อมาวดีใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานมากเพราะเธอเผลอหลับในห้องน้ำเนื่องจากความอ่อนเพลียในทำงานเหนื่อยๆ มาทั้งวัน เพียงแค่เก็บของที่ห้องรับแขกบ้านเขาก็กินเวลาค่อนวันแล้ว อมาวดีไม่เคยทำงานหนักมาก่อนถึงแม้ว่าใจเธอจะสู้ไม่ถอยแต่ร่างกายเธอก็อ่อนล้าไม่สู้เหมือนจิตใจจึงทำให้เหนื่อยอย่างนี้
หญิงสาวสะบัดหัวเรียกความสดชื่นกลับคืนมาก่อนจะลุกขึ้นจากอ่างอาบเธอน้ำก้มมองปลายมือตัวเองก็พบว่ามันเหี่ยวซีดเพราะแช่น้ำนานเกินไป เธอแต่งตัวเรียบร้อยรัดกุมก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกมา
เพียงแค่มองเข้ามาในห้องปราดเดียวอมาวดีก็ใจแกว่งขึ้นมาวาบหนึ่งเมื่อเห็นภาคินนอนแผ่หราอยู่กลางเตียงและเปลือยกายท่อนบนอยู่ ทั้งตัวเขามีผ้าห่มผืนสีขาวปิดสะโพกอยู่หมิ่นเหม่ เธอประเมินด้วยสายตาก็รู้ว่าเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้านอนอีกแล้ว เขาคงไปอาบน้ำมาจากที่อื่นแล้วก็มานอนดูโทรทัศน์ต่อบนเตียง หญิงสาวเดินตัวลีบผ่านหน้าเขาไปเพื่อเอาเสื้อผ้าไปเก็บที่ตระกร้า นึกฉุนเขาในใจที่เปิดแอร์เสียเย็นเฉียบถ้าเขาชอบอากาศเย็นนักทำไมไม่ไปอยู่ขั้วโลกเหนือมาเกิดเป็นคนไทยครึ่งหนึ่งอย่างนี้ทำไมกัน...
เก็บของแล้วอมาวดีก็ห่อไหล่หนาวสะท้านอยู่กลางห้อง มองหาอะไรทำก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทั้งความง่วงที่เริ่มทวีขึ้นมาทำให้เธอคิดว่าเธอน่าจะนอนได้แล้ว แต่ปัญหามันก็มีเมื่อภาคินนอนกางแขนทับหมอนทับผ้าห่มบนเตียงไว้หมดจนเธอไม่อยากเข้าไปหยิบให้เขาได้ค่อนขอดว่าอยากได้ของของเขา
อมาวดีมองไปโซฟาที่เป็นความหวังสุดท้ายแต่นั่นก็เป็นชัยภูมิที่ไม่เหมาะสมกับเธอเพราะเป็นตำแหน่งที่แอร์ตกใส่พอดี เธอเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้วนอนได้ไม่เกินห้านาทีคงได้แข็งตายกันไปข้างเพราะเจ้าของห้องเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นยะเยียบราวกับอยู่ขั้วโลกเหนืออย่างนี้
อมาวดีไม่สนใจเขาพอๆ กับที่เขาไม่สนใจเธอเพราะสายตาเขาจดจ้องเกมการแข่งขันฟุตบอลในจอโทรทัศน์อยู่ ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจความเป็นทุกข์เป็นร้อนของอมาวดีเลยว่าจะนอนอย่างไร เธอเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวออกจากกระเป๋าเดินทางมาสวมแล้วหยิบตุ๊กตาหมีตัวเล็กที่เธอนำติดตัวไปทุกที่มาไว้ใช้หนุนแทนหมอนไม่ได้ใช้กอดเหมือนทุกวัน เมื่อหาตำแหน่งที่แอร์ตกมาน้อยที่สุดและห่างไกลจากเตียงพอประมาณได้เธอก็วางตุ๊กตาลงบนพื้นไม้ปาร์เกต์เย็นๆ ก่อนจะย่อตัวลงไปนอนหนุนมันเอนตัวราบไปกับพื้นไม้เย็นๆ เธอข่มตาหลับลงแม้ว่าจะทรมานกับร่างกายเธอมากเพียงใดก็ตาม
ปิ๊บ! ปิ๊บ! ปิ๊บ!
เสียงดังประหลาดทำให้อมาวดีลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ผล็อยหลับไปเนิ่นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เธอเห็นว่าโทรทัศน์จอใหญ่เพิ่งถูกตัดสัญญาณไปและเสียงปิ๊บที่เธอได้ยินนั้นคือเสียงภาคินกดรีโมทลดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้เย็นขึ้นไปอีก เสียงแอร์เร่งเครื่องขึ้นแล้วเป่าลมเย็นวูบมาผ่านหน้าเธอไปพร้อมกับไฟในห้องที่ถูกปิดลง อมาวดีมองฝ่าความมืดไปยังตำแหน่งที่ตั้งของแอร์คอนดิชันเห็นตัวอักษรดิจิตัลบอกอุณหภูมิที่ภาคินตั้งแอร์ไว้เท่ากับสิบแปดองศาและลมเย็นที่พัดผ่านมาเป็นระยะ ระยะนั้นทำให้เธอรู้ได้เลยว่าเขาตั้งค่าให้แอร์เย็นลงเพื่อเธอเป็นพิเศษ
เขาคงหวังดีอยากให้เธอได้หนาวตายจะได้ไม่ต้องทรมานอยู่กับเขาให้นานกระมัง
คิดจะแช่แข็งกันหรือไงไอ้คนบ้า บ้าห้าร้อยจำพวก เธอตะโกนด่าเขาอยู่ในใจ เขาคงคิดว่าเธอจะอ้อนวอนขอร้องหรือทัดทานกับสิ่งที่เขาทำ
แต่ไม่หรอก อมาวดีจะไม่แสดงท่าทางอะไรให้เขาได้ใจเด็ดขาด... ให้เธอแข็งตายยังดีกว่าจะอ้อนวอนขอความเมตตาจากเขา
อมาวดีพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะต้องข่มใจให้เข้มแข็ง เธอต้องใช้แรงอย่างมากในการกัดฟันไม่ให้ปากสั่นเพราะความเหน็บหนาว แม้พื้นไม้ที่เธอนอนอยู่จะเย็นราวกับลานสเกตซ์แต่เธอก็พยายามคิดว่ามันเป็นพื้นอุ่นๆ เธอทำสมาธิเข้าชานสวดมนต์และทำสารพัดเพื่อหลอกตัวเองว่าเธอต้องทนกับการกลั่นแกล้งของเขาให้ได้ แต่สุดท้ายขันติก็กลายเป็นขันแตก อมาวดีผุดลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสีย สองแขนเรียวของเธอโอบกอดตัวเองไว้แน่นเธอรู้สึกหนาวทั้งกายทั้งหัวใจที่ไม่ได้รับการใส่ใจดูแล...
เธอหันไปมองคนที่มุดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหน้าที่กำลังหลับตาอย่างแสนสุข เขาคงหลับไปกับความสบายอกสบายใจแล้วในขณะที่เธอหนาวเหน็บ เนื้อตัวของอมาวดีเย็นเฉียบหน้าเธอกำลังชาเพราะอากาศเย็นๆ นี้ อมาวดีมองผ้าห่มกับพื้นที่ว่างบนเตียงที่เขาเหลือไว้อย่างสองจิตสองใจ เขานอนหลับแล้วเธอแอบไปเบียดๆ นอนห่มผ้าสักพักใกล้เช้าแล้วค่อยตื่นก่อนเขาก็น่าจะทัน
แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวเขายังไม่หลับแล้วจะหัวเราะเยาะที่เธอทำอวดดีแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ตอนนี้อมาวดีตัวสั่นเทาไปหมดแล้ว ทิฐิในใจที่มีก็เริ่มจะด้านชาราวกับว่าโดนแช่แข็ง เธอขยับกายลุกขึ้นย่องไปที่ขอบเตียงขนาดคิงส์ไซส์นั่นแล้วกระซิบเรียกเขา
“คุณ คุณคะ” ไม่มีสัญญาณตอบกลับ อมาวดีจึงย่องมาที่ด้านที่ห่างเขาแล้วเปิดผ้าห่มแทรกตัวเข้าไปนอนพยายามทำให้เบาที่สุดและทำตัวให้ลีบที่สุดเพื่อให้ห่างเขาที่สุด
ได้อยู่ใต้ผ้าหนาๆ และที่นอนนิ่มๆ อมาวดีค่อยหายใจทั่วท้องแม้ว่าตัวเธอจะยังสั่นเพราะอากาศเย็นๆ อยู่ก็ตาม
“ขึ้นมาทำไม”
เสียงถามนั้นทำให้อมาวดีสะดุ้งโหยง เธอนึกว่าเขาหลับไปแล้วเสียอีก
“ไหนว่ารังเกียจนักหนาไง แล้วแอบย่องมานอนบนเตียงผมทำไมอมาวดี”
“ฉันหนาว คุณเปิดแอร์ซะเย็น ฉันกลัวไม่สบายเลยมานอนห่มผ้า”
“ไหนว่ารังเกียจเตียงนี้นักหนาไงล่ะ ในที่สุดก็คลานขึ้นมาอย่างไร้ศักดิ์ศรี ต่อไปก็อย่าทำปากกล้าถือดีอย่างนี้กับใครอีกล่ะมันจะได้ไม่ต้องมากลืนน้ำลายทีหลัง”
“คนอำมหิต” อมาวดีต่อว่าเขาสั้นๆ เพียงแค่นั้นก่อนจะลุกจากเตียงหอบตุ๊กตาหมีมานอนที่เดิมคราวนี้เธอหันหลังให้เขาด้วย...
เมื่อเปลือกตาเธอปิดลงน้ำตาที่คลอหน่วยตาอยู่จึงรินไหลออกมาก่อนจะหยดลงบนตุ๊กตาที่ทำหน้าที่เป็นหมอนให้เธอบัดนี้มันทำหน้าที่เพิ่มคือซับน้ำตาให้เธอด้วย อมาวดีปาดน้ำตาแห่งความอัปยศในตัวเองทิ้งก่อนจะพยายามนับแกะนับวัวให้ครบพันตัว แต่เธอนับแกะยังไม่ถึงยี่สิบตัวร่างบางของอมาวีดีก็ปลิวลอยหวือไปหล่นตุบอยู่บนเตียงนิ่มอีกครั้งโดยฝีมือของภาคิน
“คะ คุณจะทำอะไรน่ะ”
“หนาวไม่ใช่เหรอ... ผมก็จะทำให้อุ่นไงล่ะ” คนที่ยืนอยู่ขอบเตียงโน้มตัวลงมาใกล้จนอมาวดีหลับตาปี๋เพราะแม้ว่าไฟจะปิดทุกดวงแต่ทว่าดวงจันทร์กระจ่างตาก็ผ่านเล็ดลอดเข้ามาอาจทำให้มีความสว่างมากพ่อที่ทำให้เธอเห็นอะไรที่ไม่อยากเห็นได้