บทนำ
ตื้ดดด...ตื้ดดด...
เด็กสาวร่างเล็กกำลังโทรศัพท์หาพี่สาวคนสนิทด้วยท่าทางหวาดระแวง ดวงตากลมโตมองไปรอบๆชานชาลารถทัวร์ในช่วงค่ำของวัน ท้องฟ้าเริ่มมืดความหวาดระแวงก็แทรกซึมเข้ามาเรื่อยๆสำหรับเด็กสาวต่างจังหวัดที่ไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมในกรุงเทพมหานครทำให้ทุกอย่างดูน่ากลัวสำหรับเธอ
"พี่ไอร์...รับสายหนูหน่อยค่ะ" น้ำเสียงสั่นเครือพูดออกมาเบาๆเมื่อปลายสายยังไม่ยอมรับสายเสียที
(ฮัลโหลน้อยหน่า ขอโทษทีพี่รับสายช้ามัวแต่วุ่นกับลูกๆ มีอะไรหรือเปล่าทุกทีไม่โทรมามืดค่ำขนาดนี้นิ)
"พี่ไอร์ตอนนี้หนูอยู่สถานีขนส่ง หนูนั่งรถทัวร์มาจากเชียงราย และตอนนี้หนูก็ไม่รู้จะไปทางไหน มีแต่คนท่าทางน่ากลัวเรียกให้ขึ้นรถแท็กซี่ ไม่ก็รถตู้ หน้าตาเขาดูไม่น่าไว้ใจหนูเลยไม่กล้าไปกับเขา หนูกลัว"
เด็กสาวพรั่งพรูความหวาดกลัวออกมาไม่หยุด เนื้อตัวสั่นเทาเพราะก่อนหน้านี้ที่ฉันลงรถทัวร์ก็เจอกับผู้ชายหลายคนมายืนรออยู่หน้าประตูรถทัวร์ ทั้งจะดึงกระเป๋า และพูดเชิญชวนให้ไปด้วย แต่ท่าทางไม่น่าไว้ใจ ต่อให้ฉันเป็นเด็กบนดอยแต่ก็พอรู้กับเรื่องโกงค่าโดยสารมาบ้าง แต่พอปฏิเสธทุกอย่างก็มืดแปดด้าน แม้แต่จะเดินออกไปหาป้ายรถเมล์ยังไม่รู้จะขึ้นรถเมล์สายไหน
(เอ้า! แล้วทำไมไม่บอกพี่ว่าจะมากรุงเทพ พี่จะได้ให้นั่งเครื่องบินมา อีกอย่างพี่จะได้ไปรอรับที่สนามบิน ตัวคนเดียวกล้ามาได้ยังไง)
"หนูกับแม่ไม่อยากรบกวนพี่ไอร์กับคุณโนอาร์ แค่เรื่องเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมเป็นแสนหนูก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว หนูคิดว่ามันจะง่ายๆเหมือนบ้านเรา ที่ไหนได้..."
(น้อยหน่าเอ๊ย...เกรงใจไม่ดูสถานการณ์เลย เดี๋ยวพี่กับพี่โนว์ไปหา ห้ามไปไหนเด็ดขาด อยู่ตรงนั้น ใครชวนไปไหนก็ห้ามไป แม้แต่ของก็ห้ามวางทิ้งไว้เข้าใจใช่ไหม)
"เข้าใจค่ะ...พี่ไอร์มาเร็วๆนะคะ หนูกลัว"
(อืม...ห้ามไปไหนเด็ดขาด มีอะไรโทรหาพี่)
หลังจากปลายสายวางสายไป ฉันได้แต่นั่งรออยู่ที่ชานชาลารอรถไม่กล้าแม้แต่จะไปเข้าห้องน้ำ ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความอิดโรยเพราะนั่งรถมาจากเชียงรายตั้งแต่เช้าตรู่ พอมาถึงกรุงเทพยังเจอสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน ใบหน้าหวานที่ไร้เครื่องสำอางดั่งเด็กสาวชาวดอยเต็มไปด้วยความกังวล
"ที่นี่ไม่เห็นน่าสนุกเหมือนที่ใครหลายคนอยากมาเลย คิดถึงแม่จัง คิดถึงลุงผู้ใหญ่ คิดถึงทุกคนและเด็กๆบนดอย ฉันตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมที่เลือกที่จะเข้ามาเรียนในกรุงเทพ" ริมฝีปากบางอมชมพูตามธรรมชาติพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆระหว่างรอพี่สาวคนสนิท
พี่ไอรีนกับคุณโนอาร์ช่วยกันอุปการะเด็กบนดอยทุกคนและยังช่วยเหลือชาวบ้านตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ในทุนการศึกษากับเด็กทุกคน จนหมู่บ้านบนดอยของเราเจริญขึ้นเยอะ มีน้ำมีไฟใช้กันอย่างสบายด้วยจากแผงโซล่าเซลล์ที่คุณโนอาร์ลงทุนติดตั้งให้ และยังได้รับของบริจาคจากคุณณรงค์พ่อของคุณโนอาร์อีกด้วย
การที่ฉันมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ก็เพราะได้ทุนจากทั้งสองคนให้มาเรียนที่นี่ และยังเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่ค่าเทอมหลักแสน ทุกค่าใช้จ่ายทั้งสองคนออกให้ฉันทั้งหมด แค่ปัญญาฉันเองคงไม่มีทางได้เรียนที่นี่แน่นอน ในตอนแรกฉันตั้งใจจะเรียนในตัวเมือง แต่ด้วยคำขอร้องของพี่สาวคนสนิทที่ฉันรักเหมือนพี่สาวแท้ๆทำให้ฉันยอมมาเรียนตามที่พี่ไอร์ได้จัดหาไว้ให้ ฉันรู้ดีว่าพี่ไอร์รักฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเลยพยายามหาแต่สิ่งดีๆให้ฉัน
______________
"น้อยหน่า"
"พี่ไอร์" น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ฉันหันหลังไปตามเสียงเรียกก็เจอกับพี่สาวคนสนิทหลังจากนั่งรอมาเกือบครึ่งชั่วโมง ความหวาดกลัวหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อเจอคนที่รู้จักและคนที่ฉันไว้ใจ เท้าเรียวเล็กรีบวิ่งไปหาพี่สาวคนสนิททันที พร้อมกับอ้าแขนสวมกอดด้วยความคิดถึง
"คิดถึงจังเลย ถึงจะน่าดุน่าตีก็เถอะ แต่พอเจอหน้าก็โกรธไม่ลง" ไอรีนทำสีหน้าจริงจังแต่ก็ยังเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้เจอเด็กสาวต่างครอบครัวแต่รักเหมือนน้องสาวแท้ๆของตัวเอง
"หนูแค่ไม่อยากให้พี่ไอร์กับคุณโนอาร์ต้องออกค่าใช้จ่ายให้หนูแล้ว แค่นี้หนูก็ชดใช้ให้ทั้งสองคนไม่หมดแล้วค่ะ"
"แต่การที่เธอเลือกทำแบบนี้รู้ไหมว่าอีกกี่คนต้องเป็นห่วง พี่สาวเธอใจแทบจะหลุดออกมาแล้วระหว่างที่มาหาเธอ คนที่บ้านบนดอยก็เป็นห่วงเธอ ดีที่ฉันได้คุยกับผู้ใหญ่บ้านและป้าเพ็ญแม่ของเธอให้ว่าเธออยู่กับฉันแล้ว" โนอาร์ใช้น้ำเสียงดุน้อยหน่าและแสดงสีหน้าจริงจัง ไม่มีอ่อนโยนเหมือนเมียสุดที่รัก
"หนูขอโทษค่ะ หนูมัวแต่ตื่นเต้น และกลัวจนลืมโทรหาลุงผู้ใหญ่ให้บอกแม่ว่าหนูถึงแล้ว หนูขอโทษพี่ไอร์กับคุณโนอาร์ด้วยนะคะ ที่ทำให้เป็นห่วงกันขนาดนี้"
"ไม่เป็นไร เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว แค่พี่เห็นเราพี่ก็สบายใจแล้วล่ะ
"อย่าว่าน้อยหน่าเลยค่ะ ไอร์รู้ว่าน้อยหน่ารู้สึกยังไง แค่นี้น้อยหน่าก็ขวัญเสียหมดแล้ว"
ฉันมองพี่ไอรีนพูดกับสามีด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น ไม่แปลกใจทำไมทั้งคู่ถึงอยู่ด้วยกันได้ เมื่ออีกคนเป็นไฟ อีกคนก็จะเป็นน้ำ เข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งคู่ถึงครองรักกันมาได้อย่างยาวนานขนาดนี้