“คุณภาคครับ คุณไมค์โทรมาคร้าบบบ” เสียงอาฟ่งร้องมาแต่ไกลพร้อมกับการหอบร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยวิ่งถือโทรศัพท์มา ภาคินจึงค่อยหย่อนก้นลงนั่งที่เปลเดียวกับอมวดี คนข้างๆ เขาร้องวี้ด...เพราะทั้งตกใจทั้งเจ็บก้นตอนขยับหนีเขา
“ผมจะคุยงาน คงคุยนานเลยขี้เกียจยืน” เขาบอกหน้าดุๆ ทำเป็นไม่ยี่หระต่อท่าทางไม่อยากใกล้ชิดของเธอ... ทำให้เธอแทบจะรู้สึกว่าเธอคิดมากไปเองที่ว่าเขาจ้องจะหาเศษหาเลยกับเธอ
“ก็ไปคุยที่อื่นสิมาเบียดหาพระแสงของ้าวอะไร” แน่ล่ะ ประโยคนี้อมาวดีพูดในใจ... เพราะอาฟ่งยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอได้แต่ขยับตัวอย่างอึดอัดและเจ็บกับรอยช้ำที่ฝ่ามือของเขาฝากเอาไว้ ขยับกายทีไรมันเป็นต้องเจ็บทุกทีสิน่า...
“ว่าไงไมเคิล” ภาคินรับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทกึ่งญาตินามว่าไมเคิล ซึ่งเจ้าตัวคงจะโทรมาหาเขาเกี่ยวกับธุรกิจที่เขาต้องรับผิดชอบแต่เขากลับยังไม่เข้าไปทำเพราะต้องรับหน้าที่ปราบใครบางคนให้ราบคาบตามที่ได้รับใบสั่งมาอยู่
ณ ร้านเพชร เดอ ลาครูเซด์ ฮ่องกง
ไมเคิล ชาง เดอ ลา ครูเซด์ หนุ่มเลือดผสมหลากสัญชาติทั้ง ฝรั่งเศส ไทย ฮ่องกงและโปรตุเกส กำลังนั่งพาดขาบนโต๊ะทำงานกระดิกไปมาอย่างสบายอารมณ์ ในมือของเขากำโทรศัพท์ที่กำลังต่อสายกับเพื่อนสนิทที่กำลังปล่อยงานให้สุมหัวเขามากมายเพราะเจ้าตัวไม่มาบริหารงานช่วยเขาในเวลาที่สัญญากันไว้สักที
“ว่าไงไอ้คุณภาค เลขาฉันเพิ่งบอกว่านายแจ้งว่าจะมาที่ฮ่องกงช้า ฉันเพิ่งรู้”
“ฉันบอกไปหลายวันแล้วนะ นายทำไมเพิ่งรู้”
“ฉันไม่ได้ติดต่อใครเพราะไปญี่ปุ่นมา”
“ไปทำอะไรมาล่ะ... พาสาวคนใหม่ไปคั่วไกลๆ แล้วตัดขาดการติดต่อของชาวโลกหรือไง” ภาคินถามเย้าอารมณ์เพื่อน
“เปล่า ฉันแค่บินไปดูตัวอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระชะมัด พอดีคุณนายโซเฟียเค้าอยากได้ลูกสะใภ้จัดเลยหลอกฉันไปดูตัว กว่าจะหลุดบ่วงมาได้แทบแย่”
ไมเคิลบอกพลางหัวเราะเมื่อนึกถึงว่ามารดาเขาบังคับให้ไปงานที่ญี่ปุ่นแต่แท้จริงคือการดูตัวกับลูกสาวท่านประธานโอมาจิเพื่อนของท่าน เขาไม่สนุกและไม่สนใจที่จะหาเรื่องผูกมัดตัวเองสักนิดเพราะเขาเกลียดการบังคับ เมื่อไมเคิลไม่นำพาการดูตัวนั้นจึงล้มไม่เป็นท่า
“ก็นายเล่นทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาขยันสร้างข่าวฉาวให้ตัวเองทุกวันนี่หว่า จะไม่ให้ท่านรีบทำให้นายเป็นฝั่งเป็นฝาได้ไง”
“พอเลยไม่ต้องมาทำตัวเป็นพ่อฉันอีกคน ฉันโทรมาคุยเรื่องงานไม่ได้โทรมาให้ด่า” เขารีบบอกไป ปลายสายส่งเสียงหัวเราะลั่นตามมา
ระหว่างที่ไมเคิลคุยเรื่องส่วนตัวทางโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่นั้นประตูห้องทำงานของไมเคิลก็เปิดผางออกพร้อมกับสาวสวยที่เขาเพิ่งนึกถึงเดินยิ้มหวานส่งมาให้เขาก่อนตัว เขาต้องเอ่ยต้อนรับเธอแบบงงๆ แล้วขอให้เธอนั่งรอที่โซฟาก่อนที่จะหันมาคุยโทรศัพท์กับภาคินต่อ
“ภาคงานเข้าฉันแล้ว แม่สาวที่ฉันเพิ่งไปดูตัวตามมาถึงนี่เลยว่ะ” ไมเคิลเลือกพูดเป็นภาษาไทย
“โว้... เพื่อนฉันเสน่ห์แรงสุดๆ ไปเลยว่ะ ฮ่าๆ งั้นนายมีอะไรจะรีบพูดก็พูดมาเถอะฉันรู้ว่านายมีอะไรต้องทำต่อ”
“อือ...” ไมเคิลตอบเนือยๆ “นายไม่มาทำงานของนายก็ไม่เป็นไรฉันยังพอว่าทำให้อยู่แต่ว่าที่รอไม่ได้คือแบบเพชรที่ฝากน้ำผึ้งออกแบบน่ะเสร็จหรือยัง ลูกค้ารอนานแล้วนะ”
“เออ ฉันลืมไปเลยว่ะ น้ำผึ้งทำเสร็จนานแล้วแต่ฉันดันลืมไปเอาว่ะ”
“นายลืมเหรอ ไม่น่าเชื่อว่านายจะลืมเรื่องงานสำคัญขนาดนี้... สมาธิของนายหายไปไหนหมด ให้ฉันเดานะนายคงมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงหรือเปล่าถึงได้ลืมโลกภายนอกงานการไม่ยอมทำแบบนี้”
“บ้าน่า ฉันไม่ได้เป็นคนแบบนายซะหน่อย ถ้าอย่างนั้นนายก็จัดการอะไรๆ ต่อเลยนะเดี๋ยวแบบเพชรฉันจะให้อาห่าวบินไปเอาแบบเพชรที่น้ำผึ้งแล้วส่งให้นายให้เร็วที่สุด”
“นั่นไงล่ะ ฉันว่านายต้องคั่วผู้หญิงอยู่สักคนแน่ อะไรจะหลงมากขนาดนั้นวะภาค ตั้งใจทำงานหน่อยสิ ปกตินายไม่เคยให้คนอื่นทำแทนนะ”
“พอเลยไมค์ เดี๋ยวฉันไม่เอาแบบเพชรที่น้ำผึ้งทำไปส่งให้นายแล้วจะหนาว นายใช้ฉันแล้วยังมาล้อฉันอีกเหรอวะ”
“โอ... ขอโทษครับคุณภาคที่ผมพูดความจริง งั้นแค่นี้นะครับขอให้มีความสุขแต่อย่าสุขนานเกินไปนะงานยุ่งมากเลยว่ะเพื่อน”
ไมเคิลบอกลาเพื่อนก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะทำงานสายตามองไปที่คนที่นั่งอยู่โซฟา เธอเห็นว่าเขาคุยเสร็จแล้วก็ยิ้มหวานให้พร้อมลุกมาเกาะแขนเขาแน่น อกอวบหยุ่นของเธอเบียดแขนเขาอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าเขาอยากเล่นกับเธอแล้วเรียกเธอมาเอง สำหรับเขาเธอคงเป็นสิ่งที่วิเศษ แต่นี่ไม่... ไมเคิลไม่ชอบผู้หญิงที่ตามตื๊อเขา...
ชายหนุ่มลอบถอนใจ... นี่ลูกน้องเขาเขาปล่อยให้แม่สาวไฟแรงสูงนี่เข้ามาได้ยังไงกันนะ เขาทักทายกับเธอไม่สนใจว่าเธอจะมาหาเขาด้วยเหตุผลใดเลย เขาไม่มีอารมณ์อยากจะคั่วแม่สาวคนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใดกันแน่ อาจจะเป็นเรื่องการผูกมัดอีกข้อหนึ่งที่เป็นม่านกั้นไม่ให้เขายุ่งกับเธอแม้ว่าเธอจะเสนอมากเท่าใดก็ตาม
เมื่อเธอรุกหนักเข้าไมเคิลก็บอกเธอว่าขออนุญาตทำงานก่อนเพราะงานกำลังยุ่งแล้วเขาก็เดินมากดอินเตอร์คอมเรียกเลขาหน้าห้องเข้ามาเป็นการด่วน
ชุนเหลียงเลขาสาวของเขาโผล่มาพร้อมกับพราวตะวันเด็กในร้านเพชรที่ถือถาดแก้วน้ำตามเข้ามา เธอสองคนโผล่มาในจังหวะที่มิโยโกะโน้มคอเขาเข้าไปจูบพอดิบพอดี พราวตะวันถึงกับทำถาดแก้วน้ำนั่นหลุดมือหล่นใส่โต๊ะรับแขกดังเคร้ง...
เมื่อได้ยินเสียงดังมิโยโกะจึงค่อยผละออกจากเขาแล้วมองผู้มาใหม่ตาขุ่น
ไมเคิลเองก็มองทั้งสองด้วยสายตาขุ่นเช่นกัน เขาโกรธมากที่คนตั้งสองสามคนหน้าห้องเขาปล่อยให้มิโยโกะเข้ามา! ไมเคิลเกลียดการถูกรุกร้ำความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในชีวิตถ้าใครทำอะไรขัดใจเขาเขาจะโกรธเป็นไฟได้แม้แต่เรื่องเล็กๆ เช่นนี้
หากแต่ผู้ที่เข้ามาใหม่สองคนนั้นกลับเข้าใจว่าหนุ่มสาวกำลังพลอดรักกันอยู่ในห้องแล้วพวกเธอเข้ามาขัดจังหวะ โดยเฉพาะพราวตะวัน เธอก้มหน้านิ่งไม่กล้ามองอะไรทั้งนั้นเธอคิดว่าเขาจะเรียกเธอเข้ามาแล้วมองราวกับว่าไม่อยากให้เข้ามาทำไม เธอไม่เข้าใจเลย...
“มิโยโกะ ตอนนี้ผมยุ่งมากเลย เดี๋ยวคุณไปรอผมที่โรงแรมของผมก็แล้วกันนะ” ไมเคิลบอกอย่างพยายามใจเย็นให้ถึงที่สุด
มิโยโกะอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมไปง่ายๆ เพราะคิดว่าไมเคิลคงจะรีบตามเธอไปในไม่ช้า ไมเคิลให้ชุนเหลียงพาเธอไป เมื่อทั้งสองออกจากห้องไปไมเคิลก็หันมาทางพราวตะวันที่ยืนตัวลีบก้มหน้างุดอยู่ต่อหน้าเขาเพียงคนเดียว
“ให้เขาเข้ามาทำไม” เขาตะคอกจนเธอสะดุ้ง
“เขาบอกว่าคุณนัดไว้นี่คะ ตอนนั้นพี่ชุนเหลียงไม่อยู่โยโกะก็เลยให้เขาเข้ามาเลย”
“แล้วทำไมไม่ถามฉันก่อนว่าเข้ามาได้ไหม เธอเป็นพนักงานขายเพชรไม่ใช่เหรอแล้วมาทำหน้าที่แทนเลขาฉันทำไม...” เขาตะคอกอย่างหัวเสีย
“โยโกะขอโทษค่ะ ตอนนั้นพี่ชุนเหลียงไปห้องน้ำโยโกะนึกว่าเธอมาเจรจาธุรกิจกับคุณและก็นึกว่าคุณรออยู่แล้ว” เสียงสั่นๆ ของเธอพยายามอธิบาย แต่มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย ไมเคิลโกรธจนตัวสั่น... อยู่ในที่ทำงานนี้เขาพราวตะวันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ดั่งใจเขามากที่สุด
“โยโกะเหรอ เธอคิดว่าที่นี่คือที่ไหนนี่คือที่ทำงานนะ ฉันเคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาพูดชื่อเล่นเหมือนอยู่ที่บ้านเธอ ฉันเป็นเจ้านายเธอ... อย่ามาตีสนิท ทำได้รึเปล่าถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไปวันนี้เลย”
“ไม่นะคะ อย่าไล่โย...เอ๊ย อย่าไล่ฉันออกนะคะ ฉันไม่อยากลาออก” เธอแทบจะกราบกรานเขา เธอยังต้องส่งเสียคนทางบ้านที่เมืองไทยอยู่ ถ้าเธอต้องลาออกจากงานที่เงินดีสวัสดิการดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แบบที่นี่ก็เหมือนว่าเธอต้องลำบากและทุกคนที่รอเธออยู่ต้องลำบากเช่นกัน...
“แต่ฉันอยากไล่เธอออกไปอยู่บ้านเธอทุกขณะจิตเลยพราวตะวัน” เขาบอก ดวงตาสีเขียวมรกตจดจ้องมาที่ตาเธอ ความมีอำนาจในแววตานั้นทำให้เธอหลบตาไม่กล้าสู้สายตาเขาเลย... เขาไม่อยากให้เธอมาสร้างความวุ่นวายให้เขาที่นี่เธอรู้ดี... แต่เธอไม่มีวันที่จะลาออกแน่
“แต่ฉันอยากทำงานที่นี่ ฉันไม่มีวันออกหรอกค่ะ คุณอย่ามาหาเรื่องไล่ฉันออกด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย คุณไมเคิล” เท้าของไมเคิลเตะที่โต๊ะรับแขกดังปัง! พราวตะวันสะดุ้งโหยงผงะถอยจากพญามัจจุราชด้วยความลืมตัว
“ถ้าไม่อยากออกจากงานก็ออกจากห้องไปเดี๋ยวนี้ อย่าเผลอทำงานห่วยๆ ให้ฉันเห็นนะ ไม่อย่างนั้นฉันไล่เธอออกให้เก็บของไม่ทันแน่”
ไม่รอให้เขาไล่ซ้ำสอง พราวตะวันรีบวิ่งออกมาจากห้องทำงานเขามาอยู่ตรงตำแหน่งพนักงานขายที่เธอควรจะอยู่ทันที เพราะเมื่อครู่พี่ชุนเหลียงชวนเธอไปถามถึงเรื่องครีมหมักผมสูตรสมุนไพรไทยแท้ๆ เธอถึงได้ทำหน้าที่แทนพี่ชุนเหลียงจนงานเข้าหวิดโดนไล่ออก ไมเคิลยิ่งเพ่งเล็งหาเรื่องไล่เธอออกจากงานวันละสามเวลาหลังอาหารอยู่แล้ว ต่อไปนี้เธอคงต้องทำอะไรให้ระมัดระวังมากขึ้นไม่อย่างนั้นเธออาจจะโดนไล่ออกทั้งที่ไม่อยากออกแน่
“โดนมาอีกแล้วเหรอโยโกะ” หมิงลี่เฟยเพื่อนสาวพนักงานขายด้วยกันเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นพราวตะวันวิ่งออกมาจากห้องเจ้านายมายืนทำใจอยู่...
เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนเห็นจนชินว่าไมเคิลนั้นไม่ถูกโฉลกกับพราวตะวันอย่างแรง เขาจะด่าเธอไม่เคยไว้หน้าหากเธอทำผิด เขาคาดโทษว่าพร้อมจะไล่หญิงสาวน่าสงสารผู้นี้ออกตลอดเวลา
หมิงลี่เฟยสงสารพราวตะวันมากที่ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของเจ้านายทั้งที่พราวตะวันเป็นคนดีมากคนหนึ่ง ด้านการทำงานก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องอะไรเลยถ้าไม่อย่างนั้นไมเคิลคงหาเรื่องไล่เธอออกได้แล้ว... เธอเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานแต่ไม่ใช่เจ้านาย
“เฮ้อ... สงสัยเธอจะทำบุญไม่ขึ้นนะโยโกะ โดนเจ้านายสับโขกซะเละตลอดเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกอาหมิง ฉันชินแล้ว” พราวตะวันชินกับการเป็นที่รองรับอารมณ์ของไมเคิลมานานแล้ว... นับตั้งแต่เขาย้ายห้องทำงานจากสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่ร้านเพชรแห่งนี้
“ไมค์นี่แย่จริงๆ ฉันไม่รู้จะว่ายังไง เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาชอบหาเรื่องเธอ ไม่รู้ว่าจงเกลียดจงชังอะไรนักหนา”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น” เธอบอกพลางแค่นยิ้ม ก่อนที่หมิงลี่เฟยจะเดินไปต้อนรับลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาชมสินค้าในร้าน
พราวตะวันถอนใจเฮือก ความโกรธความรู้สึกไม่ดีเมื่อครู่นี้ไม่ได้เกิดจากการที่โดนไมเคิลดุด่าแม้แต่น้อย หากแต่มันมาจากการเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นนั่น ริมฝีปากแดงๆ ของมิโยโกะกำลังแนบชิดกับไมเคิล สายตาขุ่นๆ ของคนทั้งสองที่มองมาราวกับว่าเธอเข้าไปขัดจังหวะอันแสนสุขกัน การนัดแนะกันไปที่โรงแรมของคนทั้งสอง ภาพเหล่านั้นมันทำให้หัวใจของพราวตะวันเจ็บปวดกว่าคำดุด่าของไมเคิลเป็นล้านเท่า แต่ไม่มีใครรู้ความรู้สึกนี้ของเธอเลย... เพราะเธอเก็บมันไว้ในหัวใจอย่างมิดชิด
โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานของเธอสั่นครืดๆ พราวตะวันวิ่งไปดูก็พบว่ามีข้อความเข้ามา เธอหันรีหันขวางก่อนเปิดออกมาอ่าน เห็นข้อความข้างในก็ต้องถอนใจเฮือกเพื่อคลายอาการสะท้านในหัวใจ
“ที่รัก ผมจะกลับบ้านตอนหกโมงเย็น ถ้าผมกลับไปเห็นคุณยังสวมเสื้อผ้าอยู่ไม่พร้อมต้อนรับผม ผมเอาคุณตายแน่”
พราวตะวันกดลบข้อความนั้นทิ้งก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลง... งานเธอเลิกห้าโมงเย็นไม่รู้ว่าเธอจะกลับไปทันทำอย่างที่คนที่ส่งข้อความมาอยากให้ทำหรือเปล่า แต่เธอรู้ว่าเธอต้องพยายามทำให้ได้ไม่อย่างนั้นเขาได้เอาเธอตายอย่างในข้อความนั้นแน่ๆ
เธอจะลากลับก่อนเวลาสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ไม่ได้เพราะไมเคิลคงได้หาเรื่องเอามาเป็นประเด็นไล่เธอออก... เห็นทีบ่ายนี้ต้องออกตรงเวลาแล้วรีบกลับ พราวตะวันคิดปลงๆ