ตอนที่ 4 เด็กทำงานบ้าน

3215 Words
ตอนที่ 4 เด็กทำงานบ้าน “นี่ครับใบเสร็จ” “อ่า ครบสักทีสินะ วันสุดท้ายพอดี นึกว่าจะไม่ได้ออกเกรดให้ซะแล้ว” “แฮ่ ขอโทษด้วยนะครับที่มาช้า” “ไม่เป็นไร มาก็ดีแล้ว ใบเสร็จเรียบร้อย ที่เหลือก็รอฟังเกรดนะ” “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการก่อนจะเดินออกมาด้วยความรู้สึกโล่งแปลก ๆ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะสามารถจ่ายค่าเทอมได้สำหรับคนที่ยื่นผ่อนผันไว้ ถ้าไม่จ่ายในวันนี้เกรดก็จะไม่ออกพร้อมเพื่อน และจากที่ฟังก็เหมือนผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่จ่ายค่าเทอม เกือบไม่ได้จบ ม.6 แล้วแฮะ ก่อนอื่นคงต้องขอแนะนำตัวสักนิด ผมชื่อจูครับ ชื่อจริง ๆ ก็ชื่อว่าจู ตอนนี้อายุ 17 ปีแล้ว และอีกสองเดือนก็จะอายุครบ 18 ปีแล้ว ผมเพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลายไป ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอม ปกติแล้วช่วงปิดเทอมแบบนี้เพื่อน ๆ ที่ยังไม่มีที่เรียนก็กำลังสอบและหาที่เรียนต่อกัน ส่วนใครที่มีแล้วก็เตรียมตัวรอเปิดเทอม แต่ไม่ใช่สำหรับผม ปิดเทอมของผมคือการหางานทำเพื่อจะได้นำมาจ่ายค่าเทอมงวดสุดท้ายที่ยังติดค้างอยู่ ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ได้จบ ม.ปลาย เหตุผลที่ทำให้ผมต้องหาเงินจ่ายค่าเทอมเองเพราะพ่อกับแม่ผมเสียไปด้วยอุบัติเหตุตอนผมจบมัธยมต้นครับ แต่ก็โชคดีที่มีคุณน้าคอยดู แต่ด้วยความที่ครอบครัวผมค่อนข้างยากจน จึงไม่ได้มีสมบัติเหลือไว้ให้ผมเยอะ น้าเองก็เช่นกัน แต่ถึงไม่ค่อยมีเงินน้าก็ยังอนุญาตให้ผมเรียนต่อ และพยายามส่งเสียผม น้าจุนพยายามทำงานเพื่อหาเงินดูแลผม ผมเองก็ไม่อยากให้น้าจุนเหนื่อยเลยพยายามหางานทำเท่าที่พอจะหาได้ทำเสริมตอนเลิกเรียน การหาเงินสองคนมันก็พอกับค่าเทอมผมอยู่หรอก จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วน้าจุนมีลูกกับแฟน ทำให้ต้องใช้เงินที่ตั้งใจเก็บเป็นค่าเทอมผมไปทำคลอดน้อง ซึ่งผมก็เห็นด้วยเพราะค่าทำคลอดต้องสำคัญกว่าค่าเทอมผมอยู่แล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องหาเงินในส่วนของค่าเทอมเอง ตั้งแต่ปิดเทอมมาผมก็เริ่มหางานทำ แต่งานส่วนใหญ่ก็ต้องทำให้ครบเดือนถึงจะได้เงิน จึงไม่ทันสำหรับการต้องจ่ายค่าเทอมในวันนี้ แต่ก็มีอยู่ที่หนึ่งที่ให้ผมเบิกค่าเทอมได้ ที่นั่นเป็นร้านเหล้า งานของผมคือต้องเสิร์ฟและช่วยรินเหล้าให้แขก ผมทำงานที่นั่นได้แค่หนึ่งคืน เงินก็ยังไม่ทันได้แต่ก็ต้องออกก่อน เพราะในเวลาแค่หนึ่งคืน ผมก็โดนลวนลามจากแขกไม่หยุด ทั้งจับแขน กอดเอว จับก้น บางคนจะซื้อตัวให้ผมไปด้วยในคืนนั้นด้วย แต่ดีที่พี่ผู้จัดการมาช่วยไว้ก่อน เมื่อทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟไม่ได้ผมจึงไปทำงานแบบรายวันที่โรงงานระหว่างรอคิดว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตดี แล้วผมก็เผลอได้ยินพี่ ๆ ในโรงงานพูดถึงช่องโอนลีแบล็กขึ้นมา ไอเดียผมจึงบังเกิด ถ้าพูดถึงช่องโอนลีแบล็กก็ต้องบอกว่าผมรู้จักกับช่องนี้อยู่แล้ว ตอน ม.ต้น ผมเคยหมกมุ่นเรื่องพวกนี้อยู่พักหนึ่งเลย ผมติดตามแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ของคุณแบล็ก ตอนนั้นคุณแบล็กยังไม่ได้ทำโอนลีแฟนส์เลย ในตอนนั้นคลิปที่คุณแบล็กลงไม่ใช่คลิปมีเซ็กซ์เลยทีเดียว คุณแบล็กจะชอบลงคลิปแบบช่วยตัวเองคนเดียว กับคลิปนัวเนียกับรับ แต่ก็ไม่ถึงขั้นมีเซ็กซ์ ผมติดตามคุณแบล็กมาตลอดจนกระทั่งพ่อแม่ผมเสีย พอความลำบากมาเยือน ผมก็ไม่ค่อยจะมีเวลาดูคุณแบล็กอีก แต่ถึงมีเวลาไม่มาก ผมก็มักจะชอบส่องแอ็กคุณแบล็กอยู่เสมอถ้าว่าง ซึ่งก็นาน ๆ ครั้ง ผมพบว่าไม่กี่ปีก่อนคุณแบล็กเริ่มทำโอนลีแฟนส์ เป็นช่องแรก ๆ ของไทยเลยด้วยที่ทำแบบนี้ ผมรู้จักช่องคุณแบล็กตั้งแต่เปิดตัวแต่ไม่เคยมีโอกาสดูเพราะไม่มีเงินพอจะกดซับ คลิปในช่องคุณแบล็กที่พอจะได้ดูมากสุดคือคลิปตัวอย่างที่ตัดมาลงโปรโมตแบบสั้น ๆ แต่ก็เป็นคลิปสั้น ๆ ที่ดีมาก ๆ สำหรับผม คุณแบล็กทำเก่ง ทำแบบดุดันก็ได้ ทำแบบอ่อนโยนก็ดี แต่ตอนดูคลิปผมดูแค่ช่วงที่เล้าโลมเท่านั้นแหละ ไม่กล้าดูตอนคุณแบล็กทำมากเพราะอาย ผมนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นช่องคุณแบล็กประกาศหารับที่อยากร่วมงานอยู่ ค่าตอบแทนก็น่าจะสูงจึงตัดสินใจทักไปแล้วเลือกที่จะโกหกอายุ เพราะคุณแบล็กเขียนชัดเจนว่าไม่รับเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปด ผมคิดว่าการได้ถ่ายคลิปกับคุณแบล็กจะเป็นช่องทางที่ทำให้ได้เงินเร็วที่สุด และมันดีกว่าการไปขายตัวให้คนอื่นที่ก็ไม่รู้ว่าจะใจร้ายกับผมรึเปล่า ถ้าเป็นคุณแบล็กที่ถามคู่นอนเสมอว่าชอบแบบไหน ผมว่าผมน่าจะทำไหว แล้วยิ่งไปกว่านั้นคุณแบล็กเป็นคนที่ผมปลื้มมาตลอด มันน่าจะเป็นช่องทางหาเงินที่ทำให้ผมมีความสุขมาก ๆ แต่แล้วทุกอย่างก็กลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด คุณแบล็กจับได้ว่าผมอายุไม่ถึงสิบแปด แต่ยังโชคดีที่คุณแบล็กใจดียังให้โอกาสช่วยเหลือผม ทำให้ผมมีเงินไปจ่ายค่าเทอม แล้วยังแบ่งไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นได้อีกตั้งเยอะ สมแล้วที่ผมปลื้ม ต่อไปผมจะเคารพคุณแบล็กเหมือนพี่ชายแท้ ๆ เลย หลังจากจ่ายค่าเทอมเสร็จ พี่แซนก็นัดผมให้เข้าไปที่บริษัทของคุณแบล็ก ก็นะ เอาเงินเขามาแล้วก็ต้องทำงานชดใช้ แต่จะให้ทำอะไรผมก็ทำไหวหมดแหละ แล้วก็จะตั้งใจทำสุด ๆ ให้สมกับที่คุณแบล็กให้โอกาส ผมใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการเดินทางมาที่ออฟฟิศของคุณแบล็กเพราะมันอยู่ค่อนข้างไกลจากบ้านผม ออฟฟิศของคุณแบล็กมีลักษณะเป็นบ้าน แต่มีความสูงตั้งสี่ชั้น ดูแล้วให้อารมณ์เหมือนตึกแถวอยู่เหมือนกัน ที่นี่อยู่ห่างไกลออกมาจากเมือง ดูแล้วค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว จากที่ผมได้มาเมื่อวานก็พบว่ามีห้องเยอะมาก และมีมุมสำหรับถ่ายคลิปเยอะ ไม่แปลกใจที่คลิปในช่องของคุณแบล็กไม่จำเจเลยสักนิด เมื่อมาถึง ผมก็โทรไปบอกพี่แซนให้มาเปิดประตูให้ เพราะผมยังสแกนนิ้วมือและเข้าไปด้านในเองไม่ได้ ทันทีที่เจอกันพี่แซนก็ยิ้มทักทายผม แต่ที่แปลกไปจากรอบที่แล้วคือตอนนี้พี่แซนไม่ได้ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าแล้ว “เอ่อ พี่แซนลืมรึเปล่าครับ” ผมเอานิ้วชี้ที่ใบหน้าตัวเองเพื่อเตือนพี่แซนว่าตอนนี้พี่แซนมาเจอผมแบบไม่ใส่หน้ากากอยู่ แต่พี่แซนกลับยิ้มเอ็นดูแล้วส่ายหน้า “เราเป็นทีมงานของโอนลีแบล็กแล้วนะ เป็นทีมงานเห็นหน้ากันได้” “จริงเหรอครับ” “จริงสิ” ดีจัง ผมอึดอัดแทนพวกพี่เขาแทบแย่ ต่อไปพวกพี่เขาก็ไม่ต้องลำบากใส่หน้ากากแล้ว พี่แซนพาผมไปห้องที่ผมยังไม่เคยมา ห้องนี้กว้างมาก กินพื้นที่ชั้นสองเกือบครึ่งหนึ่ง ภายในห้องถูกแบ่งเป็นหลายส่วน ทั้งส่วนที่เป็นโต๊ะและมีคอมฯ เยอะ ๆ ส่วนที่เหมือนกับเป็นที่สำหรับประชุม และยังมีส่วนที่เป็นเหมือนที่สำหรับพักผ่อน “อันนี้ห้องทำงานของพวกเรา ปกติเราทำงานกันที่นี่” “อ่อ” ผมพยักหน้ารับรู้ ตอนแรกผมก็แอบคิดเหมือนกันว่าอาจจะเป็นห้องทำงาน แต่มันก็ดูสบายและเป็นกันเองผิดกับภาพออฟฟิศในทีวีผมเลยคิดว่าอาจจะไม่ใช่ พอได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกว่าเจ๋งแฮะ เป็นช่องคอนเทนต์สิบแปดบวกที่มีที่ทำงานที่เจ๋งสุด ๆ ไปเลย “ถึงจะรู้จักกันแล้วแต่แนะนำตัวอีกครั้งแล้วกันนะ นั่นไอ้โจ มันทำหน้าที่เป็นตัดต่อ ส่วนไอ้หน้าตึงนั่นมันชื่อนิล เป็นช่างภาพ แล้วก็พี่ เป็นผู้จัดการของที่นี่” “หรือง่าย ๆ คือเป็นเบ๊” พี่โจขยายความจนผมหลุดขำ ทางด้านพี่แซนก็หันไปทำตาเขียวใส่เพื่อน “สวัสดีครับพี่ ๆ ทุกคน ผมจูนะครับ เป็นผู้ช่วยเบ๊” ผมแนะนำตัวพร้อมแต่งตั้งตำแหน่งให้ตัวเองแบบขำ ๆ พร้อมกับยิ้มตาหยี ผมคิดว่าตัวเองแนะนำตัวแบบเป็นมิตรมาก ๆ นะ แต่ทำไมพอพวกพี่เขามองหน้าผมแล้วถึงทำหน้าตาล่อกแล่กแบบนั้น “มีอะไรกันเหรอครับ” “เปล่า ๆ” พี่โจโบกมือโบกไม้แล้วรีบหันกลับไปตัดงานของตนเองต่อเหมือนไม่อยากมองใบหน้ายิ้มแฉ่งของผม พี่แซนบอกว่าเดี๋ยวเรื่องงานให้ผมรอคุยกับคุณแบล็ก ระหว่างนี้ก็ให้นั่งพักไปก่อนผมจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ พี่นิลที่กำลังเช็ดกล้องอยู่ ตาก็มองสำรวจพวกพี่ ๆ เขาไปด้วย ถ้าบอกว่าที่นี่เป็นเอเจนซีปั้นนายแบบผมก็เชื่อนะ เพราะทีมงานของคุณแบล็กแต่ละคนหล่อชะมัด พี่แซนดูมีมาดของคุณผู้จัดการ ถึงจะดูเป็นมิตรแต่ก็ดูน่าเกรงขาม ถ้าพูดถึงหน้าตา พี่เขาดูหล่อแบบพิมพ์นิยม พระเอกละครอะไรแบบนั้นเลย ส่วนพี่โจดูขี้เล่น เป็นกันเอง พี่โจเป็นหนุ่มหน้าไทย หล่อคมเข้ม แถมยังดูล่ำที่สุดในบรรดาทั้งสามคนด้วย มองแล้วรู้สึกว่ามีเสน่ห์สุด ๆ ส่วนคนสุดท้ายคือพี่นิล พี่นิลดูเงียบ ๆ พูดน้อย แต่หน้านิ่งของพี่เขาเนี่ยแหละสุดยอด เวลาทำหน้านิ่งแล้วจดจ่อกับอะไรอยู่พี่เขาดูดีมาก ๆ “เข้ามาด้านใน” ระหว่างที่ผมกำลังลอบสังเกตพี่นิลอยู่ ประตูด้านในก็เปิดออก ตอนแรกผมมองไม่เห็นด้วยว่าตรงนี้มีประตู ดูแล้วน่าจะเป็นห้องที่อยู่ด้านในต่อจากห้องนี้อีกทีหนึ่ง คนที่เปิดประตูออกมาคือคุณแบล็ก แต่ผมไม่มั่นใจว่าคุณแบล็กพูดกับใคร “เธอนั่นแหละ เลิกทำหน้ามึนแล้วรีบเข้ามา” “ครับ ๆ” พอรู้ว่าคุณแบล็กคุยกับผม ผมก็รีบพยักหน้าแล้วเดินตามคุณแบล็กเข้าไปในห้อง ห้องห้องนี้ผมเดาว่าน่าจะเป็นห้องของคุณแบล็กนั่นแหละครับ ภายในห้องของคุณแบล็กมีทั้งโต๊ะทำงาน และมุมที่ไว้สำหรับนั่งพักผ่อน ซึ่งตอนนี้คุณแบล็กก็กำลังเดินไปนั่งอยู่บนโซฟาที่น่าจะไว้สำหรับพักผ่อนด้วย “มานั่งนี่” “ครับ” ผมเดินไปนั่งลงบนโซฟาตามที่คุณแบล็กบอก เว้นระยะนิดหน่อยเพราะยังไงตอนนี้คุณแบล็กก็ถือว่าเป็นเจ้านายของผม “ไม่ต้องเกร็ง” น้ำเสียงนุ่มทุ้มกล่าว ก่อนที่คุณแบล็กจะถอดหน้ากากที่ตนเองใส่ ใบหน้าภายใต้หน้ากากทำเอาผมรู้สึกเหมือนกำลังจะหยุดหายใจ คุณแบล็กตัวจริงดูดีกว่าที่ผมจินตนาการหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้นคือพอได้เห็นแววตาของคุณแบล็กชัด ๆ ถึงได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วแววตาของคุณแบล็กดู ‘ใจดี’ “ถึงฉันจะรับเธอเข้ามาแล้ว แต่เราก็ควรจะสัมภาษณ์กันอีกสักหน่อย แนะนำตัวใหม่หน่อย ขอแบบข้อมูลจริง ๆ” คุณแบล็กเน้นย้ำว่าจริงจนผมแอบรู้สึกผิด ไม่กล้าแล้วครับ ไม่กล้าโกหกคุณแบล็กแล้วแหละ “จูชื่อจูจริง ๆ ครับ ชื่อเล่นก็ชื่อจู ตอนนี้อายุสิบเจ็ดปี แต่อีกสองเดือนก็จะสิบแปดแล้ว เรียนจบ ม.6 แล้วด้วย” “เอาเงินไปทำอะไร” คุณแบล็กยิงคำถามต่อแต่ตาก็ยังมองที่ทีวี แต่ก็เป็นการดูทีวีแบบปิดเสียงไว้ แปลกคนแฮะ “จ่ายค่าเทอมครับ พอดีน้าคลอดน้องเลยเอาเงินไปทำคลอด ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ถ้าไม่จ่ายวันนี้จะไม่จบ ม.6 จูอยากจบ ม.6 ครับ จะได้มีวุฒิไปสมัครงาน แล้วก็เผื่อเก็บเงินได้แล้วจะได้ต่อมหา’ ลัย” “จะต่อมหา’ ลัยเมื่อไร” “อาจจะอีกสักสองปี รอเก็บเงินก่อนครับ” “ทำไมไม่ขอทุน” “มีค่าเทอมก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่ดี เก็บตังค์ก่อนดีกว่าครับ” ผมบอกออกไปหมดเปลือก พอพูดจบคุณแบล็กก็เลื่อนสายตาจากทีวีมามอง ดวงตาคมมองสำรวจใบหน้าของผม และก็เป็นโอกาสให้ผมได้มองสำรวจใบหน้าของคุณแบล็กชัด ๆ เหมือนกัน “มีแฟนรึเปล่า” “หืม ไม่มีครับ” คำถามนี้ทำเอาผมชะงักไปนิดหน่อย มันไม่ได้ตอบยากหรอกครับ ผมแค่ไม่คิดว่าคุณแบล็กจะถามถึงเรื่องแฟน ผมไม่มีแฟน และเกิดมาก็ไม่เคยมีแฟนด้วย “แล้วรู้จักโอนลีแบล็กได้ยังไง” คราวนี้คุณแบล็กขยับมานั่งใกล้ผมกว่าเดิม แถมยังหันมามองผมตรง ๆ เหมือนเริ่มสนใจในเรื่องที่ผมกำลังจะตอบ “จูรู้จักตั้งแต่เป็นแอคเค่อแล้วครับ พอคุณแบล็กเปิดโอนลีแฟนส์ก็ติดตามมาตลอด” “หืม ดูคลิปฉันตั้งแต่เด็กเลยงั้นเหรอ” คำถามของคุณแบล็กทำเอาผมเหวอ ผมแค่ตอบตามความจริง ไม่คิดว่าคุณแบล็กจะถามแบบนี้ นึกแล้วน่าอายชะมัด ผมติดตามคุณแบล็กตั้งแต่ยังเด็กจริง ๆ นั่นแหละ อายุแค่สิบสามก็ดูคลิปของคุณแบล็กแล้ว “เอ่อ” “แก่แดดนะเรา” “มะ...มันก็ปกติไม่ใช่เหรอครับ” “อื้ม ปกติ แล้วแบบนี้ก็ดูคลิปฉันกับพาร์ตเนอร์บ่อยเลยสินะ” “ก็บ่อย แต่ไม่เคยดูตัวเต็มครับ จูไม่ได้กดซับ จูไม่มีเงิน” ผมอธิบายถึงเหตุผลของการไม่ซับไปด้วย กลัวคุณแบล็กจะหาว่าไม่ยอมช่วยอุดหนุนกันเลย “งั้นเธอมีบัญชีโอนลีแฟนส์รึเปล่า” “มีครับ” “เดี๋ยวฉันให้แซนมันส่งลิงก์กิฟต์ให้ ซับฟรีหนึ่งปี” “ไม่ต้องหรอกครับจูเกรงใจ ตั้งหนึ่งปีแน่ะ จูว่า...” “จะทำงานกับฉันก็ควรจะเคยดูคลิปเต็มหน่อยนะ” “อ่า โอเคครับ” ผมไม่กล้าปฏิเสธต่อ เดี๋ยวคุณแบล็กจะหาว่าเรื่องมาก ซึ่งการที่ผมยอมรับก็ทำให้คุณแบล็กยิ้มพอใจ “แล้วนี่พักที่ไหน” “บ้านครับ บ้านอยู่แถวบางพลัด” “ไกลจากนี่มากเลยนี่ เดินทางมายังไง” “รถเมล์ครับ จริง ๆ ตอนนี้มีรถไฟฟ้าแล้วแต่ราคามันสูง นั่งรถเมล์อาจจะนานหน่อย แต่ก็โอเคอยู่นะครับ” “ช่วงนี้ปิดเทอมแล้วใช่ไหม ตอนนี้ก็ทำงานอย่างเดียวถูกรึเปล่า” จู่ ๆ คุณแบล็กก็เปลี่ยนเรื่องจนผมงง เดี๋ยวนะ ทำไมจากที่พักผมกลายมาเป็นเรื่องนี้ได้ “ใช่ครับ” “งั้นย้ายมาพักที่นี่ระหว่างทำงานก่อน จะได้ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ไม่ต้องตื่นเช้า บ้านหลังข้าง ๆ นี่บ้านของฉัน ยังมีห้องว่าง พักได้” “รบกวนคุณแบล็กรึเปล่าครับ จูเกรงใจ” “ถ้าเกรงใจก็ช่วยฉันทำอาหาร ที่นี่ไม่ได้ทำงานทุกวัน วันว่างเธอจะทำงานบ้านที่บ้านฉันก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันให้ค่าทำงานเพิ่ม” “จริงเหรอครับ” ได้ยินแบบนั้นผมก็ตาตื่น ถ้าทำงานที่นี่ไปด้วย ได้ทำงานเป็นแม่บ้านให้คุณแบล็กไปด้วยผมน่าจะเก็บเงินได้เร็วขึ้น คราวนี้ผมอาจจะเก็บเงินเรียนต่อได้ภายในปีเดียวก็ได้ “อื้ม เธอจะทำรึเปล่า” “ทำครับทำ จูจะเป็นแม่บ้านให้คุณแบล็กด้วย ขอบคุณคุณแบล็กมากนะครับ” ผมดีใจเผลอจับมือคุณแบล็กขึ้นมาเขย่าแล้วยิ้มตาหยีแบบที่ชอบทำ แต่พอเห็นว่าคุณแบล็กจ้องหน้าแบบนิ่ง ๆ ผมก็นึกขึ้นได้เลยรีบปล่อยมือแล้วขยับตัวออกห่างคุณแบล็ก “ขอโทษครับ จูดีใจไปหน่อย” “ฉันยังไม่ได้ว่าอะไร” “อ่าครับ” “ส่วนเรื่องงานที่นี่ก็ตามที่แซนมันบอกเลยนะ ฉันจะให้เธอช่วยมันดูแลพาร์ตเนอร์ แล้วก็อยากให้ฝึกเป็นตากล้องไว้ มันไม่ได้ต้องใช้ทักษะหรือเทคนิคอะไรวุ่นวาย หลัก ๆ แค่คอยดูมุมกล้อง แค่นั้น เดี๋ยวไอ้นิลมันคงสอน” “ครับ แล้ว...” “อะไร” “ไหนพี่แซนบอกว่าจูต้องทำหน้าที่บิวต์อารมณ์ให้คุณแบล็กด้วย บิวต์อารมณ์นี่มันทำยังไงเหรอครับ” คราวนี้เป็นคุณแบล็กที่ทำหน้าแปลกใจ แต่พอได้ยินชื่อพี่แซนก็เหมือนจะเริ่มเข้าใจ คุณแบล็กยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองแล้วส่ายหน้าเอือม นั่นยิ่งทำให้ผมสงสัย “ไอ้แซนบอกเหรอ” “ครับ พี่แซนบอกว่าจูต้องช่วยบิวต์อารมณ์ให้คุณแบล็ก พอผมถามว่าทำอะไร ก็บอกว่าแค่ยิ้มหวาน ๆ ยิ่งฟังยิ่งงงไปใหญ่เลย ตกลงมันคืออะไรเหรอครับ” “s**t” คุณแบล็กสบถจนผมสะดุ้งนิด ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปรึเปล่า “ฉันไม่ได้บอกมันว่าจะให้เธอทำหน้าที่นั้นด้วย” “อ่า งั้น...” “แต่จริง ๆ เธอก็ทำได้ มันน่าจะเหมาะกับเธอ” แล้วจู่ ๆ ใบหน้าที่เหมือนกลุ้มใจก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูแพรวพราว “ยังไงเหรอครับ แต่จูยังไงก็ได้ครับ ถ้าคุณแบล็กบอกว่าเหมาะสม” ผมตอบตกลง อะไรที่คุณแบล็กคิดว่าเหมาะสมผมก็จะทำ ผมมองหน้าคุณแบล็กแล้วยิ้มรับ ให้คุณแบล็กรับรู้ว่าผมเชื่อในคำสั่งของคุณแบล็ก แต่พอคุณแบล็กมองหน้าผม จู่ ๆ ร่างสูงก็เปลี่ยนใจอีกครั้ง “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เธอทำแค่สองอย่างแรกพอ ส่วนหน้าที่นั้นไม่ต้องทำแล้ว ฉันยังไม่อยากเสี่ยงคุก แล้วก็อีกอย่าง ต่อไปช่วยเรียกฉันว่าพี่ เหมือนที่เรียกไอ้แซนด้วย” “ครับ คุณ...เอ่อ...พี่แบล็ก” ------------------------------------------------------------------------------- พี่เขาแค่เป็นผู้ใหญ่ใจดีเห็นเด็กลำบากแล้วสงสารแหละ ทุกคนอย่าคิดมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD