Ginx’ s to meet you.
[5]
ดอกไม้จาก T
คุณจิณณ์พาฉันขึ้นลิฟต์มาถึงดาดฟ้าของโรงแรมที่หรูหรามากถึงมากที่สุด นอกจากจะสูงเสียดฟ้ายังเห็นวิวรอบทิศแลละ 360 องศาเลยก็ว่าได้ เห็นแม่น้ำสายสำคัญตึกราบ้านช่องที่เวลานี้เปิดไฟทุกที่ทำให้เหมือนมีดาวระยิบระยับอยู่บนพื้นดิน โซนร้านอาหารของโรงแรมจะเป็นโทนสีชาและมืดนิดหน่อย ให้ความสว่างด้วยแสงจากโคมไฟที่ห้อยระย้ามีโซฟาที่ไว้นั่งเป็นโซนคู่หรือมาเป็นครอบครัว คุณจิณณ์พาฉันมานั่งที่โต๊ะริมระเบียงกระจกลมพัดเย็นสบายมากๆ
“สวยมากเลยค่ะ” หันไปฉีกยิ้มให้กับคุณจิณณ์ที่นั่งกอดอกมองฉัน “คนก็เยอะด้วย”
“ชอบใช่ไหม?”
“ค่ะ อาหารต้องอร่อยมากแน่ๆ” เขาหันไปยกมือเรียกพนักงานที่พอเห็นว่าเจ้าของโรงแรมมากินเองก็ค้อมศีรษะให้ คุณจิณณ์ก็ดันเมนูมาให้ฉันเลือกมากมาย ส่วนเขาก็สั่งไวน์แดงมาหนึ่งขวดด้วย “เอาเนื้อแกะย่างค่ะ สลัดผักทูน่า แล้วก็... ซุปครีมหน่อไม้ฝรั่งข้าวบาร์เลย์แล้วก็ขนมปังชีส เอ่อ สั่งไม่เยอะไปใช่ไหมคะ?”
“ตามสบาย” คุณจิณณ์พยักหน้าให้ ขณะที่ตัวเขาก็สั่งอาหารเช่นกันแต่เป็นสเต็กปลาแซลมอนกับมันบด ที่ฉันสั่งก็คือสั่งเผื่อเขาด้วยไงไม่ได้กินคนเดียวสักหน่อย รออาหารประมาณสิบห้านาทีก่อนอาหารจะมาเสิร์ฟก็จะเป็นไวน์แดงที่คุณจิณณ์สั่งมาพนักงานเทไวน์ลงแก้วให้กับเราสองคน ฉันหยิบแก้วไวน์ขึ้นมายื่นไปตรงหน้าคุณจิณณ์ที่กำลังดื่มแต่ก็ชะงักไว้
“แด่เราสองคนพี่น้องค่ะ” ฉันฉีกยิ้มให้กับเขาแต่เป็นยิ้มที่ค่อนข้างยั่วยวน เขาก็ยื่นแก้วมาชนกับฉัน
“พี่น้องที่ท้องติดกัน” ส่ายหน้าไปมาก่อนจะจิบไวน์แดงกันจนหมดแก้วและเติมอีกเป็นแก้วที่สอง ปกติฉันดื่มไวน์ไม่ค่อยเมาหรอกนะ แต่ถ้ากรึ่มๆ น่ะพอได้
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” คุณจิณณ์พยักหน้ารับพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ยกแขนทั้งสองพาดอก “อายุยี่สิบเก้า ไม่คิดจะมีแฟนเลยเหรอคะ”
“...”
“ขนาดฉันยังมีแฟนเลย แต่ก็โดนหักหลังซะก่อน”
“เพราะ?” เรื่องนี้แม้แต่แม่ฉันยังไม่เล่าให้ฟังเลยนะ เพราะกลัวท่านจะไม่สบายใจที่อุตส่าห์ชอบคิงแต่คิงก็ดันทำตัวเหี้ยซึ่งแน่นอนว่าแม่ไม่ควรรู้ว่าคิงมันนอกใจฉันไปนอนกับยัยมุกและฉันก็ไปตามตบมันสองตัวยันที่
“แฟนเก่าฉันเป็นนายแบบค่ะ คบมาได้ปีนิดๆ แต่มันนอกใจฉันไปนอนกับรุ่นน้องนางแบบ ฉันก็เลยไปดักตบมันสองตัวจากนั้นก็เลยเลิก คุยกับผู้ชายคนอื่นไปเรื่อยไม่อยากจริงจังกับใครแล้วค่ะ” เป็นอีกครั้งที่ฉันเล่าเรื่องส่วนตัวให้กับเขาฟัง เขาก็ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดีนั่นแหละ กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟซึ่งกลิ่นหอมชวนให้จัดการมันซะ แถมหน้าตายังดูอร่อยเลยแม้ยังไม่ได้ชิม “ถึงตาคุณจิณณ์เล่าแล้วค่ะ”
“เรื่อง”
“ก็แฟนไงคะ เคยมีหรือเปล่า” ถามเขาพลางใช้มีดหั่นเนื้อแกะย่างซอสฉ่ำๆ กินซึ่งมันอร่อยมากเลยทุกคน! อร่อยทุกอย่างเลยที่สั่งมา ระดับเชฟห้าดาวเลยนะที่สำคัญโรงแรมของคุณจิณณ์ก็โด่งดังมากด้วย “หล่อ รวย มีอิทธิพลขนาดนี้คงมีไม่ต่ำกว่าห้าหรือสิบคนแน่”
“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” เขาปฏิเสธเสียงแข็งจนฉันยิ้มขำ “เคยมี”
“จริงเหรอคะ”
“แต่เลิกกันไป ด้วยเหตุผลที่โคตรจะงี่เง่า” คุณจิณณ์ถอนหายใจพลางตักสเต็กปลาแซลมอนกิน “เราสองคนรักกันมาก คบกันมาได้หลายปีแต่ต้องเลิกกันไปทั้งที่ยังรักกันอยู่”
“รักเธออยู่แล้วทำไมถึง... นอนกับผู้หญิงคนไปเรื่อยล่ะคะ?” สงสัยมาก
“เธอรู้ดีนะไนล์ ว่าทำไมฉันถึงนอนกับผู้หญิง” อ่า ใช่สินะเพราะเขามันเซ็กซ์จัดนี่นา “ช่างเรื่องฉันเถอะ”
“อ้าว ก็อยากรู้ต่อนี่คะ”
“งั้นก็ง้างปากฉันให้ได้สิ” พอเขาพูดแบบนี้ฉันก็กลอกตาไปมาด้วยความหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้ล่อฉันตลอดอะเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“ฉันไม่อยากรู้ก็ได้ค่ะ”
“เพราะแบบนี้ฉันถึงไม่รักใคร” ฉันชะงักมือที่กำลังหั่นเนื้อแกะ ลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม “ฉันตายด้านเรื่องความรักไปเรียบร้อยแล้ว”
“ถึงจะตายด้านเรื่องนี้ แต่ฉันเชื่อนะคะว่าสักวันคุณจิณณ์ต้องได้เจอกับใครที่ทำให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง”
“ไม่จริงหรอก”
“ก็ถ้ายังรักเธออยู่ ไม่กลับไปขอเธอคบใหม่ล่ะคะ?”
“มันเป็นไปไม่ได้ เธอไม่รู้หรอกว่าเหตุผลมันมีมากกว่านั้น” พอเขาไม่คิดจะบอกว่าเหตุผลนั้นคืออะไรฉันก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ สิ่งที่ต่างกันระหว่างเราคือเคยมีแฟนมาก่อนและต่างคนต่างมีเหตุผลที่เลิกรากันไป สำหรับคุณจิณณ์แล้วฉันคิดว่ามันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น ถ้าหากให้ปะติดปะต่อเรื่องราวคงมีคุณจิเป็นต้นเหตุของความสัมพันธ์เขากับแฟนเก่าแน่ ฉันหั่นเนื้อแกะหนึ่งชิ้นและยื่นไปวางไว้บนจานของเขาที่เงยหน้าสบตากับฉัน
“เราจะไม่พูดเรื่องนี้ ตกลงนะคะ”
“...”
“แต่ถ้าหากมีอะไรไม่สบายใจ คุณจิณณ์บอกฉันได้เสมอนะคะ ถึงฉันจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็จะพยายามช่วยให้ฐานะน้องสาวที่แสนดีค่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาแลดูเรียบนิ่งเวลานี้กลับยกยิ้มมุมปากและหั่นเนื้อปลาแซลมอนมาวางบนจานฉัน
“เธอรู้ดีนะว่าจะต้องทำยังไงให้ฉันสบายใจ”
“คุณจิณณ์อ่า”
“ขอบใจนะ ไนล์”
ราวกับเขาได้ปลดปล่อยเรื่องบางเรื่องออกมาแล้วรู้สึกว่าเขาสบายใจมากขึ้น ฉันดูได้จากรอยยิ้มที่แม้จะเป็นยิ้มที่ไม่ได้กว้างขนาดนั้น แต่เป็นยิ้มที่เล็กน้อยก็พอให้เข้าใจว่าคุณจิณณ์คงจะแบกรับกับความรู้สึกนี้มานานแค่ไหน ไม่รู้หรอกนะว่าคำพูดของฉันจะทำให้เขาสบายใจได้บ้างหรือเปล่า มันก็อยู่ที่ว่าเขาจะเปิดอกคุยกับฉันได้มากแค่ไหน เพราะฉะนั้นฉันจำเป็นต้องเปิดอกคุยกับเขาก่อนเพื่อให้เขาไว้ใจฉัน ฉันที่รับฟังเขาทุกอย่างเพราะฉันเองก็รู้สึกว่าการที่เขาต้องอยู่กับคนเป็นพ่อไม่ได้มีแม่คอยให้รับฟังมันเป็นยังไง แต่เขาก็เก่งมากๆ ที่มีชีวิตได้ดีขนาดนี้ แม้จะไม่ลงรอยกับคุณจิเหตุผลก็คือเรื่องอดีตแฟนเขาเนี่ยล่ะ อยากเสือกมากแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรเยอะ เอาเป็นว่ารู้แค่นี้ก็ดีแล้วนะไนล์
อาหารบนโต๊ะถูกจัดการจนเกลี้ยงต่อด้วยของหวานเป็นไอศกรีมของทางร้านที่เป็นไอศกรีมสูตรเฉพาะมันเป็นรสนมแต่หวานคาราเมลและมีท็อปปิ้งต่างๆ ฉันเลยเลือกกินคู่กับวาฟเฟิลกรอบบลูเบอร์รี ไวน์แดงถูกดื่มไปถึงสองขวดและต่อด้วยขวดที่สาม คุณจิณณ์ไม่มีท่าทีที่จะเมาเลยแม้แต่นิด ผิดกับฉันที่ยกมือนวดขมับรับรู้ถึงร่างกายที่ร้อนผะผ่าวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไม่ได้มาก แต่พอดื่มไปเยอะก็เพิ่มปริมาณได้เช่นกัน
“You look tipsy now” (เธอดูกรึ่มๆ แล้วนะ)
“Yeah i know” (ใช่ค่ะ ฉันรู้) ตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษเป็นอีกครั้งที่คุณจิณณ์มักจะพูดอังกฤษใส่ฉันแบบนี้
“let's go back” (กลับกันเถอะ) คุณจิณณ์บอกว่าจะกลับฉันก็พยักหน้ารับ ขณะที่เขาเรียกพนักงานมาเก็บเงินมื้อนี้หมดไปหมื่นนิดๆ เขาก็ประคองเอวฉันให้ลุกขึ้นยืน ซึ่งฉันก็ยืนทรงตัวได้นะจึงเอนใบหน้าซบกับแผงอกแกร่งที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมที่เขาฉีด คุณจิณณ์พาฉันเข้าไปในลิฟต์ที่ลงไปถึงชั้นจอดรถวีไอพี ลิฟต์นี้เป็นลิฟต์ส่วนตัวสำหรับของผู้บริหารเลยมั้ง พอเข้ามาในลิฟต์ ฉันก็เอนหลังพิงกับมุมสี่เหลี่ยมซึ่งในลิฟต์เป็นสีทองทั้งหมด ไฟสาดส่องให้ฉันมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังกดลิฟต์ลงไปชั้นใต้ดินก่อนที่คุณจิณณ์จะหันมามองฉัน โดยไม่รอช้าที่จะจู่โจมมากอดรัดฉันบดขยี้จูบทันทีด้วยความร้อนแรงจนฉันโอบกอดลำคอแกร่งจิกนิ้วลงบนเสื้อสูทสีดำเนื้อผ้าดี มือซ้ายช้อนเรียวขาฉันยกไว้ข้างหนึ่ง มือขวาเคล้นคลึงทรวงอกฉันอย่างแรงจนนิ่วหน้า หากแต่ว่าริมฝีปากของเราก็กวัดเกี่ยวลิ้นสู้กันไปมาจนคุณจิณณ์เป็นฝ่ายถอนจูบออก พลางโน้มใบหน้าซุกไซ้ลำคอของฉันที่แหงนหน้าขึ้นมองเห็นกล้องตัวเล็กที่ติดอยู่ภายในลิฟต์
“มันมีกล้องนะคะ”
“I don't care” (ฉันไม่แคร์) คำตอบของเขาทำให้ฉันเลิกกังวล ถ้าหากเขาไม่แคร์ฉันก็ไม่แคร์เหมือนกันเพราะนี้เป็นโรงแรมของเขาด้วยนะ ฉันเชื่อว่าเขาคงจะสั่งเรื่องพวกนี้ได้ทันทีระหว่างที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ คุณจิณณ์ก็พรมจูบทั่วลำคอของฉันก่อนจะดึงเกาะอะฉันลงมาข้างหนึ่งอ้าปากครอบครองยอดอกที่ชูชันให้เขาได้ดื่มกินอย่างมูมมาม
“อื้ม ดูดแรงอีกค่ะ” กดศีรษะเขาให้จมอยู่กับทรวงอกของฉันพลางเงยหน้ามองกล้องตัวเล็กและส่งยิ้มให้ด้วย ฉันร้องครางออกมาลั่นลิฟต์ขณะที่ประตูลิฟต์เปิดขึ้น “ถึงชั้นล่างแล้วค่ะ”
“...” คุณจิณณ์ดูอารมณ์เสียขณะที่ฉันดึงเกาะอกมาสวมใส่ตามเดิม เขาจูงมือฉันมาที่รถจากนั้นก็ขับออกจากโรงแรมโดยที่คุยสายกับใครสักคน “เอียน มึงไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดด้วย ลิฟต์วีไอพีสั่งลบภาพให้หมด ด่วน”
ฉันได้ยินแค่นั้นก็ปรับเบาะแบบเอนนอนลงขณะมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ราวกับอารมณ์เสียที่หยุดความต้องการเอาไว้แค่นั้น มาถึงบ้านซึ่งตอนนี้บ้านเงียบมากดูเวลาก็ปาเข้าไปเกือบจะห้าทุ่มแล้ว ถ้าคุณจิกับแม่จะหลับไปก็คงไม่แปลกหรอกนะ คุณจิณณ์ประคองฉันขึ้นบันไดมาถึงห้องเขาก็ให้ฉันนอนลงบนเตียง
“ลุกอาบน้ำไหวหรือเปล่า?”
“ไหวค่ะ” พยักหน้ารับเพราะฉันแค่อยากนอนสักแปบก็คงจะดีขึ้น “ไม่น่าดื่มเยอะเลย พรุ่งนี้มีงานใหญ่ด้วย”
“เดี๋ยวก็สร่าง เธอไม่ได้เมาหนักขนาดนั้น”
“กลับห้องเถอะค่ะ ฉันไหว” บอกคนตัวสูงที่เท้าเอวมองอยู่เกือบสิบนาทีเขาก็หมุนตัวเดินออกจากห้อง ส่วนฉันก็นอนหลับพักสมองตัวเองไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ฉันก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำให้น้ำเย็นช่วยดับความร้อนในกายและความมึนเมาที่มีก่อนหน้านั้น มันหายจริงนะยิ่งฉันนอนแช่น้ำในอ่างกุชชี่ด้วยแล้วยิ่งสมองโล่ง ลืมไปว่าตัวเองจะเมาไม่ได้เพราะมีงานใหญ่รออยู่ถึงงานจะเริ่มตอนค่ำก็เถอะ ฉันก็ต้องไปที่โรงแรมตั้งแต่บ่ายสามแก่เลยนะ
เวลาตอนนี้ล่วงเลยมาเที่ยงคืนนิดๆ ฉันก็หยิบเดรสชุดนอนสายเดี่ยวขอบลูกไม้สีขาว ผ้าซาตินผูกเชือกด้านหน้าโชว์ร่องอกที่ไม่ได้สวมบราเซียหรือแพนตี้ ปกติฉันจะไม่สวมอะไรนอนเลยเพราะรู้สึกรำคาญแค่ตื่นมาสวมบราเซียกับแพนตี้ก็อึดอัดจะแย่ตอนนอนก็ขอสบายๆ หน่อยเหอะ เพราะต้องการดื่มน้ำเย็นช่วยทำให้สร่างฉันก็ออกจากห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงไฟตามทางเดินเท่านั้น ลงจากบันไดตรงไปยังห้องครัวตรงทางเดินก็คือมืดเลยนะมีแสงไฟจากด้านบนสีส้มสลัวๆ แค่นั้น ฉันเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่ามาดื่มแก้กระหายคอแห้ง หมุนตัวเอาขวดน้ำวางบนเคาน์เตอร์บาร์สีขาวหินอ่อนเท้ามือพลางหลับตาลงหรือฉันต้องชงอะไรร้อนๆ เผื่อจะดีขึ้น
“ไนล์”
“!” ตกใจตาเบิกโพลงเมื่อมีเสียงหนึ่งเรียกชื่อทำให้ฉันคิดว่าเป็นผี แต่ทว่าผีที่ไหนจะหล่อลากดินขนาดนี้ล่ะ พอรู้ว่าเงาที่เห็นจากที่มืดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ตกใจหมดเลยค่ะนึกว่าผี”
“ลงมากินน้ำ”
“ค่ะ รู้สึกคอแห้งมาก” ฉันตอบคุณจิณณ์ที่สวมแค่กางเกงบางๆ สีดำตัวเดียวเปลือยท่อนบนที่น่ามองอยู่ตลอดเวลา เขาเดินไปกดกาน้ำร้อนพลางหยิบแก้วเซรามิคสีขาววางไว้ จากนั้นก็เปิดชั้นด้านบนหยิบซองอะไรสักอย่างออกมา ฉันยืนเอนสะโพกพลางกอดอกมองแผ่นหลังกว้าง “ทำอะไรคะ?”
“ต้องดื่มอะไรร้อนๆ ถึงจะสร่าง”
“อ่า” จริงด้วย ฉันก็คิดว่าน้ำเย็นจะช่วยได้ไง
“ชามะลิกินได้นะ” พยักหน้ารับขณะที่กาน้ำร้อนส่งเสียงบอกว่าเดือดแล้ว คุณจิณณ์ก็เทน้ำร้อนลงแก้วเซรามิคมีซองชามะลิส่งกลิ่นหอมทันทีที่น้ำร้อนเทลงไป
“แล้วทำไมถึงยังไม่นอนคะ?” ถามเขาที่หันหน้ามามองฉันระหว่างรอชามะลิละลายผงชา เขาก็เอนสะโพกพิงกับเคาน์เตอร์ครัวตรงข้ามฉันพลางยกแขนทั้งสองพาดอก
“หิวน้ำเลยลงมากิน” คำตอบของเขาทำให้ฉันอมยิ้ม
“นึกว่าไปหาฉันที่ห้องไม่เจอ ก็เลยตามลงมาซะอีก” คุณจิณณ์เลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มขำ “เป็นห่วงเหรอคะ?”
“จะให้ตอบยังไง”
“เอาที่คุณจิณณ์คิดค่ะ” ไม่อยากจะเค้นถามอะไรเขาหรอกนะ เพราะจริงๆ แล้วฉันรู้ว่าเขาไปห้องฉันน่ะไปเพื่ออะไร ไม่ได้ห่วงว่าฉันจะเมาค้างหรอก เขามากกว่าที่ค้างตั้งแต่อยู่โรงแรมแล้ว
“ทั้งสอง”
[30%]
*-------------------------------------------*