่าเกรงขามและเธอก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นะทุกคน
“สวัสดีค่ะ” ฉันค้อมศีรษะเอ่ยทักเธอที่หยุดเดินพลางมองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในสตูดิโอสองซึ่งฉันถ่ายแบบสตูดิโอหนึ่ง “พี่จิ๊บ เห็นหรือเปล่าคะเธอหยุดมองไนล์ด้วย”
“ดีใจด้วยนะคะ”
“ไนล์อยากคุยกับเธอมากเลยค่ะ แต่ก็คงยาก”
“ดูท่าไนล์จะปลื้มเธอมากๆ เลยนะคะ”
“ถูกต้องค่ะ”
ตื่นเต้นและดีใจจนเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาเลยล่ะ แค่เพียงเธอมองฉันก็โคตรจะดีใจอยู่แล้ว แม้ว่าอยากจะคุยกับเธอสักครั้งก็ตามที ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับการได้เจอไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ฉันเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งกอดอกมองช่อดอกไม้ก็นึกไม่ออกว่าใครกันที่ส่งมาให้ จะว่ามีคนหลงเสน่ห์ฉันบ้างมันก็มีนะแถมมีพวกผู้ชายที่มีเมียแล้วยื่นข้อเสนอเลี้ยงดูฉันก็มี หากแต่ว่าฉันก็รักศักดิ์ศรีตัวเองไม่ยอมไปเป็นเมียน้อยใครเพียงเพราะต้องการสบาย ถ้าฉันอยากสบายฉันตกลงไปนานแล้วไม่มานั่งทำงานงกๆ แบบนี้หรอก ที่สำคัญฉันไม่อยากทำให้แม่ต้องเสียใจด้วย การหาเงินด้วยตัวเองแม้จะเหนื่อยแต่มันภาคภูมิใจนะ
“ทีงั้นเหรอ?” พยายามนึกว่ามีใครที่สนใจฉันแล้วมีชื่อตัวทีบ้าง มันก็แทบจะหาไม่มีเลยนะ ช่างเถอะ... อยากมาจีบแต่ไม่เจอซึ้งๆ หน้าก็อย่าหวังว่าฉันจะเล่นด้วยนะ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ออกจากบริษัทพรุ่งนี้ฉันมีงานเดินแบบแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ต่างประเทศด้วย เป็นแบรนด์ที่เลือกนางแบบด้วยตัวเองและฉันคือหนึ่งในนั้นที่จะได้เดินร่วมกับนางแบบแถวหน้าของประเทศและต่างประเทศ แค่คิดก็ตื่นเต้นสุดๆ แล้ว ฉันนั่งจดรายละเอียดงานพรุ่งนี้ด้วยตัวเอง แม้จะเหนื่อยที่ไม่ได้จ้างผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่เป็นไร ฉันทำได้อยู่แล้ว
Rrr
ปลายสายโทรเข้ามา มือถือสุดหรูสีม่วงถูกหยิบขึ้นมามองปลายสายที่ทำให้ฉันยิ้ม “ว่าไงคะ?”
(“ไฮ เพื่อนเลิฟ ทำงานเสร็จหรือยัง?”)
“เสร็จแล้ว มีอะไรหรือเปล่าเกรซ” เพื่อนสาวเพียงคนเดียวของฉันชื่อเกรซ อายุ 25 ปีทำงานเป็นนักออกแบบแฟชั่นซึ่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มหาลัยปีหนึ่ง ที่สำคัญเกรซคือเพื่อนตายของฉันเลยล่ะก็เล่นไปตบยัยมุกกับฉันด้วย แถมยังช่วยฉันตอนที่เสียใจคอยปลอบใจและเป็นห่วงฉันอยู่เสมอ เพื่อนฉันเป็นสาวสวยรวยสเน่ห์ที่สุดเลยล่ะ เธอเป็นลูกสาวนักการทูตและมีห้องเสื้อของตัวเอง ฉันน่ะไปเป็นนางแบบเพื่อนอยู่เสมอเพื่อช่วยโปรโมทให้โดยไม่คิดเงินสักบาท แต่ก็ได้ชุดสวยๆ ที่เพื่อนออกแบบมาใส่คือดีหรือเปล่าล่ะ “ถ่ายแบบเสร็จแล้ว วันนี้ถ่ายกับไอ้คนชั่ว”
(“แกนี่สุดยอดพลังหญิงอะ แยกแยะเก่งเวอร์”)
“ทำไงได้ ก็คนมันต้องการเงินนี่นา” ยักไหล่ไหวก่อนจะเก็บสมุดตารางงานไว้เบาะข้างคนขับ
(“จะชวนมากินข้าวที่ห้าง อยากไปทำเล็บอะ ไปด้วยกันหน่อยดิ”)
“เฮ้อ แกเนี่ยนะ” ถอนหายใจให้กับเพื่อนที่หัวเราะคิกคัก “ก็ได้ ฉันก็อยากทำเล็บใหม่อยู่พอดี”
(“ดีมากเพื่อนรัก แล้วเจอกันค่ะ”)
วางสายจากเกรซฉันก็หันไปมองช่อดอกไม้ด้านหลังรถ ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนส่งมาหรือถ้าเป็นพวกคนรวยที่อยากมีเมียน้อยสวยๆ ก็คงจะเป็นการให้ที่ฉันไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด ใครจะอยากไปเป็นเมียน้อยพวกนั้นกันล่ะ ชีวิตของฉันกำลังไปได้ดีที่สำคัญฉันสวยและรวยมาก แม้จะยังเริ่มต้นรวยก็เถอะ ฉันก็ไม่มีทางไปเป็นเมียน้อยใครเด็ดขาด ฝันไปก่อนนะคะ
มาถึงห้างสรรพสินค้าในเวลาต่อมา เกรซก็พาฉันไปทำเล็บที่ร้านประจำซึ่งฉันก็เลือกทำเล็บและทาสีดำเป็นสีที่ฉันค่อนข้างชอบมากเพราะมันเข้ากับตัวฉันมากที่สุด
“แล้วไม่รู้เหรอว่าใครส่งมา”
“รู้จะถามแกไหมล่ะ รู้แค่มีตัวที แค่นั้น”
“ตัวทีเหรอ?” เกรซที่นั่งข้างๆ ยื่นมือให้พนักงานทำเล็บไม่ต่างจากฉัน “ผู้แกมีคนชื่อตัวทีปะ”
“จะไปมีได้ไงกันเล่า” เพื่อนสาวยิ้มแหย่จนฉันส่ายหน้าไปมา
“อย่ามาสะตอจ้า เลิกกับไอ้เวรตะไลนั้นไป เสน่ห์แรงจะตายอย่าคิดว่าจะปิดฉันอยู่นะ”
“ปิดตรงไหน?”
“วันที่ไปเดินแบบ แกไล่ฉันกลับก่อน แอบไปไหนมาไม่ทราบ” ฉันอึ้งไปทันทีพลางทำหน้าเลิ่กลั่ก ก็วันนั้นเป็นวันที่ฉันไปกินตับกับผู้ชายคนนั้นไงทุกคน ทั้งที่นัดไปดื่มกับยัยเกรซแต่ก็ไล่เพื่อนกลับแล้วบอกว่ามีธุระด่วน ที่ไหนได้ไปนอนให้ผู้ชายคนนั้นกระแทกจนแทบเดินไม่ได้ ตอนกลับมาห้องแม่ถามฉันด้วยความสงสัยบอกทำไมเดินแปลกๆ เลยบอกว่าสะดุดส้นสูงแม่ก็เป็นห่วงฉันจนแบบรู้สึกผิดที่ต้องโกหกแม่ ทั้งที่ไปนอนกับผู้ชายแปลกหน้าแค่วันไนท์ฯ มันก็ไม่ผิดหรอก ฉันแค่ไม่อยากให้แม่ผิดหวังในตัวฉันก็แค่นั้น ขนาดเลิกกับคิงฉันยังบอกแม่เลยว่าเราห่างกันเฉยๆ ทั้งที่มันนอกใจฉันไปนอนกับยัยมุก บางอย่างฉันจำเป็นต้องโกหกเพื่อให้แม่สบายใจก็เท่านั้น “เงียบ แสดงว่าไป...”
“ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น แค่ติดธุระจริงๆ”
“แกโกหกฉันไนล์ ดูก็รู้เวลาแกโกหกแกชอบตอบไม่ตรงคำถาม” ยัยเพื่อนบ้า! คบกันมาหลายปีคือรู้ไส้รู้พุงกันหมดเลยสินะ ฉันเนี่ยไม่น่าโกหกให้ยัยเกรซถามเลย ปฏิเสธก็จบแต่ดันตอบไม่ตรงคำถาม คิดว่ายัยเพื่อนบ้านี้จะหยุดปะ ไม่เลยจ้ะ
“จะมาเล่าอะไรตรงนี้”
“งั้นเดี๋ยวไปกินชาบู ต้องเล่าจบปะ?” ฉีกยิ้มกว้างให้จนฉันอยากจะเอามือฟาดไหล่ยัยเพื่อนคนนี้ซะจริง ใช้เวลาทำเล็บเกือบหนึ่งชั่วโมง เพราะเมื่อเช้าไม่ได้กินอะไรด้วยก็เลยหิวโซสั่งชาบูมาแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบเลยล่ะ ฉันกินอย่างมูมมามเพราะกินแล้วไม่ค่อยอ้วนหรือถ้าอ้วนเข้าฟิตเนสก็จบ ปกติฉันไม่ค่อยเข้าฟิตเนสหรอกนะร่างกายแบบเผาผลาญได้เอง ระหว่างที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย สายตาคู่หนึ่งก็จ้องมองมาจนฉันสำลักหมูสามชั้นที่กำลังกิน “แค่กๆ แกจะมองหน้าฉันทำไมเนี่ยเกรซ”
“รอแกเล่าเรื่องวันนั้นไง”
“มันผ่านมาตั้งปีแล้วนะ” ฉันทำหน้าหงุดหงิดใส่เพื่อน “อยากรู้ขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“แน่นอน ถึงจะผ่านไปอีกสักสิบยี่สิบปี ฉันก็อยากเผือกอยู่ดี” ยักคิ้วให้ฉันอยากทะเล้น
“เออ”
“คือ?”
“ไปโดนมา” เกรซเบิกตากว้างพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “แค่วันไนท์ฯ จังหวะเลิกกับคิงก็เลยไปนอนกับคนที่ประมูลเครื่องเพชร”
“รวยมากเลยนะนั่น ประมูลเครื่องเพชรไปตั้งเท่าไหร่นะ?”
“สิบห้าล้าน”
“แหม ประมูลเครื่องเพชรแถมได้นอนกับนางแบบด้วย คงจะเหมือนขึ้นสวรรค์สินะ” เพื่อนพูดแกมแซว “เพราะแบบนี้แกถึงไปวันไนท์ฯ กับผู้ในสต็อกใช่ปะ”
“ไม่ได้นอนด้วยกัน แค่คุยๆ”
“ทำไมอะ?”
“ก็คงมันไม่อยากนี่นา” บอกเพื่อนก็ตักชาบูในหม้อกินจนหมดและสั่งของมาเพิ่มอีกอย่างละสามที่ “ไว้อยากแล้วค่อยวันไนท์ฯ ตอนนี้คุยกันไปก่อน พอนอนกันค่อยทิ้ง”
“แหม เพื่อนฉันเนี่ยร้ายจริงๆ นะ” เกรซยิ้มราวกับภาคภูมิใจเหลือเกินนะ “ผู้ชายคนนั้นเด็ดปะ”
“แกยังไม่จบใช่ปะ?”
“ก็คนมันอยากรู้นี่นา เล่านะไนล์” คะยั้นคะยอจนฉันได้แต่พยักหน้ารับแต่มันก็ไม่สมใจยัยเพื่อนของฉันน่ะสิ!
“เอาดุมาก”
“จริงเหรอ”
“อือ กระแทกฉันทั้งคืน ปวดตัวมากตอนที่ตื่นขึ้นมา” แถมไอ้นั้นก็ใหญ่โตมโหฬารในแบบที่ฉันไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน รู้แค่ว่าเขาเป็นคนที่เซ็กซ์ค่อนข้างจัดมากๆ แถมยังเอาดุ เอาป่าเถื่อนฉันรู้แค่นี้ล่ะ เซ็กซ์ของเขาฉันไม่เคยลืมจริงๆ ทุกคน
“เด็ดน่ะสิ”
“พอใจแล้วใช่ไหม จะได้เลิกพูดเรื่องนี้สักที” ผ่านมาตั้งปีกว่ายังจะรื้อฟื้นทำไมกัน เดี๋ยวฉันก็เก็บไปฝันอีกอะ
“เสียดายปะ?”
“จะเสียดายทำไม แค่นอนด้วยกันคืนเดียว”
บอกเพื่อนสาวฉันก็ตั้งหน้าตั้งตากินชาบู แม้ในหัวจะนึกไปถึงผู้ชายคนนั้นก็ตามทีทั้งที่ปากก็บอกว่าเป็นแค่คู่นอนคืนเดียว ตลอดปีกว่าที่ผ่านมาฉันก็ดันฝันไปถึงเขา ฝันว่ามีเซ็กซ์กันแบบดุดเดือดตื่นมาต้องช่วยตัวเองอยู่เสมอ ขนาดลืมไปแล้วนะยัยเพื่อนคนนี้ก็ดันมาตอกย้ำให้ฉันนึกถึงเขาอีก เฮ้อ อยากจะบ้าตายวันละหลายๆ รอบ
ฉันอยู่กับเกรซที่ห้องเสื้อจนค่ำก็ต้องรีบออกจากห้างทั้งที่นัดกับเกรซว่าจะไปดื่มที่ผับต่อ เพราะฉันไม่มีงานจนกว่าจะถึงวันที่เดินแบบอีกไม่กี่วันข้างหน้าต้องไปซ้อมด้วย หากแต่ว่าต้องรีบเพราะแม่โทรมาหาบอกให้ฉันไปหาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า วันนี้แม่ไปเดตนี่น่าหรือผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรแม่ ฉันเองก็ไม่อยากจะคิดอะไรเยอะหรอกนะมาถึงก็สาวเท้าไปด้านหลังร้านอาหารที่ติดกับแม่น้ำมีโต๊ะมากมายเรียงรายอยู่ พอเห็นแม่ก็รีบสาวเท้าไปหาท่าน
“แม่โทรหาไนล์ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” พอเห็นแม่ยิ้มฉันก็ได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่างมึนงง
“แม่แค่อยากจะแนะนำคุณจิรพัสให้ไนล์รู้จัก” แม่ผายมือไปหาผู้ชายร่างสูงใหญ่ มีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้อายุจะขึ้นเลยห้าแล้วก็ตาม คนนี้น่ะเหรอที่แม่เล่าให้ฉันฟังว่าเป็นคู่เดตที่คบหาดูใจกันมาได้หนึ่งปีเต็ม เขามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนขณะมองหน้าฉันที่ยกมือไหว้เขา “คุณจิคะ นี่ยัยไนล์ ลูกสาวฉันค่ะ”
“หนูไนล์สวยกว่าในรูปที่นารีเอาให้ฉันดูอีกนะ”
“ขอบคุณค่ะ” ก็ยังคงงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น “อะไรกันคะแม่”
“แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกลูก” มองสบตากับแม่ที่จับมือฉันบีบเบาๆ “แม่กับคุณจิ...”
“พ่อเรียกผมมา มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
ทว่าก่อนที่แม่จะได้พูดอะไร น้ำเสียงเข้มแหบพร่าก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ทว่าน้ำเสียงที่คุ้นหูมันทำให้ฉันสงสัยนิดหน่อยว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ จังหวะที่ฉันหันไปก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าหล่อเหลาที่แสนจะเย็นชากำลังคุยกับคุณจิรพัสเต็มไปด้วยความไม่พอใจนิดหน่อยราวกับโดนเรียกมาทั้งที่กำลังยุ่ง ฉันอ้าปากค้างได้แต่ยืนนิ่งมองผู้ชายคนนั้นที่เหมือนรู้ว่ามีคนจ้องเขาจึงหันมาสบตากับฉัน แน่นอนว่าเขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นหน้าฉัน
หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาหลังจากที่เราสองคนนอนด้วยกัน... เราไม่เคยเจอกันเลยกระทั่งวันนี้ เขาจะจำฉันได้หรือเปล่า? แต่ฉันน่ะจำเขาได้แม่นยำเลย ก็เขาทั้งหล่อแถมยังมีใบหน้าเย็นชาอีกทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ยิ่งเป็นผู้ชายที่มีเซ็กซ์ที่รุนแรงและดุเดือดอย่างเขาด้วยแล้ว ฉันยังฝันเห็นเขาอยู่ทุกคืนทั้งที่อยากจะลืม
“นารี นี่ลูกชายฉันชื่อจิณณ์”
“อะ อะไรนะคะ?!” เป็นฉันที่แผดเสียงถามคุณจิรพัสท่านเองก็มึนงงไม่น้อยกับคำถามของฉัน ลูกชายเหรอ... อย่าบอกนะว่าเรื่องที่ฉันกำลังปะติดปะต่อมันกำลังจะเป็นจริงน่ะ
“รู้จักกับลูกชายฉันด้วยเหรอ” เขาไม่ตอบอะไรเอาแต่มองหน้าฉันพลางยกยิ้มมุมปาก
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
ฉันลอบกลืนน้ำลาย คิดว่าเขาจำฉันได้แน่นอนหากแต่ว่ามันเป็นการเจอที่ค่อนข้างสับสนและมึนงงเอามากๆ ทั้งที่เราสองคนเคยเจอกันและนอนด้วยกัน เขากลับแสร้งทำไม่รู้จักฉันเนี่ยนะ พอเขาแสดงออกแบบนี้ฉันก็เลิกตกตะลึงพลางยกมือไหว้เขาราวกับเราสองคนเพิ่งจะเคยเจอกันวันนี้ ตอนนี้
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณจิณณ์”
*-------------------------------------*