สาบานเลยว่าถ้ากลับไปเธอจะสวดเพื่อนตัวดีเช้ายันเย็น!
นัตตี้บ่นในใจ รู้สึกเวลาที่พริบพราวเข้าไปมันนานมากพอแล้ว แถมไม่มีสัญญาณ ข้อความ หรืออะไรแจ้งเตือนสักอย่างว่ากำลังมีอันตรายหรือไม่ หญิงสาวรู้สึกร้อนใจจนต้องมองโทรศัพท์ที มองนาฬิกาที่คอนโทรลรถทีเหมือนคนบ้า น่องขาสวยในกางเกงขาสั้นเขย่าไปมานั่งไม่ติด
กึกๆๆๆๆ
พอกับนิ้วเรียวยาวที่ควบคุมเล็บให้เคาะลงพวงมาลัยถี่ๆ ด้วยความร้อนใจ
“พริบพราวเมื่อไหร่แกจะติดต่อมาเนี่ย ไม่ใช่ว่า...บ้าเอ๊ย” นัตตี้ฟุบหน้าลงที่แขน ปากยังคงพึมพำต่อไปเรื่อย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“กรี๊ดดดดดดดดด”
“ลงมาคุยกันหน่อยสิ” ชายสวมหน้ากากปรากฏตัวขึ้นในฝั่งด้านคนขับ เล่นเอาคนในรถกรีดร้องเสียงหลง เขาเหมือนคนที่เดินเข้าไปหลังพริบพราวในตอนนั้น ชายในสุดสูทที่สวมหน้ากากไว้เพียงครึ่งหน้า หญิงสาวเม้มปากแน่นพยายามสะกดจิตตัวเองไม่ให้กลัวไปมากกว่านี้ กดล็อกรถย้ำๆ พร้อมกับงัดที่เปิดเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่สามารถเข้ามาได้
แต่จะให้รู้สึกปลอดภัยได้ยังไงในเมื่อ...การ์ดกว่าสิบคนล้อมรถเธออยู่
กึก กึก
“กรี๊ดดดดดดดดดอย่านะ”
เสียงพยายามเปิดประตูทำเธอประสาทจะกิน
ปัง!
“ลงมาคุย”
นัตตี้ปิดหูแน่นไม่สนใจแม้เขาจะกำลังใช้มือทุบรถเธอและโวยวายแค่ไหน มือเล็กกดเบอร์เพื่อนโทรย้ำๆ ในใจสั่นจนซีด
“รับสิวะ รับสิ อีพราวมึงอยู่ไหนของมึงเนี่ย”
ปัง! ปัง! ปัง!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
ผลัวะ
สองแขนยกค้างไม่อาจเอาลงได้ ส้นสูงสีขาวหย่อนลงพื้นด้วยความอาการกลัวสุดขีด
นัตตี้ยอมรับอย่างอายๆ ว่าต่อให้ตอนนี้เธอฉี่ราดลงพื้นต่อหน้าคนเป็นสิบก็ทำได้อย่างไม่อาย แค่ตอนนี้เธอไม่ได้ปวดเท่านั้น
เสียงปืนดังขึ้นสามนัดจากชายใส่หน้ากากแค่ครึ่งหน้าที่กระจกฝั่งเธอ เขายิงเข้ากำแพงลานจอดรถชั้นใต้ดินไม่เกรงกลัวว่าตำรวจจะพากันมาก่อนจะเล็งกระบอกปืนอุ่นควันคลุ้งจ่อกับกระจกหน้ารถ
มันแลบลิ้นเลียมุมปากชอบใจ
“กูเรียกดีๆ แล้วนะคนสวย ทำไมไม่ลงตอนนั้นล่ะ ฮึ” มันโอบรอบเอวเธอจูบหัวไหล่เนียนก่อนจะพูดต่อ
“ชอบให้ความรุนแรงเหรอ ฉัน...ก็...ชอบนะ!” สายตาภายใต้หน้ากากคุกคามจนนัตตี้สั่นระริก
“เธอนี่เหมาะเลย เพื่อนเธอเด็ดจนเพื่อนฉันคุกเข่าถวายลิ้น แล้วเธอจะทำให้ฉันเป็นอย่างมันได้รึเปล่า แต่ฉันอยากให้เธอคุกเข่าดูดควXฉันมากกว่านะ” แรงกัดที่ซอกคอทำให้เธอหายใจถี่มือเล็กกำกางเกงตัวเองแน่น ลิ้นเปียกชื้นค่อยๆ ลูบไล้เนินไหล่ลากขึ้นมาถึงกกหูอย่างหลงใหล
เธอถูกใจเขาตั้งแต่เห็นแล้ว คิดถูกที่เข้าไปขัดจังหวะมันกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ
กลิ่นตัวทั้งหอม และดูจะหวานจนอดใจไม่อยู่
“พริบพราวอยู่ไหน”
“เด็กร่านคนนั้นชื่อพริบพราวเหรอ ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ ฉันจะพาไปหา แต่ก่อนอื่นบอกชื่อเธอหน่อยไหม” มือใหญ่ร้อนราวกับไฟลูบไล้เนื้อตัวเย็นเฉียบของนัตตี้อย่างหลงใหล ทุกอย่างเนียนนุ่มมือแม้กระทั่งด้านใน
“อ๊ะ! อย่านะ”
“บอกชื่อเธอมา” ลมหายใจพ่นที่กกหูมันร้อนจนหลอมให้เธอละลายแต่เขากลับใช้ลิ้นเปียกดับมันอย่างรู้ทัน เสียงหอบกระเส่าของหญิงสาวทำให้เขาได้ใจ กดนิ้วใหญ่เบียดเรียวขาเข้าไปตามซอกกางเกง
“อย่านะ ฉันบอกว่าอย่าาา ฮื๊อออ”
“หึ”
กางเกงในนุ่มยุบตามรอยนิ้วมือกดแนบไปกับติ่งเสียวทำให้นัตตี้สติหลุด ขาเธออ่อนแรงจนต้องพิงกระโปรงหน้ารถเอาไว้เพื่อพยุงตัว ปืนที่เอวและคนพวกนี้มันเยอะเกินกว่าที่จะขัดขืน นัตตี้กัดฟันกรอดเมื่อเนื้อบอบบางสัมผัสกับนิ้วมือโดนตรง
“เธอนี่มันเนียนไปทั้งตัวเลยว่ะ ฮ่าๆ จะไม่บอกชื่อจริงเหรอ”
“อ๊าส์ นะ...นัตตี้ค่ะ หยุดเถอะอื๊อออ”
“นัตตี้...อืมมมแน่นมาก”
ความคับแน่นเรียกมุมปากยกกว้างของเขาได้เป็นอย่างดี คนที่ถูกเรียกว่าโรคจิตยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น เสียงหัวเราะของมันกังวานไปทั่วลานจอดรถ แต่มันกลับทำให้นัตตี้กลัวยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าสวยฉายแววหวาดกลัวจนตัวสั่น ท่อนแขนที่ดันกระโปรงรถไว้เริ่มยันไม่อยู่ ตัวเธอไหลไปเรื่อยๆ ตามนิ้วเขาอย่างง่ายดาย
พอมันงัดขึ้นนัตตี้ก็กระดกขึ้นรับ พอเขาผ่อนเธอถึงกลับมายืนได้
“ฉันชอบของสดนะแต่อยากได้ร่านๆ ด้วย”
“ไม่นะ...อื้ออ โอ้ววว”
เหมือนกระเปาะน้ำถูกทำลายด้วยนิ้วแตกกระจายไปถึงหน้าท้องน้อย น้ำหวานใสทะลักออกมาชุ่มนิ้ว ความฟินและเสียวโจมตีจนมือเท้าเธอหงิกงอ