ตอนที่ 3

1774 Words
บ่ายสี่โมงเย็นภาคินกลับเข้าบ้านมาดูผลงานของอมาวดีอีกครั้งเห็นเธอทำงานเรียบร้อยเขาก็พอใจ เขาเชื่อว่าแรกๆ เธออาจจะทำได้ไม่บ่นแต่นานไปคงไม่พอใจแน่ถ้าได้รับหน้าที่นี้ กระเป๋าเสื้อผ้าของเธอที่จัดเตรียมไว้ไปฮ่องกงอยู่ในมือเขาถูกยื่นให้กับเธอ อมาวดีมองมันวาบหนึ่งก่อนจะน้ำตารื้นขึ้นมาในหน่วยตา กระเป๋าใบนี้เธอเก็บไว้ในห้องนอนที่บ้านอย่างเรียบร้อย ถ้าเขาเอามาได้แสดงว่าคนในบ้านเธอเป็นคนเตรียมออกมาให้เขา คงเป็นเพราะทุกคนอยากผลักไสให้เธอไปอยู่ไกลๆ ถึงได้เป็นใจให้เขาจัดการกับเธอตามอำเภอใจแบบนี้ อมาวดีไม่เข้าใจเลยว่าทุกคนไม่เป็นห่วงเธอเลยหรือไร ถึงได้ช่วยกันผลักเธอลงนรกมาโดยที่ไม่สนใจใยดีเธอเลย... “ไม่ต้องมาทำสำออย เอาของไปเก็บแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทำกับข้าว” แม้จะเสียใจจนอยากลงไปร้องไห้กับพื้นแต่อมาวดีไม่มีทางแสดงออกมา เธอเชิดหน้าใส่เขาแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปแล้วเดินเข้าห้องที่เธอออกมาเมื่อเช้านี้ อีกสองวันจะต้องเดินทางไปฮ่องกงอยู่แล้วเธอจึงไม่รื้อของออกมาทั้งหมดอมาวดีหยิบมาแค่ชิ้นที่ต้องการจะใช้ เธอรื้อของไปมากระเป๋าสตางค์ชาแนลใบโปรดก็หลุดลงมาที่พื้นและเผยอเปิดออกด้วยแรงกระแทก มันเผยให้เห็นภาพที่อยู่ในข้างในอย่างไม่ตั้งใจ... อมาวดีมองภาพนั้นแล้วหัวใจก็กระตุกวาบ น้ำตาที่สะกดกลั้นมานานก็รินไหลออกมาจากดวงตาเพราะเธอมิอาจห้ามมันอีกต่อไป... เธอนึกย้อนรำลึกถึงความหลังสมัยมัธยมปลายตามช่วงเวลาในรูปนั้นโดยอัตโนมัติ... “เธอชื่ออะไรเหรอ เราชื่อภาคนะ” รุ่นพี่ที่นั่งข้างกันในห้องเรียนคอร์ส ปรับพื้นฐานก่อนเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติสะกิดถามอมาวดีเมื่อตอนพักเบรก “เราชื่อแอม เรียนอยู่เกรดสิบเอ็ดเพิ่งย้ายมาจากสวิสแล้วเธอล่ะ” “เราอยู่เกรดสิบสองเพิ่งย้ายมากจากฮ่องกง ในห้องเรียนนี้มีแต่น้องเกรดสิบเราแก่แล้วต้องมาเรียนปรับกับน้องทำไมก็ไม่รู้เนอะ” ทั้งสองมองไปทั่วทั้งห้องเรียนซึ่งทุกคนเป็นนักเรียนใหม่ที่เข้าเกรดสิบ ทั้งหมดมาจากต่างโรงเรียน เพราะโรงเรียนนานาชาติที่เธอและเขาเรียนอยู่นี้รับนักเรียนเฉพาะชั้นไฮสคูลจึงต้องมีการเรียนการสอนพื้นฐานด้านภาษา คณิตศาตร์ และวิทยาศาสตร์ให้ทุกคนได้เรียนอย่างเท่าเทียมกันเพื่อปรับพื้นฐานความรู้ของนักเรียน เด็กที่ย้ายมาใหม่แม้จะอยู่เกรดไหนแต่ถ้าเป็นเด็กใหม่ก็ต้องมาเรียนเช่นกันเพราะเป็นนโยบายของโรงเรียนแห่งนี้ “นั่นสิ เราไม่มีเพื่อนไม่รู้จักใครเลย” นางสาวอมาวดีบอกไปอย่างเศร้าๆ เธอเคยอยู่โรงเรียนประจำที่สวิสเซอร์แลนด์แล้วสนุกมากเพราะที่นั่นเธอมีเพื่อนมากมาย แต่มาที่เมืองไทยกลับต้องเจอแต่รุ่นน้องในวันเปิดเรียนเธอจึงไม่มีเพื่อนสนิทรุ่นเดียวกันเลยไม่รู้ว่าตอนเรียนเธอจะมีเพื่อนสนิทไหม เพราะเธอก็ค่อนข้างเข้ากับเพื่อนยากด้วยนิสัยที่ชอบเก็บตัว กว่าจะสนิทกับเพื่อนได้หลายๆ คนเธอคงเรียนจนจบไปแล้วแน่ๆ ... “ก็เรานี่ไง เราก็ไม่มีเพื่อน งั้นเรามาเป็นเพื่อนกินข้าว เพื่อนเรียน เพื่อนเล่นกีฬากันไหม” เขาเสนออย่างใจดี “แต่เราเรียนคนละเกรดกันนะ ตอนที่นายจบไปก่อน แล้วเราจะคบใครล่ะ” เขานิ่วหน้าครุ่นคิดก่อนจะได้คำตอบที่พอใจ “งั้นเอางี้ก็ได้ เธอคบเราไปพลางๆ ก่อน พอหาเพื่อนได้ค่อยทิ้งเราเอามั้ย” “นายจะบ้าเหรอ นั่นมันก็โหดเกินไปมั้ย ฉันว่าเอาอย่างงี้ดีกว่าเราสองคนมาเป็นเพื่อนกัน ถ้าัเรามีเพื่อนอีก เราจะต้องแนะนำให้เพื่อนเรารู้จักกันและเอากลุ่มเพื่อนมารวมกัน” “อืม... ก็ดีนะ เธอนี่ฉลาดจังเลย” เขาชมเธอ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกละครที่เธอเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเขาเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกงยิ้มให้เธอจนตาหยี การเล่าเรียนในชั้นมัธยมปลายของทั้งสองเริ่มขึ้นหลังจากจบคอร์สเรียนปรับพื้นฐาน ทั้งสองคนแยกกันเรียนแต่เมื่อถึงเวลาพักแล้วมีเวลาว่างตรงกันก็จะมาอยู่ด้วยกันเสมอ เมื่อต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนรุ่นเดียวกันก็พามาแนะนำให้รวมกลุ่มกันอย่างที่เคยได้สัญญากันเอาไว้ เพื่อนกลุ่มภาคินมี ชายหนุ่มเองกับจูเสี้ยวเทียนเพื่อนชาวฮ่องกงและวชิรวิชญ์ และเพื่อนกลุ่มอมาวดีมีหญิงสาวเองและเพื่อนอีกสองคนคือพราวตะวัน และวิภาวารี แม้ว่ารวมกลุ่มกันแล้วจะมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ถึงหกคนแต่เขาและเธอก็ยังตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋เช่นเดิมจนทุกคนในกลุ่มรู้กันว่าสองคนนี้ขาดกันไม่ได้ เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแน่นเฟ้นพอนานไประหว่างเขากับเธอมันก็เปลี่ยนเป็นความรักได้โดยง่าย อมาวดีผู้เคยมีปมด้อยว่าตนเองเกิดมาเป็นเด็กไม่มีพ่อญาติทางแม่รังเกียจจนต้องส่งไปเรียนโรงเรียนประจำจนเธอกลายเป็นคนขี้เหงารู้สึกเหมือนเป็นคนคนเดียวที่อ้างว้างขาดความรักในโลกใบกว้างนี้ เมื่อมีภาคินเข้ามาก็เหมือนว่าเขามาเติมเต็มทุกอย่างที่หายไปให้เธอ “แอม เรารักแอมนะ เราจะเป็นทุกอย่างให้แอม” ภาคินบอกเธอในวันหนึ่ง “เธอสัญญาได้ไหมว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป” “ได้สิ เราจะตามดูแลแอมตลอดไป” คำสัญญาที่ผูกมัดดังกังวานขึ้นในหัวใจของทั้งสอง ตามมาด้วยรูปถ่ายคู่กันใบนี้ มันเป็นรูปถ่ายที่เธอและเขาถ่ายไว้เป็นพยานว่าสัญญาระหว่างเขาและเธอเริ่มจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ในรูปเขาและเธอสวมชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนนานาชาติช่างแลดูอ่อนเยาว์นัก รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏบนใบหน้าของทั้งสองอย่างเห็นได้ชัด เขาและเธอสัญญากันว่าจะเก็บรูปนี้ไว้ในกระเป๋าสตางค์เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้ลืมความรักอันยิ่งใหญ่นี้ เขาสัญญากับเธอว่าจะเรียนต่อบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังของไทย เมื่อเธอเรียนจบแล้วเธอก็จะตามเข้าเรียนคณะเดียวกัน ทั้งสองวาดฝันเอาไว้ด้วยกันอย่างสวยหรู ภาคินช่างสัญญาอะไรกับเธอมากมายจนเธอจดจำไม่ค่อยจะหมด แต่เธอก็จดจำได้ว่าทุกคำสัญญาของเขานั้นมันหมายความว่าเขาจะดีกับเธอและไม่มีทางไปจากเธอจนกว่าจะหมดลมหายใจ อมาวดีมีความสุขกับความรักครั้งแรกของเธอมาก หัวใจเธอที่เคยว่างเปล่ามีความรักจากเขามาเติมเต็ม เขาดูแลเธอเป็นอย่างดีทุกอย่าง แม้ว่าเธอจะไม่มีพ่อ แม้ว่าญาติทางบ้านรังเกียจจนไม่อยากเข้าใกล้ แม้จะมีแม่แท้ๆ แม่ก็ยังไม่สนใจ ความทุกข์มหาศาลที่เคยกินใจเธอเหล่านั้นไม่สามารถทำร้ายเธอได้อีกต่อไปเพราะเธอคิดว่าถ้ามีเขาแล้วชีวิตเธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกนับจากนี้ไปความสุขของเธอคือการมีเขา เท่านั้นก็พอแล้ว... แต่ความสุขของเธอก็มีได้ไม่ยาวนาน... ช่วงก่อนที่ภาคินจะจบการศึกษาจากโรงเรียน เขาเดินจูงมือเธอไปคุยกันด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด “แอม เราเลิกกันเถอะ” เขาพูดคำเดียวคำนั้นออกมาแล้วก็เดินจากไปโดยไร้เหตุผล ถึงอมาวดีจะไม่รู้เหตุผลกับคำตัดขาดนั้นของเขาแต่เธอก็ยอมรับความเสียใจเอาไว้เต็มที่และยอมรับอย่างปวดร้าวหัวใจว่าเขาเป็นใครเขาจะมารักเธอทำไมขนาดพ่อแม่ญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันกับเธอแท้ๆ ยังไม่เคยรักไม่เคยให้ความอบอุ่นกับเธอเลย...แล้วเธอจะหวังอะไรจากคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเธออย่างเขา อมาวดีจึงถูกผลักไสจากโลกแห่งความสุขกลับไปอยู่โลกแห่งความหม่นเศร้า โลกสีใบเทาที่มีเพียงเธอลำพังเพราะไม่เหลือใครที่รักและให้ความสุขกับเธอได้อีกต่อไปแล้ว... “เธอดูนั่นสิ พี่น้ำผึ้งเกรดสิบสองสวยมากเลยเนอะเธอ” วันหนึ่งอมาวดีเดินผ่านงานอำลารุ่นพี่ที่เธอแทบจะไม่สนใจอยากเดินเข้าไป เธอได้ยินเด็กรุ่นน้องสองคนซุบซิบกันเธอก็ไม่ได้สนใจมองเธอตั้งใจจะกลับบ้านอยู่แล้วแท้ๆ ถ้าเธอไม่ได้ยินอะไรขึ้นมาเสียก่อน “ คนนี้ใช่ไหมเธอที่บอกว่ากิ๊กใหม่พี่ภาคฉันได้ยินว่าเขาสนิทกันมากเลยนะตั้งแต่พี่น้ำผึ้งเลื่อนห้องมาอยู่ห้องคิงส์ห้องเดียวกับพี่ภาค เขาเป็นดาวเป็นเดือนห้องคู่กันด้วย” อมาวดีกำมือแน่นเมื่อมองเห็นภาพภาคินที่เดินถือของพะรุงพะรังตามหลังน้ำผึ้งต้อยๆ ภาคินบอกเลิกกับเธอเพื่อไปคบกับคนใหม่ คนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนที่แท้ก็เป็นพี่สาวบุญธรรมของเธอเอง น้ำผึ้งเป็นลูกติดท่านชิษนุรักษ์นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มารดาของอมาวดีเพิ่งแต่งงานกับท่านเมื่อไม่นานมานี้เอง น้ำผึ้งแย่งคนรักของเธอไปอย่างหน้าด้านๆ ไม่อย่างนั้นคนที่รักกันมาดีๆ อย่างภาคินคงไม่บอกเลิกกับเธอ อมาวดีคิดอย่างนั้น เมื่อแบกความเจ็บปวดกลับไปมาที่บ้านอมาวดีก็เห็นมารดาพะเน้าพะนอเอาใจลูกสามีใหม่มากกว่าเธอซึ่งเป็นลูกแท้ๆ เสียอีก เธอเข้าใจว่ามารดาเธอกำลังต้องการเชื่อมทุกคนให้เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่สำหรับอมาวดีมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เธอจะยอมรับคนนั้นมาเป็นพี่สาวได้อย่างไรเมื่อผู้หญิงคนนั้นเป็นคนละสายเลือดกับเธอ และยังเป็นผู้หญิงที่แย่งคนเดียวในโลกที่รักเธอไปอีก...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD