ตอนที่ 4

2118 Words
เสียงกระทะกับตะหลิวกระทบกันดังเคร้งคร้างฝีมือของอมาวดีทำให้คนที่ยืนคุมเข้มเธอทำกับข้าวอยู่นิ่วหน้าเพราะแสบแก้วหู อมาวดีตั้งใจว่าจะไม่กระแทกกระทั้นข้าวของใส่เขาอยู่แล้วแต่ก็ทนไม่ได้ที่เขามายืนกดดันไม่ห่างให้เธออึดอัดจนต้องหาทางระบาย หญิงสาวเทอาหารที่ทำขึ้นมาง่ายๆ สองสามอย่างสำหรับมื้อเย็นใส่จานใบสวยส่งให้เขานำไปวางบนโต๊ะ ภาคินมองจานอาหารในมือเธอก่อนจะส่ายหัวดิก “ผมบอกแล้วไงว่าเอาคุณมาทำงาน แล้วคุณจะมาใช้ผมทำไม... ทำเองสิ” หญิงสาวถอนหายใจเดินเลยคนตัวสูงที่ยืนกอดอกอย่างน่าหมั่นไส้นั้นเอาจานกับข้าวมาวางกระแทกบนโต๊ะดังปังและตามมาด้วยจานอาหารที่เหลือและจานข้าวที่ถูกตระเตรียมอย่างกระแทกกระทั้น แต่เจ้าของสิ่งของเหล่านี้กลับไม่ว่าอะไรสักคำเขาได้แต่ยักไหล่มองเธอฉุนขาดอยู่คนเดียวโดยไม่ยี่หระ หนำซ้ำเขายังสั่งให้เธอออกมาเรียกอาฟ่งกับอาห่าวที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องรับแขกมาร่วมทานข้าวด้วยหน้าตาเฉย อมาวดีเม้มปากแน่น เธอทำตามที่เขาชี้นิ้วสั่งอย่างอดทนอดกลั้น... ตอนนี้เขาอยากคุมเข้มเธอเท่าไหร่ก็เชิญทำตามอำเภอใจเถอะ เธอไม่มีวันหวาดกลัวเขาหงอเหมือนที่เขาอยากให้เป็นหรอก เมื่อทั้งนายทั้งลูกน้องมาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะกินข้าวแล้ว อมาวดีก็เอ่ยปากขอตัวไม่ทานอาหารมื้อเย็นเพราะว่าเธอไม่ค่อยชอบทานมื้อเย็นหนักๆ แบบนี้ ปรกติเธอจะทานแต่ซีซาร์สลัดแต่ว่ามันไม่มีสิ่งของที่ใกล้เคียงในตู้เย็นเลยเธอจึงตั้งใจว่าจะดื่มนมสักแก้วแล้วเข้านอน “เมื่อเช้าไม่ได้กินกลางวันก็กินเท่าแมวดมแล้วตอนเย็นก็ยังจะอดอีก มิน่าล่ะตัวถึงได้ผอมกะหร่องเหมือนคนขาดสารอาหารอย่างนี้ มาอยู่กับผมห้ามอดข้าวเด็ดขาดคุณต้องกินข้าวทุกมื้อจะได้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้างเวลากอดแต่ละทีนี่ผมจะได้ไม่รู้สึกว่ากระดูกคุณจะทิ่มปอดเอา” “ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณมากอดฉันและฉันจะกินไม่กินมันก็เรื่องของฉัน อย่ามาบังคับ” “ผมจะบังคับเพราะผมอยากทำ มีปัญหาอะไรมั้ย หรืออยากโดนจับกับข้าวยัดปากเหมือนเมื่อตอนกลางวันเลยทำเป็นเล่นตัว” เขาถามน้ำเสียงท้าทาย อมาวดีแทบจะกรี๊ดออกมาแล้วปาจานข้าวใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ... “เอ่อ... เราสองคนต้องคดข้าวไปกินข้างนอกเหมือนเมื่อกลางวันไหมครับคุณภาค” อาฟ่งถามอย่างเกรงใจ เขาเห็นบรรยากาศมึนตึงระหว่างทั้งสองแล้วก็ชักจะหวั่นๆ อยากแยกวงออกมาจากภูเขาไฟย่อมๆ สองลูกนั้น “ไม่ต้อง กินด้วยกันที่นี่แหล่ะ” ภาคินบอกก่อนจะหันมาทางอมาวดีอีก “ว่าไงจะกินดีๆ หรือจะให้จับกรอกปาก” “ฉันมีปัญญากินเองได้” อมาวดีบอกเสียงแหลมปรี๊ด เธอลากเก้าอี้มานั่งด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ หญิงสาวตักข้าวมาทัพพีเล็กๆ แล้วพยายามฝืนกินเข้าไป ที่เธอทำไม่ใช่ว่าเกรงกลัวเขาแต่ไม่อยากทะเลาะกับเขาต่อหน้าลูกน้องเขาให้ขายหน้าเท่านั้น “คุณแอมทำกับข้าวอร่อยนะครับ” อาห่าวชมรสมือของหญิงสาวเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อาฟ่งก็ช่วยยืนยันอีกแรง อมาวดีเงยหน้ามามองเห็นสายตาที่บอกอย่างจริงใจและพวกเขาก็กินกับข้าวฝีมือเธอไปถึงสามจานแล้วอมาวดีจึงกล่าวขอบคุณเบาๆ ตามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “ใครขอความเห็น นั่งกินเงียบๆ ไปเลยไป” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นกลางวง ทำให้ต่างคนต่างก้มหน้าทานข้าวในจานตัวเองเงียบๆ อมาวดีมองคนตรงหน้าอย่างหมั่นใส้เธอทำปากขมุบขมิบบ่นเลียนแบบเขาเป็นจังหวะที่เขาเงยหน้ามามองพอดี “เป็นอะไร” เขาถาม อมาวดียักไหล่ก่อนจะละเลียดข้าวในจานกินทีละนิดไม่สนใจคนพาลที่นั่งหน้าตึงเพราะกริยาท้าทายของเธอ อย่างเขาก็ดีแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า... จ้างให้เธอก็ไม่มีวันกลัวหรอก ทานข้าวเรียบร้อยกันแล้วอมาวดีก็ลุกขึ้นมาเก็บจานอย่างรู้หน้าที่ไม่ต้องรอให้เขาบอก ลูกน้องของเขามาแย่งเธอทำเขาก็ไล่ทั้งสองหนีก่อนจะยืนมองเธอทำความสะอาดเช่นเคย... อมาวดีพยายามทำเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนเธอล้างจานไปไม่สนใจเขาจนวางใบสุดท้ายลงเธอก็เดินเลี่ยงเขาออกมาตั้งใจว่าจะไปดูโทรทัศน์แก้เซ็ง มือแข้งแรงคว้าแขนเธอไว้จนเธอแทบเซถลา เธอสะบัดมือเขาออกแทบไม่ทัน “มีอะไรอีกล่ะฉันทำงานให้คุณเสร็จทุกอย่างแล้วนี่... ฉันจะพักแล้ว” “ยังพักไม่ได้ เพราะผมไม่อนุญาต คุณต้องไปทำความสะอาดห้องพักอีกก่อน” “ห้องอะไรอีกล่ะคุณ พรุ่งนี้คุณจะบังคับขู่เข็ญให้ฉันขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนค่อยว่ากันวันนี้ทั้งวันฉันถูห้องรับแขกบ้านคุณเนี่ยฉันก็เหนื่อยจะบ้าแล้ว... ฉันขอนอนสักคืนก่อนแล้วพรุ่งนี้จะทำให้อีก ไม่ขี้เกียจหรอกนะแต่มันเหนื่อยมาก” “จะนอนที่ไหน” “อ้าวก็วันนี้ฉันทำความสะอาดห้องเพิ่มอีกห้อง ก็แปลว่ามีห้องที่ใช้ได้สามห้องแล้วยังไงล่ะ” เธอออกตัวไว้ก่อนเพราะเมื่อวานนี้ลูกน้องเขาทำความสะอาดห้องไว้สองห้องพวกเขานอนอีกห้องหนึ่ง อมาวดีจึงต้องนอนห้องเดียวกับภาคิน วันนี้เธอทำความสะอาดเพิ่มอีกห้องเพื่อเป็นของเธอโดยเฉพาะ เธอตั้งใจว่าจะไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ห้องเขาก่อนทำความสะอาดมาแล้วนอนหลับสบายใจอยู่ที่ห้องใหม่คนเดียว “ใครบอก... ห้องที่คุณทำความสะอาดไปน่ะผมสั่งให้ทำให้อาห่าวอยู่ต่างหากล่ะ เมื่อคืนเขานอนด้วยกันกับอาฟ่งไปพลางๆ ก่อนเพราะทำความสะอาดไม่ทัน เพราะฉะนั้นคุณต้องไปทำความสะอาดห้องที่คุณจะนอนเอง” “โอย ฉันเหนื่อย ทำไม่ไหวหรอก ฉันเชื่อว่าพวกเขานอนด้วยกันได้เมื่อวานพวกเขายังนอนด้วยกันได้เลย” “พวกเขาไม่ใช่แฟนกันที่จะต้องมานอนด้วยกันทุกวัน ให้เขาแยกห้องกันน่ะดีแล้ว... ถ้าไม่อยากนอนห้องเดียวกับผมก็ไปทำเดี๋ยวนี้เลย” สิ้นคำพูดเขาอมาวดีก็เอ่ยขอกุญแจห้องที่ไม่ใช้จากเขาแทบไม่ทันเพราะเธอไม่ได้อยากนอนห้องเดียวกับเขาแม้แต่น้อย แค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้หน้าก็แดงรื้นขึ้นมาแล้ว เธอจะไม่มีทางอยู่ลำพังกับเขาให้มันเกิดขึ้นอีกแน่ “ไปเอากุญแจที่อาฟ่ง” เขาบอก อมาวดีเดินลิ่วๆ ออกมาหาอาฟ่งโดยมีภาคินตามมาติดๆ “กุญแจห้องเหรอครับ ก็คุณ...” อาฟ่งกำลังจะพูดภาคินก็สวนขึ้นมาก่อน “กุญแจห้องนายเก็บไว้ที่ลิ้นชักไม่ใช่เหรอ ลองค้นหาดูซิ” อาฟ่งเดินทำหน้างงๆ ไปค้นลิ้นชักตู้ที่ใช้เก็บกุญแจเพราะบ้านหลังนี้จะล็อคห้องที่ไม่ใช้ไว้แล้วเก็บกุญแจรวมเป็นพวง อาฟ่งเปิดลิ้นชักมาก็ไม่พบกุญแจห้องมีเพียงกุญแจรั้วบ้านและกุญแจหน้าบ้านเท่านั้น “ไม่มีครับ” “อ้าว เมื่อกลางวันอาฟ่งยังเอามาให้ฉันไขห้องเลย แล้วจะหายไปไหนล่ะ” อมาวดีถาม “เขาบอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ ตามผมมานี่”ภาคินดึงแขนอมาวดีไปจากห้องรับแขกขึ้นชั้นบนของบ้านโดยไม่สนแรงขัดขืนของเธอ อาฟ่งและอาห่าวมองตามไปแล้วก็หันมามองหน้ากันงงๆ “อาห่าว ฉันว่าคุณภาคเค้าผิดปกติอะไรรึเปล่าถึงได้ผีเข้าผีออกหลงๆ ลืมๆ อย่างนี้” “ฉันก็ว่าอย่างนั้น ก่อนกินข้าวคุณภาคเพิ่งมาขอพวงกุญแจกับเราไปแท้ๆ แล้วตัวไปลืมไว้ที่ไหนไม่รู้ถึงได้ปล่อยคุณแอมมาขอกับเรา กุญแจก็อยู่ที่คุณภาคเราจะหาที่ไหนมาให้ได้ล่ะ” ลูกคู่สนับสนุนความคิดสหายร่วมงาน... “โอ๊ยนี่ปล่อยนะ ลากฉันมาทำไมเนี่ย ฉันยังขอกุญแจจากลูกน้องคุณไม่ได้เลยนะ” อมาวดีโวยวายเมื่อเขาใช้กำลังที่มากกว่าลากเธอมาที่ห้องของเขาจนได้... เมื่อเขาปล่อยมือเธอเธอก็แทบหอบแฮ่กๆ เพราะออกแรงต้านเขาไม่น้อยแต่เธอก็ถูกลากเข้ามาในห้องจนได้ “ก็เขาบอกว่าไม่มีจะไปเซ้าซี้อะไรอีกล่ะ ผมไม่ให้คุณเลือกเอาว่าสามห้องนี้จะนอนกับใครหรอกนะเพราะคุณต้องมานอนห้องนี้ไม่ใช่ห้องลูกน้องผม ที่ผมลากคุณขึ้นมาเพราะอย่างนี้แหล่ะ” “ไม่นะ... ฉันไม่นอนห้องคุณ ถ้าหากุญแจไม่ได้ฉันจะไปนอนห้องรับแขก” เธอรีบพูดแข่งเขาขึ้นมา ภาคินชะงัก เขาเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเธอใกล้ๆ จนเธอผงะถอยหนีแทบไม่ทัน “คุณนึกว่าผมพิศวาสอยากเอาคุณมานอนห้องนี้ด้วยหรือไงฮึอมาวดี เพียงแค่มันไม่มีห้องว่างห้องอื่นให้คุณอยู่ผมเลยปราณีให้มานอนห้องนี้เพราะผมไม่มีวันให้คุณนอนห้องรับแขกแล้วหาโอกาสหนีแน่นอน” “แต่ฉันไม่อยากนอนห้องเดียวกับคุณ” เธอประกาศกร้าว “ผมก็ไม่ได้อยากนอนห้องเดียวกับคุณ” เขาประกาศกร้าวไม่แพ้กัน “ผมไม่อยากอยู่ใกล้คุณแม้แต่น้อยเลยอมาวดีอย่าคิดหลงตัวเองให้มากนัก ที่นอนของผมต้อนรับแค่ให้ผู้หญิงที่ผมอยากนอนด้วยเท่านั้นและที่แน่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คุณ” “คงอยากให้เป็นพี่น้ำผึ้งล่ะสิ แต่เสียใจด้วยนะที่ต้องอกหักเพราะว่าเขามีสามีแล้ว” “อันนั้นก็แล้วแต่จะคิดนะ... แต่ผมอยากจะบอกว่าเพราะไม่มีทางเลือก เลยบังคับคุณต้องอยู่ห้องนี้” “ถ้ารังเกียจฉันนักก็อย่ามาแตะฉันนะ” “ไม่เคยคิดแตะ” เขาบอกพร้อมแบมือยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ... “ก็ดี... ทำอย่างที่พูดด้วยล่ะไม่อย่างนั้นฉันจะกรี๊ดให้หูแตกหรือไม่ก็จะตบให้หน้าหันเลย” เธอบอกอย่างเข่นเขี้ยว... กับผู้ชายถึงรังเกียจกันแค่ไหนก็ย่อมหาเศษหาเลยได้เสมอ อมาวดีนึกถึงมือหนาๆ ของเขาที่กอบกุมอยู่หน้าอกของเธอยามหลับแล้วก็นึกโกรธเขาขึ้นมา ปากบอกว่าเกลียดแต่มือเขาไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นเลยไม่รู้ว่าเป็นนิสัยของผู้ชายคนนี้คนเดียวหรือว่านิสัยของผู้ชายทั้งโลกกันแน่ “ตามสบายเถอะแม่คุณ” เขาบอกเหมือนไม่สนใจอาการอาฆาตนั้นก่อนจะเดินไปเปิดโทรทัศน์ที่อยู่มุมห้องดูอย่างสบายใจ อมาวดียืนคว้างอยู่กลางห้องแต่เธอก็ยังไม่หยุดสร้างเกราะป้องกันตัวเอง เธอคิดว่าอย่างน้อยก็กันไว้ดีกว่าแก้เพราะการเสียตัวให้คนที่เกลียดแล้วเขาก็ยังเกลียดเราเองอีกมันไม่น่าปรารถนาเลย “ก็ได้ ถ้างั้นฉันจะนอนที่พื้นก็ได้ เพราะฉันสะอิดสะเอียนที่จะนอนเตียงเดียวกับคุณ ไม่รู้ว่าพาผู้หญิงที่ไหนมานอนบ้าง น่ากลัวติดเชื้อโรคชะมัด” อมาวดีเบ้ปากใส่เขาเหยียดๆ ก่อนจะเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหาของกุกกักแล้วเดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำไปปิดประตูแรงจนห้องทั้งห้องสะเทือน เมื่อประตูห้องน้ำปิดไปแล้วคนที่ทำเป็นสนอกสนใจจอโทรทัศน์จอยักษ์อยู่ก็หันมาแยกเขี้ยวให้ประตูห้องน้ำหวังจะส่งผ่านอารมณ์หงุดหงิดไปให้คนในห้องน้ำให้ได้ “ถึงว่าล่ะว่าทำไมพ่อคุณถึงได้ส่งคุณมาให้ผมปราบ เพราะท่านคงรับมือไม่ไหว คนอะไรทั้งดื้อทั้งร้ายไม่มีใครเกิน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD